ปฏิรูป ตร.ใกล้คลอด

เล่นเอาตกอก ตกใจ! หลังเห็นคำสั่ง ผบ.ปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข แม่ทัพใหญ่สีกากี สะบัดปากกาเซ็นตั้งกรรมการตรวจสอบ บิ๊กอุ้ย-พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร  ผบช.ภ.1 พร้อมลูกน้องอีก 3 ราย คือ พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล  ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และ พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต  ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ชุดคลี่คลายคดีการเสียชีวิตปริศนาจากการตกเรือกลางแม่น้ำเจ้าพระยาของ แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ ดาราสาว โดยมี บิ๊กยิ้ม-พล.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็น ประธาน  เพราะหลายคนที่อ่านคำสั่งไม่ละเอียดก็ตีความไปว่า เป็นการตั้งกรรมการ สอบวินัย 3 นายพล 1 นายพัน ในคดีแตงโม  จนสังคมต่างอนุมานไปกันว่า หรือ ตำรวจ ทำคดีแตงโม ผิดพลาด จริงๆ ตามที่หลายคนพยายามออกมาจับผิด ผู้ที่เกี่ยวข้องถึงถูกสอบวินัย ทั้งที่จริงๆ แล้วการตั้งการตรวจสอบครั้งนี้ของ ผบ.ปั๊ด คือแค่การตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามที่ อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ทำหนังสือร้องไปถึง ผบ.ตร. ให้ตรวจสอบว่าการทำงานของตำรวจในคดีแตงโม ปฏิบัติถูกต้องหรือไม่เท่านั้น

ทว่าเมื่อไม่มีใครออกมาอธิบายก็เลยทำให้สังคม สับสน มองว่า ตำรวจ ในคดีทำผิดไปแล้ว ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของ สำนักงานตำรวจ ก็เลยสงสัย ก็เลยข้องใจ เหตุใดคณะทำงานสื่อ-สร้าง-สาร ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี บิ๊กต่าย-พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ร่วมกับทีมงานประกอบด้วย พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผบช.รร.นรต., พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สกพ., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,  พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ทินกร ณัฏฐมั่งคั่ง ผบก.สท. ไม่รับรู้รับทราบผลเสียต่อภาพลักษณ์ ตำรวจ จากเรื่องดังกล่าวเลยหรือไร ทำไมไม่ออกมาชี้แจงแถลงไข อธิบายคำสั่งตั้งการสอบ 3 นายพล 1 นายพัน  ตำรวจภาค 1 ในคดีแตงโม ของ ผบ.ปั๊ด ให้สังคมเข้าใจตรงกัน โดยเฉพาะ บิ๊กแรก-พล.ต.ต.ยิ่งยศ ที่สวมหมวก โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องรีบแถลงชี้แจงสังคม ไม่ให้ภาพลักษณ์องค์กรเสียหาย ยิ่งในคดีแตงโมต้องยอมรับ ตำรวจ ถูกจับตาการทำงานอย่างมาก ยิ่งไม่พูดยิ่งทำให้สังคมมอง "ตำรวจ" ในแง่ลบ ถึงสุดท้ายผลสอบจะออกมาอย่างไร ภาพพจน์ องค์กรตำรวจ ก็เสียหายไปแล้ว 

การปล่อยให้ บิ๊กอุ้ย-พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร  ผบช.ภ.1 ออกมาชี้แจงคำสั่งเพียงลำพัง ถึงหลายคนจะกระจ่าง หลายคนจะเข้าใจตัวคำสั่งสอบสวนครั้งนี้ แต่ บิ๊กอุ้ย ก็อยู่ในสถานะ ผู้ถูกสอบ คำอธิบายอาจจะถูกมองเป็นการแก้ต่าง แก้ตัว เพราะเนื้อหาที่ให้สัมภาษณ์ส่วนสำคัญก็คือ การที่เจ้าตัวออกมายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ในทำนอง “ผมรับราชการมานานกระทั่งปัจจุบัน ตำแหน่งคือผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ไม่เคยมีเรื่องด่างพร้อยทุจริตคอร์รัปชัน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดูแลรับใช้พี่น้องประชาชนมาโดยตลอด การสืบสวนสอบสวนคดีทุกคดี ทำการสืบสวนสอบสวนไปตามพยานหลักฐาน และการแสวงหาพยานหลักฐาน พยานบุคคล พยานแวดล้อม พยานผู้ชำนาญและวัตถุพยาน  ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตามที่มีการร้องให้มีการตรวจสอบถือเป็นเรื่องดี จะทำให้สังคมไทยหายสงสัย  ตำรวจเป็นองค์กรหนึ่งในกระบวนการยุติธรรมที่สามารถตรวจสอบได้ สังคมจะได้เกิดความมั่นใจ มีความเชื่อมั่นในการทำงานวิชาชีพของตำรวจมากยิ่งขึ้น” แต่ถ้าโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เปรียบเหมือนกระบอกเสียง ผบ.ตร.  ออกมาอธิบายเอง ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น 

น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับการ ปฏิรูปตำรวจ ที่หลายคนรอคอย เพราะหากยึดตามข้อมูลที่ คํานูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ... โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุ “ปฏิรูปตํารวจ 5 ปีแห่งการรอคอย ร่าง พ.ร.บ.ตํารวจเสร็จแล้ว รอตัดสินวาระ 2-3 ในรัฐสภา มิถุนายน  2565 (ส่งรัฐสภาเมื่อ 3 พฤษภาคม 2565) กมธ.ใช้เวลา 14  เดือนประชุม 48 ครั้ง 172 มาตรา 2 บัญชีแนบท้าย แก้ไข 69  มาตรา เพิ่มใหม่ 10 มาตรา ไม่มีการแก้ไข 103 มาตรา กมธ.เสียงข้างน้อยสงวนความเห็น 12 คน 132 มาตรา สมาชิกสงวนคําแปรญัตติ 83 มาตรา รายงาน กมธ.หนา 196 หน้า เฉพาะตัวร่าง พ.ร.บ. 72 หน้า ตัวเล่มทั้ง 2 ส่วนรวมหนังสือนําส่งและปก 274 หน้า” ก็น่าจะมีความชัดเจน มีความหวังว่าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราน่าจะได้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมสำหรับการ ปฏิรูปตำรวจ ที่หลายคนรอคอย 

กองทัพบกจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่กำลังพลที่สูญเสียชีวิตระหว่างการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเมื่อปี  2553 เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ตรงกับวันที่ นปช.จัดงานทำบุญให้คนเสื้อแดงที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยเช่นกัน ในส่วนของกองทัพบกจัดขึ้นที่ ฌาปนสถานวัดโสมนัสราชวรวิหาร มี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีสงฆ์ และจารึกรายชื่อ  7 ทหารที่เสียชีวิตลงในโกศ ส่วนใหญ่เป็นกำลังพลของ  พล.ร.2 รอ.ที่เข้าไปขอคืนพื้นที่ ถนนดินสอ สี่แยกคอกวัว  หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 ได้แก่ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม, ร.อ.ภูริวัฒน์ ประพันธ์, ร.อ. อนุพนธ์ หอมมาลี, ร.ท.อนุพงษ์ เมืองอาพัน, ร.ต. สิงหา  อ่อนทรง รวมถึง ร.ต.ณรงค์ฤทธิ์ สาละ (พล.ร.9) และ  พ.ท.อนุสิทธิ์ จันทร์แสนตอ (พล.ม.2รอ.) เสียชีวิต 19  พ.ค.53 ที่สวนลุมพินี ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 5 นาย ได้เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย

