อาเซียนกำลังปวดหัวหลายเรื่อง
ล่าสุดก็เรื่องไต้หวันที่จีนกับสหรัฐฯ ฟาดฟันกันอย่างดุเดือด และจีนซ้อมรบด้วยกระสุนจริงรอบๆ เกาะไต้หวัน
วาระการประชุมของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่กรุงพนมเปญเมื่อสัปดาห์ก่อนก็เจอกับปัญหาหนักอกเรื่องใกล้ตัวอีก เช่น พม่า
ไม่ต้องเอ่ยถึงสงครามยูเครนที่กลายเป็นเรื่องร้อนระดับโลกที่โยงมาถึงอาเซียนทั้งทางตรงและทางอ้อม
อีกทั้งยังมีตัวละครหลักของความขัดแย้งเหล่านี้มาร่วมพบปะพูดจากันที่เมืองหลวงของกัมพูชาอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และรัสเซีย
เจ้าภาพก็ต้องเป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศปรัก สุคน ที่ต้องใช้ภาษาการทูตอธิบายว่า
“การหารือเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาและมีชีวิตชีวา แต่อย่างไรก็ตาม การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อเหล่านี้ยังคงร้อนแรง”
แต่นักการทูตอาเซียนที่นั่งประชุมด้วยตลอดเวลายอมรับว่าบรรยากาศการประชุมที่มีรัฐมนตรีต่างประเทศจากประเทศยักษ์ใหญ่ที่มีข้อพิพาทกันนั้น “ตึงเครียดมาก”
แอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกการตอบสนองของจีนต่อการเยือนของเพโลซีว่า “ไร้เหตุไร้ผล, เกินกว่าเหตุและยั่วยุ”
“ความจริงก็คือการมาเยือนนั้นเป็นไปอย่างสันติ ไม่มีเหตุผลสำหรับการตอบสนองทางทหารที่รุนแรง ไม่ได้สัดส่วน และทวีความรุนแรงนี้” บลิงเกนพูดที่กรุงพนมเปญนอกรอบการประชุม
มีหรือที่จีนจะนิ่งเฉย
รัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง อี้ เรียกสหรัฐฯ ว่าเป็น “ตัวสร้างปัญหาที่ใหญ่ที่สุด” สำหรับเสถียรภาพในภูมิภาคระหว่างการประชุมกับอาเซียน
จะเรียกว่าเป็นการ “ทะเลาะวิวาท” กันเลยก็ไม่ผิดนัก
และบรรยากาศเครียดๆ ดังว่านี้แหละที่ได้สร้าง “ความตื่นตระหนก” ในระดับหนึ่งให้กับอาเซียนเลยทีเดียว
การเขียนแถลงการณ์ของอาเซียนที่ต้องรักษาดุลถ่วงอันเหมาะควรจึงเป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่ง
“หลายประเทศแสดงความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาเมื่อเร็วๆ นี้ [ในช่องแคบไต้หวัน] ที่อาจทำให้ภูมิภาคนี้ไม่มั่นคง และนำไปสู่การคำนวณที่ผิดพลาดและผลที่คาดเดาไม่ได้ในหมู่มหาอำนาจ” รองนายกฯ ปรัก ของกัมพูชา บอกนักข่าว
ความตึงเครียดข้ามช่องแคบไต้หวันที่มาทับซ้อนกับปัญหาอื่นๆ ที่ถาโถมเข้ามาใส่ภูมิภาคนี้ทำให้การแสวงหาความเป็นเอกภาพของสมาชิกอาเซียนยิ่งยากเย็นขึ้นอีกเป็นทวีคูณ
วิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ยืดเยื้อในเมียนมาก็เป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่มีการถกแถลงกันอย่างดุเดือด
เพราะการที่รัฐบาลทหารพม่าประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวประชาธิปไตย 4 คนนั้นสร้างความลำบากใจให้กับสมาชิกอาเซียนอื่นๆ ยิ่งนัก
แถลงการณ์ของอาเซียนจึงยอมรับถึงปัญหาทั้งสิ้นทิ้งปวงนี้
และยอมรับว่า “ขาดความก้าวหน้า” ในการดำเนินการตามแผนสันติภาพฉันทามติ 5 ข้อ ซึ่งเรียกร้องให้ยุติการใช้ความรุนแรงในพม่า
นักข่าวอ้างคำพูดของปรัก สุคน บ่นเสียงดังๆ ว่า
“แม้แต่ซูเปอร์แมนก็ยังไม่สามารถจะแก้ปัญหาของพม่าได้...”
