Mitsubishi Xpander HEV ขับสบาย ประหยัด ลุยได้

หลังจากที่ Mitsubishi Xpander HEV เปิดตัวไปเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีด้วยยอดขายกว่า 4,000 คัน ในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น Mitsubishi Xpander HEV มีความโดดเด่นในรูปลักษณ์ และสิ่งที่โดดเด่น คือ ติดตั้งเครื่องยนต์ที่เป็นระบบไฮบริด ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งมาพร้อมข้อเสนอรถช่วงแนะนำ เริ่มต้น 912,000 บาท และในรุ่น Cross ราคา 946,000 บาท หลังจากช่วงแนะนำราคาจำหน่ายอยู่ที่ 933,000 บาท และ มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 961,000 บาท ซึ่งมีราคาที่ไม่ต่างจากรุ่นเครื่องยนต์สันดาปในปัจจุบันมิตซูบิชิ ได้จัดกิจกรรมทดลองขับ Xpander HEV บนเส้นทาง กรุงเทพฯ-บางแสน เพื่อให้สื่อมวลชนได้สัมผัสตัวรถผ่านการขับขี่ และการใช้งานจริง โดยในทริปนี้มีทั้ง Xpander Cross HEV และ Xpander HEV ซึ่งความแตกต่างหลักๆ เป็นในส่วนของชุดแต่งภายนอก สำหรับเครื่องยนต์ไม่ได้มีความแตกต่างกันการเดินทางเริ่มจากกรุงเทพฯ ช่วงเช้าผ่านการจราจรติดขัด Xpander HEV มีตำแหน่งการนั่งและมุมมองที่ค่อนข้างสูง ทำให้ขับขี่ง่าย คล่องตัว หลังจากนั้นขับออกไปเส้นทางมอเตอร์เวย์ ได้ทดลองในช่วงความเร็วสูง Xpander HEV การมีปรับช่วงล่างมาใหม่เพื่อรองรับไฮบริด ทำให้ตัวรถมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีก 165 กิโลกรัมจากรุ่นเดิม การซับแรงกระแทกจากพื้นถนนถึงตัวรถได้ดีทำให้ผู้โดยสารหรือผู้ขับขี่ในทางไกลไม่รู้สึกเมื่อยล้า นั่งสบาย และหากขับขี่ไม่เกิน 120 กม./ชม. เสียงภายนอกที่เข้ามาถือว่าเงียบดีทีเดียว ในส่วนของอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ทดลองขับแบบใช้งานจริงได้ตัวเลขประมาณ 16 กม./ลิตร  พละกำลังเครื่องยนต์รหัส 4A92 เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว  1.6 ลิตร 1,590 ซีซี พร้อมระบบแปรผันวาล์ว MIVEC กำลังสูงสุด 95 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 134 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า พละกำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ 116 แรงม้า 255 นิวตันเมตร  ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า พร้อมระบบ Active Yaw Control พร้อมโหมดการขับขี่ 7 รูปแบบ คือ Normal Mode เป็นโหมดที่สมดุลและเหมาะสมที่สุดสำหรับการขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน , Wet Mode เหมาะสำหรับการขับขี่บนถนนที่เปียกลื่น โดยช่วยป้องกันการลื่นไถล , Gravel Mode เหมาะสำหรับการขับขี่บนทางทางลูกรัง เพิ่มเสถียรภาพการขับขี่บนพื้นผิวถนนที่ลื่นและขรุขระ , Tarmac Mode เหมาะกับการขับขี่บนถนนลาดยาง ที่ให้พละกำลังและการควบคุมการขับขี่ที่คล่องตัว , Mud Mode ทางโคลน เพิ่มการตอบสนองและการควบคุมที่ทรงพลังบนถนนดินโคลนสมบุกสมบัน , EV โหมดการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% , EV Charge โหมดชาร์จไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่รถยนต์ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดรุ่นใหม่ ได้ผสานระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและเทคโนโลยีระบบควบคุมการขับเคลื่อน อันเป็นเอกลักษณ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างมิติใหม่แห่งประสบการณ์การขับขี่ที่เปี่ยมพลัง โดดเด่นเหนือระดับ โดยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริดใน เอ็กซ์แพนเดอร์ เอชอีวี  และเอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เอชอีวี ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ด้วยการต่อยอดจากระบบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEVs) เพื่อมอบสุนทรียภาพแห่งการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งอัดแน่นด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) ที่ทำงานสอดผสานอย่างลงตัวกับเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เพื่อมอบความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่ ด้วยสมรรถนะการควบคุมรถที่เหนือชั้น พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย ซึ่งช่วยเสริมสมรรถนะการเกาะถนน และช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างง่ายดายและคล่องตัวบนทุกสภาพถนนและทุกสภาพอากาศ ทั้งนี้ ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่เป็น EV Priority ได้ตามต้องการ เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ อาทิ ต้องการเดินทางอย่างเงียบสงบ หรือเคลื่อนตัวได้โดยไม่สร้างเสียงรบกวนในหมู่บ้านระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด เอชอีวี ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ประกอบด้วยรูปแบบการขับขี่แบบ EV (พลังงานไฟฟ้า 100%) รูปแบบการขับขี่แบบไฮบริด และระบบชาร์จไฟกลับขณะเบรกหรือ Regenerative Braking จึงโดดเด่นในด้านอัตราประหยัดน้ำมัน พร้อมมอบความสนุกแห่งการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งสามารถปรับเข้าสู่รูปแบบการขับขี่ที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุดได้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์การขับขี่ และพลังงานคงเหลือในแบตเตอรี่ ณ ขณะนั้น เมื่อเริ่มออกตัว และขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าโดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว เป็นรูปแบบการขับขี่แบบ EV (พลังงานไฟฟ้า 100%)

ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด มอบอัตราเร่งที่ทรงพลัง ไหลลื่นไม่มีสะดุด ตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 85 กิโลวัตต์ พร้อมเครื่องกำเนิดไฟฟ้าผสานการทำงานกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร MIVEC โดยมีแบตเตอรี่ขับเคลื่อนที่ได้รับการพัฒนาสำหรับรถยนต์รุ่นนี้โดยเฉพาะ มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงและแบตเตอรี่ตอบสนองต่อแรงบิด 255 นิวตันเมตรได้อย่างรวดเร็วเมื่อออกตัว และให้อัตราเร่งที่ทันใจเมื่อกดคันเร่ง ผู้ขับขี่จึงสามารถเปลี่ยนเลนบนทางด่วนได้อย่างราบรื่นไร้กังวล และกลับรถบนถนนในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นได้อย่างสะดวกง่ายดาย

สิ่งที่ทำให้ Xpander HEV โดดเด่นและต่างจากคู่แข่ง คือโหมดในการขับขี่ที่ให้มากกว่ารถกลุ่มเดียวกัน ในเรื่องราคาและความคุ้มค่า รวมถึงระบบความปลอดภัยและสิ่งอำนวยความสะดวก Xpander HEV มีมาให้อย่างครบครัน ซึ่งถือว่าเป็นรถที่มีเทคโนโลยีและสมรรถนะที่น่าสนใจ เป็นตัวเลือกอีกคันหนึ่งสำหรับคนยุคใหม่ที่ต้องการรถที่ใช้งานได้อรรถประโยชน์ด้วยขนาดตัวรถที่ไม่ใหญ่จนเกินไป


โดย นรินทร โชติภิรมย์กุล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปอร์เช่ เผยยอดขายไตรมาสแรกพุ่ง 23%

กรุงเทพมหานคร ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย เอเอเอส กรุ๊ป ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

โรลส์-รอยซ์ เปิดตัว ‘Cullinan Series II’ ซูเปอร์ลักชัวรี่เอสยูวี

โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน เปิดตัวช่วงปี 2561 ในฐานะซูเปอร์ลักชัวรี่เอสยูวี รุ่นแรกของโลก เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่สามารถไปได้ในทุกพื้นที่

ฟอร์ดเปิดรับจองรถฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัม เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6

จากความสำเร็จในการเปิดตัวรถยนต์ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ แพลทินัม ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 ที่มีลูกค้าให้ความสนใจ

Bangkok Drift and Drive Alpha-1 Race สอนดริฟต์รถหลักสูตรแรกในประเทศไทย สมัครได้แล้ววันนี้

บริษัท BD motor work จำกัด ได้ทำการเปิดหลักสูตรแรกในประเทศไทยที่ใช้ความเร็วสร้างความสัมพันธ์กับหลักสูตร Bangkok Drift and drive: Alpha-1 Race