ว่ากันว่า ผบ. บี้ เป็นประธานในพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่กองทัพบกรับฌาปนกิจให้ที่วัดโสมนัสช่วงเดือน เม.ย. แล้วไปเจอกับญาติของกำลังพลที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ปี 2553 พอดี จึงได้พูดคุยสอบถามเจ้าหน้าที่ว่ากองทัพบกเคยจัดพิธีให้หรือยัง ซึ่งปรากฏว่ายังไม่เคยจัดทำบุญเลย จึงสั่งการให้จัดงานทำบุญให้อีกครั้งในวันที่  19 พ.ค.นี้ ระหว่างพิธี พล.อ.ณรงค์พันธ์ยังได้กล่าวกับกำลังพลที่เคยได้รับบาดเจ็บว่า “ทุกฝ่ายก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คนใกล้ชิดบาดเจ็บและสูญเสีย และไม่อยากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมา เพราะการใช้ความรุนแรงซึ่งกันและกัน ไม่มีอะไรดี ขอให้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียน” หลังจบพิธีแล้วผู้สื่อข่าวเลยยิงคำถามกรณีที่พรรคเพื่อไทยปลุกพลังคนเสื้อแดงรวมตัวกัน หวังผลให้ชนะเลือกตั้งผู่ว่าฯ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ย้ำว่า “วันนี้มาทำบุญกุศลให้ผู้สูญเสียทุกฝ่าย” ก่อนขึ้นรถยนต์เดินทางกลับทันที สอดคล้องกับที่มีรายงานว่า ในการทำบุญอุทิศส่วนกุศลครั้งนี้ยังรวมถึง ทหารอากาศ และตำรวจที่สูญเสียจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นด้วย ซึ่งอาจหมายรวมถึง เสธ.แดง-พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ซึ่งในครั้งนั้นเป็นนายทหารที่อยู่ฝั่งเสื้อแดง จัดตั้งกองกำลังในการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่จาก  ศอฉ.

สัปดาห์ที่ผ่านมา บิ๊กเฒ่า-พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ เข้าร่วมประชุมผู้บัญชาการในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย (The 6th  Multilateral Maritime Virtual Key  Leader Engagement - KLE) ผ่านระบบ Microsoft Team ร่วมกับผู้บัญชาการทหารเรือมิตรประเทศในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย  จำนวน 17 ประเทศ โดยมี พล.ร.อ.Samuel  Paparo ผู้บัญชาการกองเรือสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก เป็นเจ้าภาพ สำหรับการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นในหัวข้อ "Maritime Mutual Support in Peacetime" โดยเปิดโอกาสให้ ทร.มิตรประเทศร่วมแสดงความคิดเห็นและวิสัยทัศน์ ในการร่วมมือ การสนับสนุน และการช่วยเหลือกันทางทะเลในยามสงบในด้านต่างๆ ได้แก่  การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ (HADR), การป้องกันภัยพิบัติและอุบัติภัยทางทะเล, การรักษาความปลอดภัยในเส้นทางเดินเรือจากภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ, การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล (SAR) และการรักษากฎหมายทางทะเล ซึ่งกองทัพเรือมีความพร้อมที่จะร่วมมือและสนับสนุนประเทศต่างๆ ในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างประเทศเสมอ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กต่าย' ยันไม่กระเหี้ยนกระหือรืออยากเป็นผบ.ตร. ไม่ติดใจถูกกล่าวหาหลอกนายกฯ

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้กล่าวพาดพิงจากประเด็นที่ลงนามคำสั่งให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อนว่า

เหยื่อ 'แก๊งนักรบ' โผล่อีก! ผู้บังคับบัญชาพาพลทหารมอบตัวแล้ว

จากกรณีที่นายวิ่งและนางสาวกุลนันท์ ชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของ นายระพีพัฒน์ หรือแพต อายุ 16 ปี ได้นำคลิปหลักฐานขณะลูกชายถูกรุมทำร้ายร่างกาย

ชาวบ้านผวา! แจ้งตำรวจช่วย โจ๋ปาประทัดลูกบอล ยิงปืนทางเข้าชุมชน

พ.ต.อ.รักศักดิ์ เมฆจินดา ผกก.สภ.สำโรงใต้ จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับแจ้งจากนายประเทศ เข็มนิล อายุ 65 ปี ชาว ตำบลสำโรงกลาง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ

'โจ๊ก' ยื่นอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการ ปูดแผนผังแก๊ง 4x100 สยบปีกพระพรหม

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.ตร.) กรณี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ร