คำตอบมี ตชด.ไว้ทำไม

อะพิโธ่ อะพิถัง กะละมังแตก! ร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ... วาระ 2 วาระ 3 ที่ถกกันหน้าดำคร่ำเครียดในสภา กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์กันในทำนองไม่น่าจะเรียกว่าเป็น ปฏิรูป น่าจะเรียกว่า ปฏิเละ หรือ ปฏิลวง มากกว่า ถึงขนาด คุณหญิงหมอ-แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ยังโพสต์เบื้องหลังร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มาจากร่าง อ.มีชัย เป็นประธาน แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปปรับแก้แปลงเนื้อหาสำคัญมากมาย เพื่อการรักษาอำนาจแสวงประโยชน์ การลงมติก็ตามวิป ตามคำสั่งเบื้องบน เป็นจับฉ่ายที่หาความอร่อยไม่เจอ ตอนหนึ่งระบุ “เล่าสู่กันฟังก็เพื่อที่จะบอกว่า เมื่อได้เข้ามานั่งทำงานวงในของประชาธิปไตย

การออกกฎหมายไม่ได้มีคุณภาพเพื่อประชาชน แต่เป็นไปเพื่อการรักษาอำนาจ เป็นไปเพื่อการแสวงประโยชน์ การลงมติก็เป็นไปตามวิป ที่ก็ทำตามคำสั่งเบื้องบน ได้รับรู้เช่นนี้ก็ให้รู้สึกถึงความกลวงของกลไกประชาธิปไตยที่พูดถึงกันจัง เรื่องราวของคดีแตงโมที่สะท้อนปัญหาในการทำคดีคงไม่มีหนทางปฏิรูปด้วยกลไกสภาแน่นอน เล่าสู่กันฟัง และต้องติดตาม พ.ร.บ.นี้กันต่อว่าจะไปทางไหน ดูจะเป็นจับฉ่ายที่หาความอร่อยไม่เจอ” อ่านเสียงสะท้อนจากคุณหญิงหมอแล้ว ดูท่า ปฏิรูป จะกลายเป็น ปฏิเละ อย่างที่พูดๆ กันจริงๆ เสียแล้ว ๐

นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกกับปมปัญหา เบี้ยเลี้ยงตำรวจ ที่ลูกน้องต้องออกมาทวงถาม ล่าสุดเป็นคิว ตำรวจสันติบาล กก.4 บก.ส.3 ที่ประจำทำเนียบรัฐบาล จำนวน 150 นาย ไม่ได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงในการปฏิบัติหน้าที่ประจำทำเนียบรัฐบาล ดูแลความเรียบร้อยในขณะที่มีกลุ่มทะลุแก๊สปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.64 คนละประมาณ 6,800 บาท หรือคิดรวมเป็นเงินประมาณ 1,020,000 บาท จนต้องร้องออกมาดังๆ ก่อนที่ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ส. ต้องออกมาเคลียร์ปัญหาเร่งรัดเบิกจ่ายให้เป็นที่เรียบร้อย แต่กว่าทุกอย่างจะแฮปปี้ องค์กร สีกากี ก็เสียหายไปแล้ว ยิ่งก่อนนี้ปัญหา “อมเบี้ยเลี้ยง” ในแวดวงตำรวจดังกระหึ่ม ถึงขนาด บิ๊กหิน-พล.ต.อ.วิษณุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ต้องโดดลงไปเล่น ลงไปสอบ พร้อมลงโทษตำรวจที่เกี่ยวข้อง พอมาเจอเคส เบี้ยเลี้ยง สันติบาลอีกครั้ง ภาพ อมเบี้ยเลี้ยง ลูกน้องเลยผุดขึ้นมาหลอนกันอีก จนเป็นเรื่อง เป็นราวใหญ่โต ๐

หากลองไปฟัง พ.ต.อ.อภิเษก ปิศโน ผกก.4 บก.ส.3 ออกมาเล่าถึงสาเหตุปัญหาเรื่องเบี้ยเลี้ยงตำรวจสันติบาล ประจำทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้ ต้องบอกเป็นเพียงแค่ปัญหาทางธุรการ โดยเมื่อครั้งมีม็อบทะลุแก๊สที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อเดือน ส.ค.-ก.ย.64 นั้น ตำรวจประจำทำเนียบรัฐบาลได้ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งต้องปฏิบัติภารกิจภายในทำเนียบรัฐบาลด้วย ทำให้ในแต่ละวันผู้ปฏิบัติหน้าที่แต่ละภารกิจจึงมีจำนวนไม่เท่ากัน ซึ่งอาจมี 40 คนบ้าง 50 คนบ้าง โดยปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่องตลอดเวลา 2 เดือน ทำให้รายชื่อในแต่ละวันของการจัดทำเอกสารจึงมีความซับซ้อน รวมทั้งหน่วยที่มีหน้าที่จ่ายเงินหลัก คือกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ส่วนหน่วยที่มีหน้าที่ทำเรื่องเบิก คือกองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 และหน่วยปฏิบัติคือตำรวจประจำทำเนียบรัฐบาล กก.4 บก.ส.3 ทำให้มีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้องในการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยง ก็เลยเกิดปัญหาต้องทำเอกสารให้ละเอียดและครบถ้วน...รู้ปมปัญหาถึงความยุ่งยากแล้ว ผู้บัญชาการสุรพงษ์ คงต้องหาวิธีทำให้การเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงกระชับ ไม่ยุ่งยาก ไม่วุ่นวายได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก นั่นไม่ใช่แค่ทำให้ ตำรวจสันติบาล เสียหาย องค์กรตำรวจ ทั้งหมดก็พลอยเสียหายไปด้วย ยิ่งแผลเก่ายังไม่ตกสะเก็ด พอมีใครมาสะกิดนิดเดียวก็เลือดโชก เหมือนครั้งนี้ ๐

ปรบมือดังๆ ชื่นชม ครู ตชด.หัวใจแกร่ง-ส.ต.อ.กิจตณศักดิ์ เจริญธนหิรัญกิจ ครูศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านโกแประ ต.แม่คง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน แบกนักเรียนชั้นประถมปีที่ 2 ซึ่งมีอาการหอบหืดกำเริบ เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.65 เวลา 04.30 น. ขึ้นหลังเดินเท้ากว่า 2.5 กม. ก่อนจะไปว่าจ้างเรือแล่นไปตามแม่น้ำสาละวิน ใช้เวลาเกือบชั่วโมงเพื่อไปเช่าเหมารถชาวบ้านอีกต่อหนึ่ง จนส่งถึงมือแพทย์โรงพยาบาลแม่สะเรียง และนำตัวนักเรียนที่ป่วยเข้ารักษาเร่งด่วนในห้อง ICU จนอาการปลอดภัย นี่คือครูด้วยหัวใจแท้จริง แบบนี้ยังจะถูก ส.ส.ผู้ทรงเกียรตินั่งในห้องแอร์รัฐสภา ขอให้ตัดงบ ตชด.อีก เห็นแล้วขึ้น...เหมือนอย่างที่ ท่านใหม่-ม.จ.จุลเจิม ยุคล โพสต์ย้อนถาม..."รู้ยัง​ #ตชด.มีไว้ทำไม​ ดีกว่ามี ส.ส. ดีแต่พูด และค่อนแคะแต่ในสภา” ถูกต้องที่สุด ๐

ปรับโครงสร้างกรมควบคุมปฏิบัติการทางอากาศ (คปอ.) เป็นกองบัญชาการแล้ว ทำให้เห็นบทบาทหน้าที่ของ คปอ.โดดเด่น ตอบสนองแนวทางพัฒนาขีดความสามารถกำลังทางอากาศของ ทอ.มากขึ้น ส่งผลให้ บิ๊กต้น-พล.อ.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา ผบ.คปอ. น้องรักของ บิ๊กป้อง-พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ราศีจับขึ้นมาทันที สัปดาห์ที่ผ่านมาลงพื้นที่ตรวจความพร้อมปฏิบัติการทดสอบการใช้กำลังทางอากาศ 3 แห่ง ได้แก่ ตรวจความพร้อมหน่วยบินที่เข้าร่วมทดสอบ และเยี่ยมชมปฏิบัติการเตรียมความพร้อมของหน่วยบินขับไล่สกัดกั้น ที่จะทำการขึ้นบินสกัดกั้นอากาศยานที่ไม่ทราบฝ่ายเข้าล้ำน่านฟ้าของประเทศไทย (Hot Scramble) ณ กองบิน 4 อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ตามมาด้วยการตรวจความพร้อมปฏิบัติการทางอากาศที่ถิ่นเก่า กองบิน 1 อ.เมืองนครราชสีมา ปิดภารกิจด้วยการชมภาพสถานการณ์การทดสอบใช้กำลังทางอากาศ และชมการสาธิตปฏิบัติการทางอากาศ ที่สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี สอดคล้องกับช่วงเวลาต่อจากนี้ที่เข้าสู่โซนของการปรับย้ายที่จะเริ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางการฟันธงว่า “บิ๊กต้น” เจ้าของนามเรียกขาน Rocket มาแรงสุดในตำแหน่ง ผบ.ทอ.คนต่อไป ๐

แม้จะเป็นการเดินทางมาไทยตามช่วงการเยือน แต่การที่ พล.ร.อ.จอห์น อากีลีโน ผู้บัญชาการกองบัญชาการภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก ของสหรัฐอเมริกา (USINDOPACOM) มาประชุม Senior Leader’s Dialogue และลงนามในกรอบความร่วมมือสนับสนุนแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมไทย-สหรัฐฯ กับ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย และได้เข้าพบกับ ผบ.ทบ.เพื่อสานต่อความร่วมมือทางด้านการทหาร สำหรับ พล.ร.อ.จอห์น อากีลีโน สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียน Navy Fighter Weapons School หรือ TOPGUN และสถาบัน Joint Forces Staff College อีกทั้งยังสำเร็จการฝึกอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านความมั่นคงในประเทศและระหว่างประเทศจากสถาบัน Harvard Kennedy School ด้วย สำหรับกองบัญชาการภาคพื้นอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ประกอบไปด้วยทหารบก ทหารเรือ นาวิกโยธิน ทหารอากาศ ทหารอวกาศ ยามชายฝั่ง และบุคลากรพลเรือนของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กว่า 380,000 คน นอกจากนี้ยังรับผิดชอบกิจกรรมด้านการทหารของอเมริกาในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกทั้งหมด ซึ่งครอบคลุม 36 ประเทศ 14 เขต

ขณะที่วันจันทร์นี้ นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ จะเดินทางมาเยือนไทยเพื่อพบปะกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย มีพิธีต้อนรับที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม สนามหลวง ซึ่งถือเป็นการเยือนตอบแทนหลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทยเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จะเดินทางไปเยือนประเทศสิงคโปร์ต่อไป สำหรับ ออสติน มีประสบการณ์ทำงานในเพนตากอนมายาวนาน และยังเคยทำงานร่วมกับไบเดนอย่างใกล้ชิดในสมัยที่ไบเดนดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี เขาเคยดำรงตำแหน่งรองเสนาธิการกองทัพและผู้บังคับบัญชากองกำลังสหรัฐฯ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยสหรัฐฯ หรือเวสต์พอยต์ หลังจากนั้นยังศึกษาต่ออีกในด้านต่างๆ และรับราชการเป็นทหารโดยเริ่มที่เวสต์พอยต์เป็นที่แรก จากนั้นก็ไต่เต้าในหน้าที่การเมืองอย่างต่อเนื่อง นับเป็น รมว.กลาโหมผิวดำคนแรก อย่างไรก็ตามมีการมองว่าการที่ “บิ๊กทหารสหรัฐฯ” เยือนไทยกันคึกคักช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องที่สถานการณ์ในภูมิภาคนี้เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการเข้ามามีอิทธิพลของจีนในพื้นที่ท่าเรือเรียม สีหนุวิลล์ของกัมพูชา ที่สหรัฐฯ กำลังจับตาความเคลื่อนไหว ส่วนไทยยังคงเน้น บาลานซ์เพาเวอร์ และเด้งเชือกไม่ให้กระทบต่อสถานะความเป็นกลางของไทย.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผงะ! พบศพเหลือแต่โครงกระดูก เกยซอกหินริมทะเล

ร.ต.ท.ณัฐธนน ลิ่มประจวบพงษ์ รอง สว.(สอบสวน) แจ้งว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ปากพนังว่า พบโครงกระดูกมนุษย์ ริมแนวกั้นคลื่นริมชายทะเล ม.9 ต.ท่าพยา อ.ปากพนัง

ตำรวจไซเบอร์บุกทลาย 'แก๊งคอลเซ็นเตอร์' ชาวจีน กลางโรงแรมดัง

พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 (ผกก.3 สอท.5) สืบทราบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์

นายกฯ กำชับตำรวจก้าวข้าม 'ต่อ-โจ๊ก' ลั่นไม่ขอยุ่งแล้ว ให้เป็นหน้าที่คกก.ตรวจสอบ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2567 ว่า ในที่ประชุมได้กำชับเรื่องความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

'บิ๊กต่าย' ไม่รู้ข้อเท็จจริง 'ทนายตั้ม' แฉปมส่วยเว็บพนัน แต่ต้องรับผิดชอบคำพูด

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวว่า ไม่ได้ให้ผู้ใต้บังคับการบัญชาที่เป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับการโทรศัพท์ไปขอข้อมูลกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก่อนที่ทนายตั้ม