สงครามโลกครั้งที่ 3?
สงครามนิวเคลียร์?
2 วลีนี้ใครได้ยินได้ฟังก็ต้องหนาว
แต่ก่อนนี้มันคือสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าสงครามโลกจะเกิดอีก...เรียกมันว่า unthinkable
คือคิดอย่างไรก็ไม่เชื่อว่าจะเกิด
แต่วันนี้หลังสงครามยูเครนเข้าสู่เดือนที่ 3 รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์กี ลาฟรอฟ เป็นคนเตือนว่าทุกฝ่ายต้องพยายามลดความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามโลก
เพราะสงครามโลกคราวหน้าจะเป็นสงครามนิวเคลียร์
ที่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ชักไม่แน่
เพราะหากสงครามโลกเกิดขึ้นจริงมันจะกลายเป็นเรื่อง uncontrollable
แปลว่าไม่มีใครควบคุมอะไรได้อีกต่อไป
เพราะใครมีนิวเคลียร์ก็จะต้องมุ่งหน้าทำลายล้างอีกประเทศหนึ่งที่มีอาวุธทำลายล้างรุนแรงก่อน
กลัวอีกฝ่ายหนึ่งกดปุ่มยิงก่อน
ที่เรียกว่า pre-emptive strike หรือการโจมตีศัตรูก่อนที่อีกฝ่ายหนึ่งจะทำ first strike หรือยิงก่อน
เมื่อรัสเซียกับอเมริกาคือ 2 ประเทศที่มีคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก สงครามโลกหากเกิดจริงก็จะทำลายล้างมนุษยชาติจริงๆ
ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เลขาธิการสหประชาชาติ Antonio Guterres บินไปมอสโกและต่อไปที่กรุงเคียฟ เพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดยิงโดยเร็ว
แต่คงก็ได้แค่หวังเท่านั้น เพราะแกก็ยอมรับว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังมีจุดยืนที่แตกต่างกันมาก
เห็นได้ชัดว่ายังมีความเห็นที่แตกต่างกันไม่น้อย
Lavrov บ่นว่าชาติตะวันตกได้ใช้ยูเครนเป็นฐานในการจำกัด ควบคุม และทำให้รัสเซียแย่ลง
และกล่าวหาว่าตะวันตก "ละเมิด" พื้นที่ทางภูมิรัฐศาสตร์" ของรัสเซีย และต้องการจะสลายอิทธิพลของรัสเซียในยูเครน
Lavrov ย้ำคำกล่าวอ้างว่าผู้คนที่อาศัยในภูมิภาค Donbas ทางตะวันออกของยูเครนจำเป็นต้องได้รับการปลดปล่อยจาก "พวกนาซี" อันหมายถึงทหารบางส่วนของยูเครน
แต่ก็ยืนยันว่ารัสเซียจะทำงานร่วมกับสหประชาชาติเพื่อปกป้องพลเรือน
ส่วน Guterres บอกว่าได้ "หารืออย่างตรงไปตรงมา" กับ Lavrov และย้ำมุมมองของสหประชาชาติว่าสงครามเป็นการละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครนและขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ
เลขาฯ ยูเอ็นบอกว่า แม้ว่าต่างฝ่ายต่างมีความเห็นต่างกันเกี่ยวกับสาเหตุของสงคราม
แต่สหประชาชาติก็เห็นว่าจะเป็นผลประโยชน์ของทุกคนในการยุติการสู้รบและเรียกร้องให้มีทางเดินที่ปลอดภัยสำหรับการอพยพพลเรือน
ตอนหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ Guterres บอกว่า
“แต่ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ วันนี้ไม่มีทหารยูเครนในรัสเซีย แต่มีทหารรัสเซียในยูเครน...”
การต่อสู้ยังดำเนินต่อไปอย่างดุเดือดในหลายๆ ภูมิภาคของยูเครน
รัสเซียบอกว่าที่ถล่มสถานีรถไฟยูเครน 5 จุดทางภาคกลางและตะวันตกของยูเครนนั้น ก็เพราะเป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธจากตะวันตกมาให้ยูเครนทำสงครามกับรัสเซีย
ยูเครนแย้งว่าสถานีรถไฟเป็นเป้าหมายพลเรือน ดังนั้นการที่รัสเซียโจมตีเช่นนั้นจึงเป็นการละเมิดกติกาสากลของการทำสงคราม
กองทัพรัสเซียเดินหน้าโจมตีระบบขนส่งทางรางและคลังน้ำมันของยูเครน ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่อยู่ห่างจากแนวรบทางภาคตะวันออกของประเทศที่มีการสู้รบกันอย่างดุเดือดอย่างต่อเนื่อง
พลตรีอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เปิดเผยว่า รัสเซียยังได้ทำลายโรงกลั่นน้ำมัน 1 แห่ง และคลังน้ำมันอีกจำนวนหนึ่งในเมืองเครเมนชุก ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคกลางของยูเครนเช่นกัน
รวมทั้งทำการโจมตีเป้าหมายต่างๆ ในยูเครนอีก 56 แห่ง ในช่วงข้ามคืนของวันจันทร์ที่ผ่านมา
ฟิลิป บรีดเลิฟ อดีตนายทหารอาวุโสของสหรัฐฯ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการระดับสูงขององค์การนาโต ในช่วงระหว่างปี ค.ศ.2013 และ 2016 ให้ความเห็นว่า การโจมตีชุดล่าสุดของรัสเซียที่บริเวณคลังน้ำมันนั้นเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่พุ่งเป้าไปยังการกำจัดทรัพยากรด้านการทำสงครามของยูเครน