รายงานของกลุ่มเฝ้าระวัง ระบุว่า รัฐบาลทหารพม่าได้ไล่ล่าและคร่าชีวิตผู้ต่อต้านการรัฐประหารไปแล้วกว่า 2,100 คน และไม่มีทีท่าว่าจะมีความพร้อมที่จะนั่งลงเจรจาเพื่อความสมานฉันท์กับฝ่ายตรงกันข้ามกลุ่มต่างๆ แต่ประการใด
อาเซียนทำได้เพียงไม่เชิญรัฐมนตรีต่างประเทศของรัฐบาลทหารพม่ามาร่วมประชุมครั้งนี้เท่านั้น
จากนี้ก็จะกลายเป็นภาระของระดับผู้นำอาเซียนที่ต้องประชุมกันประจำปีในเดือนพฤศจิกายนว่าจะเอาอย่างไรกับพม่า
โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่ารัฐบาลทหารพม่าภายใต้การนำของพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย จะต้องดำเนินการให้มีความคืบหน้าที่ "จับต้องได้" และ "มองเห็นได้" ในประเด็นที่เกี่ยวกับฉันทามติ 5 ประเด็นของอาเซียน
รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย Saifuddin Abdullah บอกว่าผู้นำอาเซียน "จะต้องกล้าตั้งคำถามที่ยาก" ในเดือนพฤศจิกายน
รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะลดบทบาทของพม่า (หรือถึงขั้นให้ออกจากสมาชิกภาพ) ของอาเซียนหากรัฐบาลทหารพม่ายังดื้อดึงที่จะเดินตามแนวทางของตัวเองโดยไม่สนใจที่จะ “ไว้หน้า” อาเซียนด้วยการแสดงผลงานในด้านต่างๆ เหล่านี้
ให้เห็นว่าอาเซียนยังมี “น้ำยา” และไม่ใช่ “เสือกระดาษ” อย่างที่เคยมีนักวิจารณ์กล่าวมาตลอด
ประเด็นทะเลจีนใต้ก็เป็นหัวข้อที่สำคัญในการประชุมรอบนี้
คุณปรัก สุคน แจ้งว่า รัฐมนตรีต่างยืนยันถึงความสำคัญของการรักษาเสรีภาพในการเดินเรือและการบินในย่านนี้
เขาบอกว่า “เราสามารถพูดได้ว่าในปีนี้ การอภิปราย [เกี่ยวกับทะเลจีนใต้] ไม่ได้ตึงเครียดเหมือนครั้งก่อน”
เหตุผลก็น่าจะเป็นเพราะเรื่องอื่นๆ ร้อนแรงกว่าเรื่องนี้
เช่น เรื่องสงครามต่อเนื่องในยูเครน และสถานการณ์ความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีก็ร้อนรุ่มกว่าเป็นไหนๆ
เพราะเมื่อเดือนที่แล้ว คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือขู่ว่าจะระดมอาวุธนิวเคลียร์เพื่อตอบโต้การซ้อมรบตามปกติของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้
และผู้นำที่เปียงยางยังประกาศยืนอยู่ข้างรัสเซียในสงครามยูเครน และเป็นพวกเดียวกับจีนในกรณีไต้หวัน
ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเกาหลีเหนือก็เป็นตัวแปรสำคัญในภูมิภาคนี้
โลกยิ่งเดือด อาเซียนยิ่งร้อน
ในหลายๆ ประเด็นสมาชิกอาเซียนเองก็ยืนอยู่คนละฝั่ง
ในหลายๆ กรณีคำว่า “ฉันทามติ” หรือ “วิถีอาเซียน” ที่ตั้งอยู่บนหลักการที่ต้องเห็นพ้องกันเป็นเอกฉันท์ในทุกเรื่องก็ถูกท้าทายหนักขึ้นตลอดเวลา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พม่าจะเดินตามรอยเกาหลีเหนือ? ทำไมจึงมีนักวิเคราะห์บางสายตั้งคำถามนี้?
เพราะมีข่าวหลายกระแสที่บ่งบอกไปในทิศทางที่ว่า ผู้นำทหารพม่ากำลังมองคิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือเป็น “แม่แบบ” ของการสร้างอำนาจต่อรองกับประเทศที่พยายามจะกดดันให้ต้องยอมเสียงเรียกร้องให้กลับไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย
สงครามพม่า: ไทยอาจมีสภาพเหมือน ‘โปแลนด์’ ของสงครามยูเครน?
ข้อสังเกตของอาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข ว่าไทยอาจกลายเป็น “โปแลนด์” ในกรณีสงครามกลางเมืองพม่า เป็นประเด็นที่น่าสนใจสำหรับการวางยุทธศาสตร์ของไทยต่อสถานการณ์รอบบ้านเรา
ทำไม IMF กับ Apple ของจีนกันคนละมุม?
สองคนมองสองมุม ผู้อำนวยการ IMF เตือนว่าเศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงมาถึง “ทางสองแพร่ง” ต้องเลือกระหว่างนโยบายในอดีตหรือ “การปฏิรูปตลาด” เพื่อปลดล็อกการเติบโต
ปูติน-เซเลนสกีแลกหมัด กรณีเหตุก่อการร้ายมอสโก
ตกลงใครอยู่เบื้องหลังเหตุก่อการร้ายต่อโรงคอนเสิร์ตชานเมืองมอสโกที่มีคนตายกว่า 130 คนเมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา จนกลายเป็นเหตุการณ์ระดับโลก?
คำเตือนก่อเหตุร้ายมอสโก มาจากตะวันตกก่อน 2 สัปดาห์
สองสัปดาห์ก่อนเกิดเรื่องใหญ่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯเตือนคนของตนในรัสเซียให้หลีกเลี่ยงที่ชุมนุมชนในกรุงมอสโกเพราะอาจจะมีการโจมตีของผู้ก่อการร้าย
จีนกับบทบาทผู้ไกล่เกลี่ย ในสงครามกลางเมืองพม่า
ปฏิเสธไม่ได้ว่า แนวทางของจีนต่อสงครามกลางเมืองพม่าถูกกำหนดโดยผลประโยชน์ของตนเอง