
หลังจากรัฐบาลประกาศยกเลิกมาตรการเข้าประเทศในรูปแบบ Test & Go ตั้งแต่ 1 พ.ค.2565 โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์สามารถเดินทางเข้าไทยได้แบบอิสรเสรี ส่งผลให้ตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นแบบมีนัยสำคัญ โดยช่วง 4 วันแรก 1-4 พ.ค.2565 มีผู้เดินทางเข้ามาทั้งหมดรวม 73,004 คน เฉลี่ยวันละเกือบ 20,000 คน โดยคาดว่าเดือน พ.ค.-ก.ย.2565 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 300,000 คนต่อเดือน
แน่นอนว่า การเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยส่งผลดีเป็นอย่างมาก ถือเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ทางการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร จะกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากที่ต้องเผชิญกับโควิด-19
มาเป็นเวลาเกือบสามปี ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมด้านการบินก็เริ่มกลับมาเปิดให้บริการ เปิดบินเส้นทางทั้งในและต่างประเทศอีกครั้ง หลังจากหยุดทำการบินไปเป็นเวลานาน ไปดูกันว่าสายการบินของไทยปักหมุดเปิดเส้นทางบินที่ไหนกันบ้าง
มาที่การบินไทย สายการบินแห่งชาติ ประกาศกลับมาให้บริการเส้นทางบินสู่เดนปาซาร์ (บาหลี) ประเทศอินโดนีเซีย โดยทำการบินเที่ยวบินปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2565 ทั้งนี้เที่ยวบินแรกที่เดินทางสู่บาหลีในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี โดยมีทั้งผู้โดยสารที่เดินทางออกจากกรุงเทพฯ และผู้โดยสารที่เดินทางเชื่อมต่อจากเส้นทางทั้งยุโรปและเอเชียเพื่อเดินทางต่อไปยังบาหลี โดยจะให้บริการเส้นทางบินไป-กลับกรุงเทพฯ-เดนปาซาร์ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-17 มิ.ย.2565 ให้บริการทุกวันจันทร์ พฤหัสบดี เสาร์ และอาทิตย์ และตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย.2565 เป็นต้นไปจะให้บริการทุกวัน
ด้านสายการบินไทยเวียตเจ็ท มองว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบินกำลังฟื้นตัวหลังจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นเวลานาน ปัจจุบันหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการการเดินทาง พร้อมเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างแดนอีกครั้ง โดยไทยเวียตเจ็ทก็พร้อมกลับมาให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศ โดยไตรมาสแรกปี 2565 ได้กลับมาให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศรวมทั้งเปิดให้บริการหลากหลายเส้นทางบินใหม่ และจะเดินหน้าขยายเส้นทางบินสู่จุดหมายอื่นๆ เพิ่มเติมในทวีปเอเชีย ตั้งแต่เดือน พ.ค.2565 สายการบินไทยเวียตเจ็ทให้บริการเส้นทางบินระหว่างประเทศ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)-พนมเปญ ทุกวัน ด้วยความถี่วันละ 1 เที่ยวบิน
ส่วนสายการบินบางกอกแอร์เวย์ปิด ตั้งกางแผนเปิดเส้นทางบินในปี 2565 ได้แก่ กรุงเทพฯ-กระบี่ ซึ่งจะเปิดให้บริการในวันที่ 27 มี.ค.2565 ส่วนในไตรมาสที่ 3 ได้แก่ เส้นทางการบินสมุย-เชียงใหม่, สมุย-ฮ่องกง, กรุงเทพฯ-เสียมราฐ ขณะที่ไตรมาสที่ 4 จะเปิดเส้นทางบิน เชียงใหม่-กระบี่ (เที่ยวเดียว), เชียงใหม่-ภูเก็ต (เที่ยวเดียว), สมุย-กระบี่, กรุงเทพฯ-ดานัง, กรุงเทพฯ-หลวงพระบาง, กรุงเทพฯ-ย่างกุ้ง และกรุงเทพฯ-มัลดีฟส์ อย่างไรก็ตามการกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางบินต่างๆ นั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยว มาตรการการเดินทางของแต่ละประเทศ และการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ที่อาจยังไม่คลี่คลาย
ขณะที่ สายการบินไทยแอร์เอเชียได้ทยอยกลับมาเปิดเส้นทางภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันเปิดบินตรงจากเชียงใหม่สู่ 8 เส้นทาง รวมมากกว่า 17 เที่ยวบินต่อวัน ได้แก่ เชียงใหม่บินตรงสู่ดอนเมือง สุวรรณภูมิ ขอนแก่น ภูเก็ต หาดใหญ่ สุราษฎร์ธาณี กระบี่ และหัวหิน โดยได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่อง มีอัตราขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ย 75% ในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวทางทะเล อาทิ ภูเก็ต กระบี่ และหัวหิน
ด้านบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด แจ้งว่า ขณะนี้สายการบินไทยสมายล์เปิดเส้นทางบินใหม่ระหว่างประเทศ 2 เส้นทาง ได้แก่ สุวรรณภูมิ-โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา และสุวรรณภูมิ-ฮานอย ประเทศเวียดนาม รวมถึงกลับมาให้บริการเส้นทางบินต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 2 เส้นทาง ได้แก่ สุวรรณภูมิ-ปีนัง ประเทศมาเลเซีย และสุวรรณภูมิ-เวียงจันทน์ ประเทศลาว ให้บริการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติที่เพิ่มขึ้นหลังมาตรการผ่อนปรนเดินทางเข้า-ออกทั้งไทยและในภูมิภาค
ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่อุตสาหกรรมในประเทศเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง สิ่งที่ตามมาคือการจ้างงาน ทำให้คนในพื้นที่นั้นๆ กลับมามีรายได้อีกครั้ง และสิ่งสำคัญจากการท่องเที่ยวคือสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศเป็นจำนวนมหาศาล นี่ก็ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้.
กัลยา ยืนยง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่
ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน
องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)
แรงงานคืนถิ่น:ทางเลือกที่เป็นโอกาส
‘การเคลื่อนย้ายแรงงาน’ จากภูมิลำเนาเข้าสู่จังหวัดเศรษฐกิจเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม
ดันไทย-ญี่ปุ่นปักธงอุตสาหกรรม
ในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ความสามารถของประเทศในการปรับตัวและสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ที่เน้นมูลค่าสูงและมาตรฐานที่เข้มงวด
ถอดบทเรียนน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้
จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดสงขลา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งพื้นที่เมืองและชนบท ส่งผลให้หลายหน่วยงานภาครัฐต้องเร่งวางมาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วน ทั้งการฟื้นฟูถนน–สะพานที่ถูกตัดขาด การขุดลอกคูคลอง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย

