คิม จองอึน อาละวาด ขณะสงครามยูเครนยังระอุ!

ไม่ใช่เรื่องปกติที่สถานีทีวี NHK ของญี่ปุ่นจะส่งคำเตือนไปยังประชาชนทั้งประเทศว่า “อย่าออกนอกบ้าน ให้วิ่งเข้าที่หลบภัย” เพราะเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามหัว!

เพียงแค่ในหนึ่งสัปดาห์ เปียงยางยิงขีปนาวุธแล้ว 5 ลูก...ล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาในช่วงเวลามาเยือนเกาหลีใต้ของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส

เช้าวันอังคารที่ผ่านมา คนญี่ปุ่นตื่นมาพร้อมกับพบข้อความเตือนภัยผ่านสื่อและมือถือ โดยเฉพาะบนเกาะฮอกไกโดทางเหนือให้รีบหลบภัยแล้ว

อีกทั้งยังมีเสียงไซเรนดังลั่นไปทั่วเมืองพร้อมกับการที่ทางการสั่งระงับบริการรถไฟชั่วคราวเพื่อป้องกันเหตุร้ายอันไม่พึงประสงค์

นี่ถือเป็นการยิงขีปนาวุธพาดผ่านน่านฟ้าญี่ปุ่นครั้งแรกของเกาหลีเหนือ นับแต่ปี 2017

 “มีแนวโน้มว่าเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธแล้ว ขอให้ประชาชนรีบอพยพเข้าอาคารหรือใต้ดินโดยเร็ว”

นี่คือข้อความที่รัฐบาลญี่ปุ่นแจ้งเตือนประชาชนเวลา 07.29 น. เวลาท้องถิ่นหรือ 05.29 น. ตามเวลาในไทย

กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นบอกว่าขีปนาวุธลูกนี้เป็นประเภทพิสัยกลาง

ยิงไปไกล 4,500 กิโลเมตร ก่อนจะตกลงในมหาสมุทรแปซิฟิก ณ จุดที่ห่างจากญี่ปุ่นราว 3,000 กิโลเมตร

แม้จะไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บจากการยิงขีปนาวุธครั้งนี้ แต่ก็สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนคนญี่ปุ่นอย่างกว้างขวาง

นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ออกมาประณามอย่างแข็งกร้าวต่อการกระทำนี้ โดยเรียกว่า “พฤติกรรมที่เน้นความรุนแรง”

และได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติทันที เพื่อหาทางตอบสนองการกระทำที่ญี่ปุ่นถือว่าเป็นการ “ยั่วยุ” ครั้งใหม่จากเพื่อนบ้านรายนี้

นักวิเคราะห์เห็นพ้องต้องกันว่าการยิงขีปนาวุธครั้งนี้ คิม จองอึน ต้องการจะยกระดับความตึงเครียด เพื่อให้ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ หันมาให้ความสนใจเกาหลีเหนือ

เพราะคิมมองว่าสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ไม่ได้ให้ความสนใจเพียงพอต่อตัวเขา

นักสังเกตการณ์บางคนถึงกับบอกว่า การที่ข่าวสงครามยูเครนได้รับความสนใจในระดับโลกอย่างกว้างขวางนั้น  อาจจะทำให้คิมรู้สึกว่าโลกกำลังลืมความสำคัญของเกาหลีเหนือ

จึงจำเป็นต้องสร้าง “ดรามา” อย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้โลกลืมว่ายังต้องตอบสนองเสียงเรียกร้องของเปียงยาง

วันเดียวกันนั้น สื่อทางการของเกาหลีเหนือก็ออกมาแสดงการสนับสนุนรัสเซียในการผนวก 4 ภูมิภาคของยูเครน

ทำให้เห็นว่าคิมต้องการจะแสดงตนเป็นแนวร่วมของรัสเซียเพื่อสร้างความตระหนักในประชาคมโลกว่าหากประชาคมโลกสนใจรัสเซียก็ต้องไม่ลืมว่าเกาหลีเหนือก็เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการต่อต้านสหรัฐฯ และโลกตะวันตก

ไม่ต้องสงสัยว่าสหประชาชาติจะต้องเรียกประชุมเพื่อพิจารณาการแสดงแสนยานุภาพทางทหารเช่นนี้ของเกาหลีเหนืออีกครั้ง

เพราะต้องพูดกันถึงประเด็นการละเมิดกฎกติกาสากลกันอีกครั้งหนึ่ง

หลักการสากลคือการกระทำลักษณะฝ่าฝืนบรรทัดฐานสากล นั้นหมายรวมถึงการยิงขีปนาวุธมุ่งตรงต่อประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือพาดผ่านน่านฟ้าของประเทศอื่น โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า หรือขอคำปรึกษาหารือก่อน

นั่นย่อมถือได้ว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะหากมีการกระทำเช่นนี้ ย่อมจะเป็นการสร้างความเสี่ยงให้เกิดสงคราม

เพราะหากมีประเทศใดยิงขีปนาวุธในลักษณะเช่นนี้ ก็อาจจะทำให้ประเทศอื่นเข้าใจว่าตนกำลังถูกโจมตี

อันอาจจะนำไปสู่การที่ประเทศนั้นๆ  จำเป็นต้องใช้มาตรการตอบโต้หรือสกัดกั้นด้วยอาวุธร้ายแรงพอๆ กัน

นั่นย่อมหมายถึงโอกาสที่จะเกิดการสู้รบขึ้นได้ ไม่ว่าการทดลองขีปนาวุธของประเทศใดจะมีจุดมุ่งหมายอย่างใดก็ตาม

การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือเป็นครั้งที่ 5 ในรอบ 7 วัน

