83 ปี พคท. กับบทเรียนของสังคมไทย:สังคมนิยมอัตลักษณ์ไทยทางออกของสังคมไทย

วันที่ 1 ธันวาคม 2568 วาระครบรอบ 83 ปี การก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ประวัติศาสตร์การเมืองไทยได้หวนกลับมาอยู่ในพื้นที่สนทนาอีกครั้ง

แต่คราวนี้ไม่ใช่ในฐานะ “ผู้แพ้ทางการทหาร” หรือ “ผู้ถูกกวาดล้าง” ดังที่เคยถูกจารึกไว้ในตำราของผู้ชนะ หากเป็นการกลับมาศึกษาใหม่อย่างเป็นธรรม ในฐานะหนึ่งใน ขบวนความคิดสำคัญที่เคยผลักดันให้สังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปข้างหน้า

                       

ในฐานะผู้ร่วมทาง ที่ติดตามประวัติศาสตร์และโครงสร้างอำนาจของประเทศไทยมีความเห็นว่า ความคิดสังคมนิยมและบทบาทของพรรค เป็นองค์ประกอบที่ไม่อาจลบออกจากการศึกษาพัฒนาการประชาธิปไตยไทยได้

เพราะสิ่งที่พรรคเคยแสดงจุดยืน เคยชี้ปัญหา และเคยต่อสู้ กลายเป็นโจทย์ที่สังคมไทย ยังคงเผชิญซ้ำแล้วซ้ำอีก มาจนถึงปัจจุบัน

ตั้งแต่เรื่องความเหลื่อมล้ำ, การกระจุกตัวของอำนาจ, จนถึงปัญหา “รัฐที่ไม่เป็นประชาธิปไตยโดยเนื้อแท้”

แม้ที่ผ่าน พรรคจะมิได้เป็นผู้ชนะ ในเชิงโครงสร้าง แต่หลายประเด็นที่พรรคเคยวิเคราะห์กลับสะท้อนความเป็นจริงในสังคมไทยร่วมสมัยอย่างน่าขบคิด

พรรคในฐานะส่วนหนึ่งของ “โครงสร้างสังคมไทยที่กล้าลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจรัฐ” ในมุมมองประวัติศาสตร์พรรค ไม่เพียงเป็นองค์กรปฏิวัติ หากเป็น “กระจกเงา” ที่สะท้อนให้เห็นลักษณะสำคัญของ โครงสร้างอำนาจรัฐของไทย โครงสร้างที่กุมกำลังทหาร, กลไกรัฐราชการ, ขุนนางการเมือง, เครือข่ายทุนผูกขาด ที่มีความสัมพันธ์กับมหาอำนาจจักรวรรดินิยมอเมริกา

พรรคอาจไม่ชนะทางการทหาร แต่พรรคได้รับชัยชนะทางการเมืองจากประชาชนจำนวนมาก การดำรงอยู่ของพรรคทำให้รัฐไทยต้องปรับตัว และยอมสร้างนโยบายเพื่อประชาชนมากขึ้น เช่น การปฏิรูปที่ดินบางส่วน นโยบายพัฒนาชนบท การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างรัฐสวัสดิการในระดับเริ่มต้น

ในแง่นี้ พรรคจึงเป็น “แรงกดดันเชิงโครงสร้าง” ที่ช่วยเปิดพื้นที่ประชาธิปไตยให้สังคมไทยในอดีต แม้รัฐไทยจะไม่ยอมรับก็ตาม

83 ปีต่อมา โลกเปลี่ยน แต่ปัญหาเดิมยังอยู่แม้โลกหลังสงครามเย็นเคยถูกประกาศว่า “ทุนนิยมคือผู้ชนะ” แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเป็นจริงกลับชี้ว่า ระบบทุนนิยมเสรีที่ไร้การคานอำนาจ กำลังเผชิญวิกฤติแทบทุกภูมิภาคของโลก

ความเหลื่อมล้ำรุนแรง ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีหลักประกันชีวิต วิกฤติการเมืองจากทุนผูกขาด วิกฤติสิ่งแวดล้อม วิกฤตหนี้ครัวเรือนทั่วโลก

หลายประเทศเริ่มหันกลับมาพึ่งกลไกรัฐ: รัฐสวัสดิการ, ภาษีก้าวหน้า, การควบคุมทุนผูกขาด และนโยบายเพื่อแรงงาน ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ “อุดมการณ์สังคมนิยม” เคยชี้ไว้ตั้งแต่หลายทศวรรษก่อน

ดังนั้น การพูดถึงสังคมนิยมในวันนี้ไม่ใช่การเรียกร้องให้กลับไปสู่สงครามป่าเขา แต่คือการถามว่า ประชาชนควรมีชีวิตที่มั่นคง มีศักดิ์ศรี และมีอำนาจต่อรองกับทุนได้หรือไม่

ความคิดสังคมนิยมอัตลักษณ์ไทย คือทางเลือกใหม่ในยุคที่ระบบเก่าถึงทางตัน

จากประสบการณ์ของ พรรค และบทเรียนหลายประเทศ สิ่งที่ชัดคือ ประเทศไทยไม่ควรลอกแบบสังคมนิยมจากต่างประเทศ

แต่ต้องสร้าง สังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์ไทยคือรัฐบนฐานคุณธรรม ซึ่งอาจยืนอยู่บนหลักสำคัญหลายประการ เช่น

1) ประชาธิปไตยที่มีเนื้อหา ไม่ใช่แค่พิธีกรรมเลือกตั้ง ประชาชนต้องมีอำนาจจริง ไม่ถูกครอบงำด้วยกลุ่มทุนผูกขาด–กลุ่มอำนาจรัฐที่ฉ้อฉล

2) เศรษฐกิจที่ยึดคนส่วนมาก ไม่ใช่ทุนผูกขาด รัฐต้องกำกับทุนใหญ่ ปฏิรูปภาษี และกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ

3) สวัสดิการสังคมในฐานะสิทธิพื้นฐานสุขภาพ การศึกษา ที่อยู่อาศัย ควรเป็นสิทธิ ไม่ใช่สินค้า

4) การพัฒนาที่เป็นธรรมต่อเกษตรกรและแรงงาน ปรับโครงสร้างที่เอื้อต่อกลุ่มทุนเมืองและทุนเกษตรรายใหญ่

กรอบคิดใหม่ที่ท้าทาย เหล่านี้ คือ รัฐต้องยืนอยู่บน คุณธรรม, ความโปร่งใส, หลักนิติธรรม, ความรับผิดชอบต่อประชาชน ซึ่งสอดคล้องอย่างลึกซึ้งกับอุดมการณ์สังคมนิยม

บทบาทของ พรรคต่อสังคมไทยวันนี้ ยังโดดเด่นท้าทาย ความคิด อุดมการณ์ ธงแดงแห่งสังคมนิยม ยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังของประชาชนผู้ถูกกดขี่ และเป็นเครื่องเตือนใจว่า การต่อสู้เพื่อเอกราช ประชาธิปไตย และความเสมอภาค คือภารกิจที่ยังไม่จบสิ้น จนกว่าประชาชนทุกคนจะได้มีชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี

“ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์” และข้อเท็จจริงที่ดำรงอยู่จริงในสังคม อุดมการณ์สังคมนิยม ไม่ใช่อดีต ไม่ใช่ความเพ้อฝัน แต่เป็นความจริง เป็นทางออกของสังคมไทย และโลกในยุคสมัยใหม่ ที่ประชาชนทั่วโลกกำลังแสวงหาเพื่อชีวิตที่ดีกว่าในอนาคต

83 ปีหลังการก่อตั้งพรรค เราควรมองอดีตอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่ด้วยอคติสงครามเย็น ไม่ใช่ด้วยการตีตราทางอุดมการณ์

แต่ควรถามว่า อะไรที่ทำให้ประชาชนจำนวนมากยอมเสี่ยงชีวิตเข้าป่า? พวกเขาต่อสู้เพื่ออะไร? และเหตุใดปัญหาที่พวกเขาต่อสู้จึงยังคงอยู่ในสังคมไทยปัจจุบัน?

