ขณะที่สงครามยูเครนยังร้อนแรงอยู่ขณะนี้ สหรัฐฯ ก็ยังมองจีนเป็น “คู่ต่อสู้” อันดับ 1 ของโลกอยู่ดี
เป็นที่มาของการที่สหรัฐฯ เพิ่งเปิดตัว China House ซึ่งกลายเป็นกลไกใหม่ล่าสุดของวอชิงตันที่จะจับตาเฝ้ามองทุกความเคลื่อนไหวของจีน
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศเปิดตัว “ไชน่าเฮาส์” โดยอ้างว่าต้องเกาะติดจีน เนื่องจากปักกิ่งยังคง “แผ่ขยายอิทธิพลของตนไปทั่วโลกอยู่ในเวลานี้”
ไม่ต้องสงสัยว่ากลไกใหม่ของสหรัฐฯ ในการเฝ้าดูความเป็นไปของจีนนี้มีชื่อว่า โครงการ China House (ไชน่าเฮาส์) นั้นสะท้อนถึงความกังวลของกรุงวอชิงตันเกี่ยวกับสิ่งที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน พูดไว้เมื่อเดือนก่อนว่า วิวัฒนาการของจีนอันเป็น
“ความท้าทายระยะยาวที่ร้ายแรงที่สุดต่อความสงบเรียบร้อยภายใต้กฎหมายและกฎระเบียบ”
เป็นภาษาทางการเมืองที่ยิ่งวันยิ่งจะดุเดือดมากขึ้น
แม้ว่าวันก่อน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะบอกว่า อีกไม่กี่วันจะยกหูถึงผู้นำจีน สี จิ้นผิง เพื่อจะแจ้งให้ทราบว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มีมติที่จะยกเลิกมาตรการภาษีศุลกากรต่อสินค้าของจีนที่ยุคโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เคยประกาศใช้ในยุค “สงครามการค้า” กับจีน
แต่นั่นเป็นเพียงท่าทีผ่อนปรนบางด้านที่ไม่ได้แปลว่าท่าทีของวอชิงตันจะแสดงถึง “ความไว้วางใจ” ต่อจีนเพิ่มขึ้นแต่อย่างไร
หากมองให้ลึกจะเห็นว่า รัฐบาลอเมริกายังมองจีนเป็นคู่แข่งเบอร์ 1 อยู่ดี
แม้จะเห็นภาพของการที่จับรัสเซียวางเป็น “อันดับต้นๆ” ของการสกัดอิทธิพลจากค่ายตรงกันข้าม เพราะสงครามยูเครนก็ตาม
แต่ถ้าถามว่าโครงการ China House นั้นมันคืออะไรกันแน่ คำตอบก็คือยังไม่มีใครรู้แน่ชัดนัก
โฆษกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เปิดชื่อของแผนการใหม่นี้ยังไม่ยอมให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานภาพของโครงการ China House
บอกเพียงว่าเป็นการเปิดตัวกลไกใหม่ที่มาในรูปของ “ทีมงานจากทั่วทั้งกระทรวงต่างประเทศที่จะทำงานประสานกัน และนำเสนอนโยบายของกระทรวงในทุกเรื่องและทุกภูมิภาค”
ความหมายก็คือ ความพยายามในการเร่งยกระดับความพยายามบูรณาการความเชี่ยวชาญและทรัพยากรเกี่ยวกับสาธารณรัฐประชาชนจีนให้มาอยู่กับศูนย์กลางการประสานงานด้านนโยบายใหม่แห่งนี้
ปฏิกิริยาจากปักกิ่งย่อมจะต้องตั้งข้อสังเกตว่า ท่าทีอย่างนี้จากอเมริกาย่อมเป็นการเพิ่มความตึงเครียดในความสัมพันธ์อย่างปฏิเสธไม่ได้
หลิว เพิ่งหยู โฆษกของสถานเอกอัครราชทูตจีนในกรุงวอชิงตัน ส่งอีเมลถึงวีโอเอ ภาคภาษาจีนกลางแจ้งว่า
“กุญแจที่จะทำให้ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ หลุดพ้นจากสภาพการณ์ในปัจจุบันก็คือ การที่ฝั่งสหรัฐฯ ละทิ้งความบ้าคลั่งที่จะเล่นเกมผลรวมศูนย์ (zero-sum game) เลิกครอบงำตัวเองด้วยความพยายามที่จะตีวงและควบคุมจีน และหยุดบ่อนทำลายความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ เสียที”