วันเสาร์ที่ผ่านมา เปียงยางยิงขีปนาวุธ 2 ลูกลงน่านน้ำใกล้เขตเศรษฐกิจจำเพาะ หรือ Exclusive Economic Zone ของญี่ปุ่น

เมื่อเดือนที่แล้ว เกาหลีเหนือผ่านกฎหมายประกาศสถาปนาตนเองเป็น “รัฐผู้ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์”

อีกทั้งยังประกาศอย่างเป็นทางการว่า ผู้นำคิม จองอึน จะไม่มีวันเจรจาเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของตนแต่ประการใดทั้งสิ้น

สหประชาชาติมีมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนืออย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ทดลองนิวเคลียร์ 2006 ถึง 2017 ทั้งหมด 6 ครั้ง

แต่คิมก็ไม่สนใจ เพราะได้รับความช่วยเหลืออย่างไม่เป็นทางการจากทั้งจีนและรัสเซียทางด้านเศรษฐกิจเพื่อประคับประคองให้เปียงยางฟันฝ่าอุปสรรคของตนในเวทีสากล

หลายวงการเชื่อว่าคิมกำลังเตรียมจะทดลองนิวเคลียร์อีกครั้งหนึ่งในเร็วๆ นี้ค่อนข้างแน่นอน

แต่นักวิเคราะห์บางสำนักก็คาดว่าคิมอาจจะรอให้เสร็จสิ้นการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จะเริ่มวันที่ 16 ตุลาคมนี้เสียก่อน

เพื่อไม่ต้องการให้มีข่าวการทดลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมากลบข่าวใหญ่ที่สี จิ้นผิง จะได้รับการต่ออายุอีกหนึ่งสมัยในฐานะผู้นำสูงสุดของจีน

แต่อีกบางสำนักก็เชื่อว่าคิมอาจจะไม่ต้องการโยงเรื่องใหญ่ของตนกับความเคลื่อนไหวทางการเมืองของจีนก็ได้

แต่สหรัฐฯ กับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ก็คงจะไม่ยอมปล่อยให้เกาหลีเหนือสามารถเดินหน้าพัฒนานิวเคลียร์อย่างไม่จบสิ้น

ทันทีที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุด สหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ก็ซ้อมรบ “แบบฉุกเฉิน” ทันที

ทั้งสองประเทศส่งเครื่องบินรบฝ่ายละ 4 ลำเพื่อซ้อมรบ โดยมีการจำลองสถานการณ์ที่จะต้องตอบโต้เกาหลีเหนือหากเกิดศึกสงครามขึ้น

ทั้งหมดนี้คือการยกระดับความตึงเครียดในภูมิภาคนี้อย่างน่ากังวล

เพราะโลกกำลังวุ่นวายกับสงครามยูเครน, วิกฤตเศรษฐกิจอันเกิดจากภาวะเงินเฟ้อรุนแรงและสภาพที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่จากโรคระบาดโควิด

ตอนนี้ก็ต้องมีตื่นตระหนกกับการคาดเดาว่า “พี่คิม” จะออกฤทธิ์ออกเดชให้เกิดความโกลาหลให้กับเวทีระหว่างประเทศอะไรอีก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จีน-อินเดีย: 'สันติภาพร้อน' ที่ทำให้ร่วมแก้วิกฤตพม่าไม่ได้

วิกฤตพม่าทำให้ผมคิดถึงความความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอินเดียวันนี้ เพราะหากสองยักษ์แห่งเอเชียทำงานร่วมกัน ไทยก็อาจจะเป็นมือประสานให้เกิดกระบวนการเจรจาในพม่าได้

บทเรียนสีหนุวิลล์สำหรับไทย

ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของจีนกับกัมพูชามาในหลายรูปแบบ...และหนึ่งในนั้นคือการสร้างสีหนุวิลล์เป็นศูนย์กลางด้านความบันเทิง หรือที่เรียกว่า Entertainment Complex

อิหร่าน-อิสราเอล: ทุกฉากทัศน์ล้วนเสี่ยงสูง

คณะรัฐมนตรีสงครามหรือ War Cabinet ของอิสราเอลประชุมกันเคร่งเครียดมาหลายรอบ...สรุปได้เพียงว่าจะต้องตอบโต้อิหร่านแน่...แต่ไม่ระบุว่าเมื่อไหร่และด้วยยุทธการแบบใด

สิงคโปร์ผลัดใบการเมืองครั้งสำคัญ ‘หลี่’ (72) ส่งไม้ต่อ ‘หว่อง’ (52)

นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสิงคโปร์ Lawrence Wong ที่จะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ต้องถือว่ามาจากครอบครัวชนชั้นทำงานจริง ๆ

“เซฟโซน” ฝั่งเมียวดีอาจจะเป็น ก้าวเล็กๆ ของกระบวนการเจรจา?

ความเคลื่อนไหวตรงข้ามชายแดนไทยฝั่งพม่ามีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา และความไม่แน่นอนนี้เองที่ทำให้รัฐบาลไทยต้องให้ความสำคัญกับการสร้างกลไกติดตามอย่างมีประสิทธิภาพ

ไบเดนควงคิชิดะ มาร์กอสประกาศสกัดการขยายอิทธิพลจีน!

ผมเห็นนายกฯฟูมิโอะ คิชิดะของญี่ปุ่นปราศรัยต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯเป็นภาษาอังกฤษปลายสัปดาห์ที่ผ่านมากล่าวหาจีนว่าเป็น “ภัยคุกคามต่อภูมิภาคนี้อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน” แล้วก็พอจะรู้ว่าความตึงเครียดจะต้องถูกยกระดับขึ้นมาอย่างแน่นอน