ในฐานะผู้ร่วมทาง เชื่อว่าลัทธิมาร์กซ์และแนวคิดสังคมนิยม เมื่อปรับให้สอดคล้องกับบริบทสังคมไทย ยังเป็นหนึ่งในคำตอบที่เป็นไปได้ที่สุด สำหรับการแก้ไขโครงสร้างสังคมไทยที่เต็มไปด้วย ความเหลื่อมล้ำและอำนาจไม่เป็นธรรม

และในโลกที่ผลลัพธ์ของทุนนิยมเสรี กำลังถูกตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อยๆ สังคมนิยมอัตลักษณ์ไทยอาจไม่ใช่ความฝันโรแมนติก

แต่เป็น “หนทางออกที่จะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ที่ควรถูกนำกลับมาพิจารณาอย่างจริงจังอีกครั้ง

83 ปีพรรค เถ้าถ่านแห่งการต่อสู้ที่ยังไม่ได้ดับมอด บทเรียนของสังคมไทยในยุคที่ความหวังยังไม่สิ้น

วันที่ 1 ธันวาคมปีนี้ ไม่ได้เป็นเพียงวันครบรอบวันก่อตั้งพรรค หากเป็นวันที่ “ความทรงจำของผู้คน” หวนกลับมามีเสียงอีกครั้ง

เสียงที่ดังมาจากยอดเขาในอดีต จากป่าลึกที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่พำนักของผู้ใฝ่ฝันถึงสังคมเท่าเทียม และจากบทกวีของแรงงาน ชาวนา นักศึกษา ที่เคยเขียนด้วยลมหายใจแห่งความหวัง

นี่คือ 83 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) พรรคที่ไม่เคยเลือนหายในหน้าประวัติศาสตร์ของการแสวงหาความเป็นธรรมบนแผ่นดินนี้ ในฐานะผู้ร่วมทาง

การระลึกถึงวันที่ก่อเกิดพรรค ในปีนี้เป็นการยืนยันอย่างหนักแน่นว่า พรรคได้นำพาประชาชนไทย ลุกขึ้นถาม ผู้มีอำนาจว่า เหตุใดเราต้องอยู่ในสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำเช่นนี้?”และคำถามนี้… ยังไม่เคยได้รับคำตอบจากรัฐไทยอย่างแท้จริงจนถึงวันนี้.

โดย ภู สันเย็น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สมศักดิ์ เจียมฯ' สารภาพพูดจริง ก่อน 6 ตุลาฯเราฆ่า 'กระทิงแดง' หลัง6ตุลาฯ ฆ่าแกนนำชาวนา

'สมศักดิ์ เจียม' สารภาพพูดจริง ก่อน 6 ตุลาฯไม่นาน เราฆ่า 'กระทิงแดง' เอาตัวตัวถ่วงน้ำเจ้าพระยาโดยผ่าศพแล้วจับก่อนหินใส่ให้หนัก เพราะเป็นสปายมาสืบ หลัง6ตุลาฯ ลงมติฆ่าอดีตปธ.สหพันธ์ชาวนาชาวไร่ ใม่พอใจจะหนีกลับลงมา รับไม่มีอะไรที่สดใส ซื่อบริสุทธ์ทุกเรื่อง

ภาคประชาชนเคลื่อนไหวร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ หลังพบข้อกังวลต่อการปรับหลักสูตรและนโยบายสื่อดิจิทัล ชี้ควรสอดคล้องกฎหมายและแผนการศึกษา

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิต นายสานิตย์ พลศรี นายกสมาคมครูชนบท จังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยนายสมคิด หอมเนตร รองประธานคณะมนตรีปฏิรูปการศึกษาภาคประชาชน ได้เข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.ธีระกิตติ์ ธีระบัญชร รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลดุสิต เพื่อขอให้ตรวจสอบนโยบายด้านการศึกษาในประเด็นการปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและการจัดซื้อ เช่า ใช้สื่อดิจิทัล

กมธ.สภาสูงหนุนนิรโทษ ม.112 เยาวชนที่ทำด้วยความคึกคะนอง!

'กมธ.พัฒนาการเมืองฯ สว.' เชิญเจ้าของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ชี้ ม.112 ควรดูที่เจตนา ขณะที่ตัวแทนแจง หากจงใจก่อความวุ่นวายนิรโทษไม่ได้ ด้าน กมธ.เห็นด้วยนิรโทษกรรมเยาวชน เชื่อสร้างสังคมสงบสุขได้

เครือข่ายประชาชนบุกกฤษฎีกา ยื่นหนังสือค้านกาสิโน หวั่นทำสังคมไทยเสื่อมโทรม

กลุ่ม คปท.-ศปปส.-กองทัพธรรม ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา คัดค้านร่าง พ.ร.บ. สถานบันเทิงครบวงจร หวั่นเปิดทางให้กาสิโนถูกกฎหมาย ชี้เป็นพิษต่อสังคมไทยในระยะยาว