โฆษก หลิว ยัง สำทับด้วยว่า
“เราเข้าใจสิ่งที่รัฐมนตรี (แอนโทนี) บลิงเคน พูดว่า สหรัฐฯ ไม่ได้ต้องการความขัดแย้งหรือสงครามเย็นครั้งใหม่กับจีน และสหรัฐฯ ไม่ได้พยายามปิดกั้นจีนจากการขึ้นมามีบทบาทเป็นประเทศมหาอำนาจ หรือยับยั้งจีนไม่ให้ขยายเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้ง ต้องการจะอยู่ร่วมกับจีนโดยสันติสุข และเราจะเฝ้าดูสิ่งที่สหรัฐฯ จะทำจากนี้”
อเมริกามองความคึกคักของจีนในการทูตระหว่างประเทศนี้ว่า เป็นการเพิ่มระดับการแข่งขันกับวอชิงตัน
ในช่วงหลังนี้รัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง อี้ เพิ่งออกเดินสายไปประเทศเล็กๆ ในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ 10 วัน หลังกรุงปักกิ่งลงนามข้อตกลงด้านความมั่นคงกับหมู่เกาะโซโลมอนเมื่อเดือนก่อนหน้านั้น
จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมอเมริกาจึงหันความสนใจมาให้ประเทศหมู่เกาะต่างๆ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกเป็นการเร่งด่วน
เป้าหมายคือต้องเพื่อสกัดกั้นการรุกคืบของจีนทั้งในมิติการเมือง, การทูต, เศรษฐกิจและความมั่นคง
ความจริงการที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะตั้งหน่วยงานเพื่อ “บูรณาการ” การทำงานข่าวกรองและวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของจีนนั้นไม่น่าจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับแวดวงการทูตระหว่างประเทศ
เพราะเป็นที่รับรู้กันมายาวนานว่า หน่วยงานต่างๆ ของสหรัฐฯ นั้นให้ความสำคัญอันดับต้นๆ กับความเคลื่อนไหวของจีนในทุกรูปแบบอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงกลาโหม, ต่างประเทศ, พาณิชย์, หรือสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ, CIA ต่างก็ล้วนมีหน้าที่เก็บข้อมูล, หาข่าวและเจาะล้วงข้อมูลเชิงลึกของจีนอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา
อีกทั้งยังมีหน่วยงานในทำเนียบขาวที่ประสานกับกลไกของกระทรวงทบวงกรมทั้งหลายในการประเมินกิจกรรมของจีนเพื่อวางยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์การเผชิญหน้ากับจีน
ดังนั้นผมจึงมองว่าการประกาศตั้ง China House ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ นั้นเป็นเพียงการตอกย้ำถึงท่าทีของสหรัฐฯ ที่ต้องการจะส่งสัญญาณไปทั่วโลกว่าอเมริกาต้องการจะกดดันให้ประเทศต่างๆ หันมาคบกับอเมริกามากกว่าจีน
ซึ่งแน่นอนว่าปักกิ่งก็คงจะไม่ยอมถอยง่ายๆ
รัฐบาลจีนเองก็มีกลไกรัฐที่ประกบกิจกรรมของสหรัฐฯ ในทุกรูปแบบเพื่อใช้ในการปรับปรุงยุทธศาสตร์ของจีนให้ทันกับท่าทีและลีลาของสหรัฐฯ เช่นกัน
อเมริกาเคยมี The American Dream
สี จิ้นผิง ก็มี The Chinese Dream
วันนี้วอชิงตันมี China House
ทำไมปักกิ่งจะประกาศตั้ง America House ไม่ได้?.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว