ล้างบาง 'ตำรวจนอกรีต'

ได้ยิน “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว  ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ประชุมตำรวจทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง

กำชับเกี่ยวกับการรับคดี “ค้ามนุษย์” ให้เน้นคุณภาพ ให้ครบองค์ประกอบความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้เสียหายหรือจำเลยตั้งแต่ต้นกระบวนการยุติธรรม

พร้อมสั่งการไม่ให้ “ตำรวจ” เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเด็ดขาด หากพบว่าฝ่าฝืนจะถูกดำเนินการทั้งวินัยและอาญา

ที่สำคัญเน้นย้ำ “ผู้บังคับบัญชา” ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา  หากมีการกระทำผิดจะมีการพิจารณาความบกพร่องของผู้บังคับบัญชา ตามคำสั่ง ตร.

เลยนึกขึ้นมาได้ ตร.มีคำสั่ง 1212/2537 เรื่องมาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ มีผลบังคับใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการยกเลิก แม้จะเกือบแตะๆ 30 ปีในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หากพลิกไปดูคำสั่ง

เนื้อหาสาระก็ยังคงทันสมัย

เป็นไม้เรียวหวด “ตำรวจ” ให้อยู่ในระเบียบ อยู่ในวินัย  ไม่แตกแถว ไม่ไปสร้างความเสื่อมเสียให้องค์กรผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ได้ชะงัดนัก

เพียงแต่ผ่านยุค ผ่านสมัย คำสั่ง 1212/2537 มนตร์ขลังต่างๆ ก็ลดลง ไม่ใช่ตัวเนื้อหาสาระ แต่เพราะ "ผู้บังคับบัญชา” ไม่ใส่ใจ ไม่จริงจัง ในการนำมาใช้ ปล่อยให้เป็นเพียงแค่

“เสือกระดาษ”!!!

แม้ทุกๆ ครั้งในการประชุมของผู้บังคับบัญชาที่สั่งการเรื่องต่างๆ ไปยังผู้ใต้บังคับบัญชา จะขมวดคำสั่ง 1212 เป็นไม้กันหมาเอาไว้ด้วยแล้วก็ตาม

แต่พอเกิดเรื่อง เกิดราวขึ้น ถามว่า “ผู้บังคับบัญชา” ได้นำคำสั่งขมวดท้ายมาใช้มากน้อยแค่ไหน เพราะถ้านำมาใช้จริงจัง เหตุการณ์ “ตำรวจนอกแถว” จะไม่เกิดขึ้นบ่อยจนชาวบ้าน “ส่ายหน้า”

ตามคำสั่ง 1212/2537 เนื้อหาหลักๆ

 “เมื่อทราบหรือพบว่าผู้ใต้บังคับบัญชา กระทำผิดกฎหมายหรือวินัย หรือมีพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมอาจก่อให้เกิดความเสียหาย ต้องรีบดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยเฉียบขาดทันที และทันต่อเหตุการณ์ ผู้บังคับบัญชาที่ละเลย นอกจากจะต้องถูกพิจารณาความบกพร่อง ถูกงดการขอเลื่อนขั้นและอัตราเงินเดือนประจำปี หรือถูกงดบำเหน็จความชอบ และงดการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นในรอบปีแล้ว ให้พิจารณาแต่งตั้งปรับเปลี่ยนตำแหน่งหน้าที่ หรือเปลี่ยนแปลงหน้าที่รับผิดชอบ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในโอกาสแรก ตามควรแก่กรณีอีกส่วนหนึ่งด้วย...

...กรณีผู้ใต้บังคับบัญชาถูกกล่าวหาว่า กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถึงขั้นมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว หรือถูกฟ้อง หรือต้องหาว่ากระทำผิดอาญา ยกเว้นความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือลหุโทษ หากปรากฏว่าผู้บังคับบัญชาพึงรู้ หรือมีเหตุอันควรรู้ และสามารถแก้ไขป้องกันได้ แต่ไม่ดำเนินการแก้ไขป้องกัน หรือปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดเกิดขึ้น ให้งดการขอเลื่อนขึ้นและอัตราเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษเกิน 1 ขั้น และงดการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นในรอบปีนั้น แก่ผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด และผู้บังคับบัญชาผู้รับผิดชอบในการปกครอง”

หาก “ผบ.ปั๊ด” ไม่อยากเห็นพฤติกรรมแบบคดี “ตำรวจไซเบอร์” อุ้มรีดเงินผู้เสียหายที่เล่นพนันออนไลน์ 4 แสนบาท หรือพฤติกรรมฉาวอื่นๆ ของลูกน้อง

ถึงเวลาต้องปัดฝุ่นคำสั่ง 1212/2537 มาใช้อย่างจริงจัง  โดยเฉพาะโทษงดขึ้นเงินเดือนและแต่งตั้งโยกย้าย มั่นใจแก้ปัญหา “ตำรวจนอกรีต” ได้ชะงัดแน่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หรือทิ้งทวน?

ดูเหมือนสำนวนไทยที่ว่า "ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา" กำลังถูกนำมาค่อนแคะ เหน็บแนม การแต่งตั้งโยกย้าย "ตำรวจ" ทั้งในระดับ "นายพล" และระดับ "นายพัน" ที่ผ่านมา

ตำรวจไม่เลวไปหมด

ใครจะว่า ใครจะกล่าวหา "ตำรวจ" เป็นองค์กรอาชญากรรม คนพูด คนกล่าวหาก็รู้อยู่แก่ใจ เพราะตัวเองก็เคยอาศัยชายคา อาศัยร่มเงาองค์กร "ตำรวจ" มาเกือบครึ่งค่อนชีวิต

'200 สีกากี' หนาว!

มาพร้อมกับอากาศเย็นๆ ปลายเดือนพฤศจิกายน อาการ "หนาวสะท้าน" ในแวดวง "สีกากี" ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการแต่งตั้ง "นายพัน" วาระประจำปี 2568

ขยายเก้าอี้ 'นายพัน'

หากไม่มีเรื่อง "สาวไส้ให้กากิน" อย่างกรณี "ตำรวจ" แฉ "ตำรวจ" บางกลุ่ม บางพวก บางคน เข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับผลประโยชน์ เกี่ยวข้องกับการรับส่วย

องค์กรอาชญากรรมหรือ?

เห็นด้วยกับท่าที ผบ.ตร.-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ที่ไม่ออกมาตอบโต้ ออกมาโต้เถียง กับข้อกล่าวหาของ "อดีตตำรวจใหญ่" ที่บอกผ่านสื่อว่า "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" เป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย!!!

ตั้ง 'นายพล-นายพัน'

น่าจะต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ "กรมปทุมวัน" อีกครั้ง การแต่งตั้ง "สีกากี" จะมีทั้ง "นายพล" และ "นายพัน" เกิดขึ้นภายในเดือนเดียว