โอ้ย....เบิดคำสิเว้า ไหนบอก “ตำรวจรับใช้ประชาชน” ไหนบอก “ตำรวจเป็นที่พึ่งประชาชน” แต่พอได้รับรู้ รับฟัง สองสาวที่ไปแจ้งความ ไปขอความช่วยเหลือ “ตำรวจ” ในความเดือดร้อนของตัวเอง
สุดท้าย “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”
บอกตรงๆ ไม่รู้จะหาคำไหนมาพูด ไม่รู้จะหาคำไหนมากล่าว นอกจากอยากจะบอก
“หาปี๊บมาคลุมหัวเถอะ”!!!
รายแรก...จังหวัดขอนแก่น หญิงสาววัย 24 เข้าห้องน้ำ ที่หอพักแห่งหนึ่ง ย่านกังสดาล หนองแวง – ตาชู เขตเทศบาลนครขอนแก่น
เพื่อแปรงฟันในห้องน้ำเวลาประมาณเที่ยงคืน วันที่ 19 มี.ค.แต่ในระหว่างที่กำลังแปรงฟันอยู่นั้น สายตาได้เหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน สีดำ สอดเข้ามาในช่องระบายอากาศของห้องน้ำ จึงตกใจตะโกนขอความช่วยเหลือจากเจ้าของหอพัก ก่อนจะรีบวิ่งออกไปดูด้านหลังห้อง ก็พบว่ามีรอยรองเท้าของคนร้ายที่ปีนข้ามกำแพงของหอพักที่อยู่ติดกันติดอยู่บนกำแพง และรอยเท้าเหยียบบนเบาะรถจักรยานที่จอดอยู่ฝั่งหอพักดังกล่าว
จากนั้นได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบ แต่กลับไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแม้แต่คนเดียว เธอเล่าว่าต่อมาไปแจ้งความที่โรงพัก แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับบอกให้ตนเองไปหาหลักฐานมาก่อน จึงกลับมาแจ้งความ ซึ่งความรู้สึกตอนนั้นยังหวาดกลัว แต่กลับต้องมาหาหลักฐานเอง ต่อมาจึงได้ไปขอดูกล้องวงจรปิดจากหอพักที่อยู่ติดกัน กระทั้งพบว่า มีชายต้องสงสัย 1 คน ที่เข้ามาเดินวนเวียนอยู่ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ
“อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหาเบาะแสเพื่อติดตามตัวมาสอบสวน เพราะขณะนี้ตนเองต้องอยู่อย่างระแวง และกลัวว่าคนร้ายจะกลับมาก่อเหตุอีกทั้งกับตนเอง และคนอื่นๆ ส่วนห้องน้ำได้นำกระดาบมาปิดไว้แล้ว”
รายที่สอง...จังหวัดลำพูน หญิงสาววัย 24 ถูกนำรูปภาพไปแอบอ้างปลอมทั้งเฟซบุ๊ก ไอจี และติ๊กต๊อก หลอกคุยกับผู้ชายจำนวนมากในทำนองชู้สาว หนึ่งในนั้นเป็นเด็กมัธยมถูกหลอกให้โอนเงินให้ จนเธอต้องตามสืบเองจนเจอตัวคนปลอมเฟซบุ๊กด้วยตัวเอง หลังแจ้งความแล้วตำรวจบอกไม่รู้จะตามยังไง
“ไปแจ้งความที่โรงพัก เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2564 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าไม่รู้จะตามยังไง จึงทำได้เพียงแค่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงพยายามหาข้อมูล และรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆด้วยตัวเอง ค้นหาข้อมูลทุกอย่างรวมถึงทะเบียนราษฎร แกะรอยจากเพื่อนผู้ที่ติดตามในเฟซบุ๊ก ตามกันกว่า 1 ปี ก็ได้ข้อมูลมาว่าเป็นผู้หญิงบ้านอยู่ อ.เถิน จ.ลำปาง มามีครอบครัวอยู่ที่ ต.อุโมงค์ อ.เมืองลำพูน
ก่อนตามไปเจอพ่อของสามีผู้หญิงคนดังกล่าว ขอให้พาไปส่งถึงบ้านที่พักอยู่กับสามี ก็ทราบว่าชื่อ “เบียร์” ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง และตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็สร้างแต่ปัญหาบ่อยครั้ง เมื่อเจอหน้าผู้หญิงที่ชื่อเบียร์ก็สอบถามว่าทำไมจึงต้องปลอมเฟซบุ๊กด้วย หญิงคนนี้ก็ตอบสั้นๆ แบบหน้าตาเฉยว่า ชอบ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าชอบที่หน้าตาตนหรือชอบอะไรแบบไหน ตนจึงขอให้ลบแอ็กเคานต์ทั้งหมดออกจากโซเชียล และเพื่อความมั่นใจตนจึงขอซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์จากผู้หญิงที่ชื่อเบียร์มาในราคา 300 บาท แต่ไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี”
วังเวง...ครับ สองสาวไปแจ้งตำรวจให้ช่วยเหลือ สุดท้ายต้องหาหลักฐานช่วยเหลือตัวเอง ไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือเลย
ไม่รู้ “ผบ.ปั๊ด” ฟังเธอทั้ง 2 เล่าแล้วจะวังเวงด้วยหรือเปล่า.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หรือทิ้งทวน?
ดูเหมือนสำนวนไทยที่ว่า "ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา" กำลังถูกนำมาค่อนแคะ เหน็บแนม การแต่งตั้งโยกย้าย "ตำรวจ" ทั้งในระดับ "นายพล" และระดับ "นายพัน" ที่ผ่านมา
ตำรวจไม่เลวไปหมด
ใครจะว่า ใครจะกล่าวหา "ตำรวจ" เป็นองค์กรอาชญากรรม คนพูด คนกล่าวหาก็รู้อยู่แก่ใจ เพราะตัวเองก็เคยอาศัยชายคา อาศัยร่มเงาองค์กร "ตำรวจ" มาเกือบครึ่งค่อนชีวิต
'200 สีกากี' หนาว!
มาพร้อมกับอากาศเย็นๆ ปลายเดือนพฤศจิกายน อาการ "หนาวสะท้าน" ในแวดวง "สีกากี" ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการแต่งตั้ง "นายพัน" วาระประจำปี 2568
ขยายเก้าอี้ 'นายพัน'
หากไม่มีเรื่อง "สาวไส้ให้กากิน" อย่างกรณี "ตำรวจ" แฉ "ตำรวจ" บางกลุ่ม บางพวก บางคน เข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับผลประโยชน์ เกี่ยวข้องกับการรับส่วย
องค์กรอาชญากรรมหรือ?
เห็นด้วยกับท่าที ผบ.ตร.-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ที่ไม่ออกมาตอบโต้ ออกมาโต้เถียง กับข้อกล่าวหาของ "อดีตตำรวจใหญ่" ที่บอกผ่านสื่อว่า "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" เป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย!!!
ตั้ง 'นายพล-นายพัน'
น่าจะต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ "กรมปทุมวัน" อีกครั้ง การแต่งตั้ง "สีกากี" จะมีทั้ง "นายพล" และ "นายพัน" เกิดขึ้นภายในเดือนเดียว