ขณะที่การโจมตีสถานีรถไฟนั้น น่าจะเป็นกลยุทธ์ทางสงครามแนวใหม่มากกว่า
ในขณะที่การสู้รบระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายยังเดินหน้าอยู่นี้ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศในวันจันทร์ว่า “รัสเซียกำลังพ่ายศึก และยูเครนกำลังกุมชัยชนะอยู่”
คำประกาศของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นี้มีออกมาหลังจาก รมต.บลิงเคน และรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน เดินทางถึงกรุงเคียฟในวันอาทิตย์ เพื่อพบกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี
รมต.บลิงเคน เปิดเผยว่า รัฐบาลกรุงวอชิงตันได้อนุมัติแผนการขายกระสุน ซึ่งไม่ใช่เป็นส่วนที่สหรัฐฯ ผลิต
และเป็นกระสุนที่ใช้ได้เฉพาะกับอาวุธจากยุคสมัยอดีตสหภาพโซเวียต ที่มีมูลค่ารวม 165 ล้านดอลลาร์ ให้กับยูเครนแล้ว
สหรัฐฯ มีแผนจะตั้งงบกว่า 300 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนยูเครนในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์อื่นๆ เพิ่มด้วย
นอกจากนั้น รมต.ออสตินยังกล่าวเสริมด้วยว่า ขณะที่สหรัฐฯ ต้องการที่จะเห็นยูเครนยืนหยัดในฐานะประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยและมีอธิปไตยเป็นของตนเอง
ประโยคที่มีความหมายสำคัญมากจากปากของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ คนนี้คือ
กรุงวอชิงตันยังต้องการ “เห็นรัสเซียอ่อนกำลังจนถึงจุดที่ไม่สามารถทำการใดๆ เช่น การรุกรานยูเครน ได้อีกต่อไป”
อีกด้านหนึ่งทางตะวันตกเกิดเหตุระเบิดหลายครั้งในพื้นที่แคว้นทรานส์นิสเตรีย ที่ประกาศแยกตัวออกมาจากมอลโดวา
แคว้นทรานส์นิสเตรียตั้งอยู่ตามแนวชายแดนที่ติดกับยูเครน เป็นที่อยู่อาศัยของประชาชนราว 470,000 คน
รัสเซียได้ส่งกำลังพลราว 1,500 นาย ไปประจำอยู่ที่บริเวณนี้ โดยอ้างว่าไปปกป้องคนพูดภาษารัสเซียที่ถูกคุกคามที่นั่น
แต่กระทรวงต่างประเทศมอลโดวาโต้ว่ารัสเซียโจมตีโโยต้องการสร้างเงื่อนไขเพื่อยกระดับภาวะตึงเครียดให้กับการรักษาความมั่นคงในแคว้นทรานส์นิสเตรีย
สอดคล้องกับคำเตือนของสหรัฐฯ ที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่า รัสเซียอาจทำการก่อเหตุกล่าวโทษฝ่ายตรงข้ามเพื่อเป็นเหตุผลในการโจมตีและรุกรานประเทศอื่นๆ ต่อไป
เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายต่างยกระดับอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อการสร้างความได้เปรียบในสมรภูมิรบ...โอกาสแห่งการหยุดยิงและเจรจาก็โบยบินออกไปทางหน้าต่างทันที!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หากการเมืองแทรกแซง ธนาคารกลางได้…
นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์เริ่มเคลื่อนไหวในสัปดาห์นี้เพื่อแสดงจุดยืนว่า “ความเป็นอิสระ” ของธนาคารกลางเป็นเรื่องสำคัญเพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติ
เบื้องหลัง‘ทักษิณ’ดิ้นหา บทบาทแก้วิกฤตพม่าซ้อนรัฐบาล
นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน บอกว่าไม่รู้ว่า “ทักษิณ ชินวัตร” ไปแอบคุยกับตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมา
ปะการังฟอกขาวใกล้ตาย ในยุคทะเลเดือด!
โลกไม่ได้แค่ร้อน แต่กำลังเดือด...และกำลังปราฏให้เห็นชัดเจนในทะเลไทยแล้ว
อนาคตประเทศไทย ที่ยังเต็มไปด้วยอุปสรรค!
พอมองว่ารัฐบาลเศรษฐา 1/1 จะต้องวางยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจอย่างไรก็ต้องฟังความเห็นของผู้ที่ช่วยกันคิดว่าเราจะต้องทำอะไรบ้างจึงจะกระชากประเทศชาติจาก “กับดัก” รายได้ปานกลางที่เราติดอยู่ยาวนาน
ครม.เศรษฐกิจเศรษฐา 1/1: ปัญหาอำนาจเชิงซ้อน
คำถามใหญ่สำหรับ ครม. เศรษฐา 1/1 คือทีมเศรษฐกิจจะมีหน้าตาอย่างไร
ตัวชี้วัดเศรษฐกิจล้วนไปทางลบ... ท้าทายฝีมือ ครม. เศรษฐา 1/1
ตัวเลขชี้วัดเศรษฐกิจไทยที่โผล่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาล้วนเป็นข่าวชวนคิดและกังวล