ปล่อยของ

ดร.เอ้ บอกด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงบางอย่างย่อมมีทั้งคนที่เห็นด้วยและคนที่เห็นต่าง ดังนั้นการฟังเสียงของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องสำคัญ และการทำประชาพิจารณ์ก็เป็นหนึ่งในกระบวนการบริหารงานในรูปแบบประชาธิปไตย ที่ผ่านมาหลายคนอาจไม่เคยได้ร่วมแสดงความเห็นในประชาพิจารณ์ เพราะไม่สามารถเข้าถึงระบบ หรือไม่ได้รับข่าวสาร ทำให้เสียโอกาสในการตัดสินอนาคตของตนเอง แต่ด้วยนโยบาย อินเทอร์เน็ตฟรี มีไวไฟ 150,000 จุดทั่วกรุงเทพฯ จะทำให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เปิดโอกาสให้ทุกคนร่วมแสดงความเห็น และเป็นที่มาของแนวคิดนโยบาย ประชาพิจารณ์ออนไลน์ ให้ทุกคนมีสิทธิ์เลือกอนาคตของตัวเอง  ในทุกนโยบาย ในทุกการเปลี่ยนแปลง

เท่านั้นไม่พอ “เอ้ สุชัชวีร์” ยังปล่อยของต่อเนื่อง เปิดแคมเปญ ขายได้ขายดี คาดหวังให้พ่อค้าแม่ค้ามีรายได้เพิ่ม เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ใน 6 แนวทาง เช่น ส่งเสริมเพิ่มพื้นที่ทำมาค้าขาย และเพิ่มตลาดถาวร ให้ กทม.เป็นเจ้าภาพใหญ่ช่วยประชาสัมพันธ์เพื่อดึงดูดคนมาเดินตลาด  เป็นต้น

แต่แนวทางที่แซบที่สุด ได้ยินแล้วหูผึ่งคือ จะให้  “ขายของได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุด โดย กทม.มีแผนงานเรื่องการทำความสะอาดในพื้นที่ค้าขายมารองรับ”

อืม..นโยบายนี้โดนใจ “ผู้ค้า” แน่นอน เพราะปัจจุบัน  กทม.ห้ามขายของบนทางเท้าทุกวันจันทร์.

มินนี่เม้าธ์