หรือ ‘ยาเม็ด’ จะมาเผด็จศึกโควิด?

ก่อนหน้านี้ (วันพฤหัสบดีที่ 4 พ.ย.64) ที่ประเทศอังกฤษ ก็เพิ่งประกาศอนุญาตให้ใช้ยาเม็ดรักษาโควิด “โมลนูพิราเวียร์” (Molnupiravia) ของบริษัทเมอร์คได้

นายกฯ บอกว่า กว่ายาเหล่านี้จะเริ่มมีออกมาให้ใช้ ก็คงจะเป็นในช่วงต้นปีหน้า

นายกฯ บอกว่า ได้เน้นย้ำกับกระทรวงสาธารณสุขให้เร่งดำเนินการในทันที เพื่อสั่งซื้อยาตั้งแต่ตอนนี้ จะได้เป็นคิวแรกๆ

น่าวิเคราะห์ว่าถ้ายาเม็ดธรรมดาสามารถช่วยรักษาจากโควิด-19 ได้ จะเกิดอะไรขึ้นได้ต่อไป

Merck และ Pfizer บริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ได้ออกมาให้ข่าวเรื่องยาเม็ดสู้โควิด สร้างความตื่นตัวในวงการต่างๆ ได้อย่างมาก

ยาเม็ดที่ว่านี้ทำอะไรได้บ้าง?

ทั้งคู่เป็นยาต้านไวรัสที่ทำหน้าที่ลดความสามารถในการทำซ้ำของไวรัส ทำให้โรคระบาดได้ช้าลง

ทั้ง 2 บริษัทอ้างว่าผลการทดลองทางคลินิกพบว่าสามารถลดความเสี่ยงในการรักษาตัวในโรงพยาบาลลงอย่างมาก

ตามข่าวที่ออกมานั้น ผู้ผลิตบอกว่าคนที่ได้ Molnupiravir จะมีความเสี่ยงลดลง 50 เปอร์เซ็นต์

ขณะที่ผู้ที่รับประทาน Paxlovid เห็นผลเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ต้องระวัง ไม่นำเอาผลมาเปรียบเทียบโดยตรงของเปอร์เซ็นต์ของประสิทธิผลของทั้ง 2 ตัว เพราะมีโปรโตคอลการศึกษาวิจัยที่ไม่เหมือนกันเสียเลยทีเดียว

อีกด้านหนึ่ง Fluvoxamine ซึ่งเป็นยาต้านอาการซึมเศร้าที่ประชาชนทั่วไปหาซื้อได้ก็ได้แสดงผลที่น่าพอใจในการป้องกันรูปแบบที่รุนแรงของ Covid-19

นั่นมาจากผลการศึกษาที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยนักวิจัยชาวบราซิลในวารสาร Lancet Global Health              

ทำไมต้องตื่นเต้นกับข่าวนี้?

เพราะถ้าหากมีการยืนยันประสิทธิภาพของยาเม็ดเหล่านี้ว่าเป็นจริงก็ต้องถือว่าเป็นก้าวสำคัญในการทำศึกสงครามกับโควิด-19 กันเลยทีเดียว

จะเป็นการเพิ่มความหวังที่จะเสริมวัคซีนเพื่อเพิ่มศักยภาพของ "คลังแสงแห่งอาวุธ" ในการสู้กับไวรัสโควิด-19 อย่างมีนัยสำคัญทีเดียว

ประโยชน์ที่เห็นชัดเจนคือเมื่อเป็นยาเม็ด ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว นำติดตัวไปที่บ้านได้อย่างง่ายดาย

งานวิจัยของทั้ง 2 ค่ายบอกว่า ถึงวันนี้ยังไม่มีผลข้างเคียงมากนัก และต้องใช้ยาประมาณ 10 โดสใน 5 วัน

คำถามต่อมาก็คือว่า งานวิจัยในยาทั้ง 2 ตัวนี้มีข้อจำกัดหรือความเสี่ยงอะไรบ้าง

ยังเร็วไปที่จะมีคำตอบ เพราะข้อมูลที่ได้มาจากการออกข่าวของทั้ง 2 บริษัทเท่านั้น ยังต้องรอข้อมูลในรายละเอียดของการทดลองทางคลินิกของทั้ง 2 บริษัท

แน่นอนว่าผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาเตือนว่าจะต้องทำความเข้าใจกับการค้นพบใหม่นี้อย่าง "ระมัดระวัง" เพราะต้องรอให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดของผลการวิจัยต่ออีกหลายขั้นตอน

หากสำเร็จจริง นี่คือเรื่องใหญ่ทั้งสำหรับการรักษาโรคระบาดรอบนี้ และเป็น “โอกาสทางธุรกิจมหาศาล"                สำหรับแวดวงเภสัชกรรมของโลก

วงการแพทย์จะได้ใช้ยาเม็ดที่ว่านี้เมื่อไหร่ และเป็นจำนวนเท่าไหร่ ก็ต้องพิเคราะห์ตามเนื้อผ้า

สำหรับมอลนูพิราเวียร์ของเมอร์คนั้นได้รับการอนุมัติในสหราชอาณาจักรแล้ว

นับเนื่องจากวันพฤหัสบดีผ่านมา หน่วยงานสาธารณสุขของอังกฤษได้ให้ไฟเขียวสำหรับการใช้ยาตัวนี้สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายแรง เช่น ผู้สูงอายุ คนอ้วน หรือผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ข่าวบอกว่าหน่วยงานด้านสุขภาพของอเมริกาและสหภาพยุโรปก็กำลังตรวจสอบยาตัวนี้อย่างขมีขมัน

หลายประเทศก็เริ่มสั่งซื้อยา Molnupiravir แล้ว สหรัฐฯ ไม่รอช้าสั่ง 1.7 ล้านชุดอย่างฉับพลัน เป็นเงินประมาณ 700 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 23,100 บาทต่อยา 1 ชุด สำหรับ 5 วัน

ส่วน Pfizer บอกว่าแม้จะยังไม่ได้กำหนดราคาสำหรับ Paxlovid แต่ก็รับปากว่าจะไม่ตั้งราคาแพงเกินไป

เพราะต้องการจะตั้งราคาให้สอดคล้องกับรายได้ของแต่ละประเทศที่ต้องการเข้าถึงยาเม็ดตัวนี้

งานนี้ต้องเกาะติดกันด้วยใจระทึกครับ.