ขอพูดถึงหนองบัวลำภู…ก่อนเป็นความทรงจำ

    หนึ่งสัปดาห์ผ่านมาแล้วก็ตาม แต่ผมเชื่อว่าแฟนคอลัมน์คงเหมือนผม ที่ยังไม่มีคำบรรยาย ความรู้สึก และความสะเทือนใจ จากเหตุการณ์กราดยิงเหยื่อผู้บริสุทธิ์ในสถานเลี้ยงเด็กเล็ก ที่จังหวัดหนองบัวลำภู ถึงแม้เวลาผ่านไปเกือบ 10 วันเต็มก็ตาม และโลกของเรากลับมาหมุนตามปกติ มันยากที่จะให้ปิดและเก็บเหตุการณ์นี้อยู่ในลิ้นชักความทรงจำในสมองพวกเรา มันยากที่จะแค่เดินต่อไปดำเนินชีวิตของเรา

    แต่ในขนาดเดียวกัน ที่ผมบอกว่า “ยาก” ตามความเป็นจริง เราเปลี่ยนคำว่า “ยาก” เป็นคำว่า “ง่าย” ก็ได้เหมือนกันครับ

ไม่ใช่เพราะเป็นคนเลือดเย็น ไม่ใช่เพราะไม่สนใจผู้อื่น แต่เหตุการณ์นี้ ไม่ได้ขึ้นกับเราโดยตรง ถึงแม้เรารู้สึกโศกเศร้าเสียใจ รู้สึกสลดใจ รู้สึกหดหู่ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง พอถึงจุดหนึ่งนั้น มันต้องเดินข้างหน้าต่อ แล้วโลกที่หยุดหมุนชั่วคราวต้องหมุนต่อไป

    แต่ก่อนที่เราจะเดินหน้ากันต่อ ก่อนที่โลกต้องหมุนต่อไป และก่อนที่พวกเราจะค่อยๆ ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ผมขอถือโอกาสพูดถึงเรื่องนี้บ้าง

    ผมไม่อยากคิดเลยว่า ความเจ็บปวดของผู้ปกครองเด็กเล็กทุกคนที่เป็นเหยื่อจะสลดใจมากน้อยขนาดไหน ความเจ็บปวดที่มนุษย์คนหนึ่งจะต้องรู้สึก ไม่มีอะไรที่ย่ำแย่ไปกว่าการที่ต้องสูญเสียผู้ที่เรารักจากฝีมือมนุษย์กันเองโดยไร้เหตุผลและไร้คำตอบ การสูญเสียผู้ที่เรารักจากธรรมชาติ จากอุบัติเหตุ หรือจากเรื่องอื่นๆ อะไรก็แล้วแต่ ถึงแม้เป็นความเจ็บปวดที่ลึกและเกินคำบรรยายก็ตาม ยังไงก็ไม่เทียบเท่าความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียกับวิธีแบบนี้

    เพราะนอกจากความเจ็บปวด ความเสียใจ และความสลดใจ ที่เราต้องสูญเสียผู้ที่เรารักอยู่แล้ว มันจะมีความโกรธ ความแค้น และความไม่เข้าใจ เข้าไปปนอยู่ด้วย สำหรับใครที่อยู่ในเหตุการณ์แบบนี้จะเริ่มมีคำถามเกี่ยวกับความศรัทธาของตัวเอง จะเริ่มตั้งคำถามว่า “เราทำอะไรผิด” หรือ “เขาทำอะไรผิด” ถึงต้องจบชีวิตแบบนี้

    อารมณ์ของผู้ใกล้ชิดเหยื่อทุกรายหลังเหตุร้ายเกิดขึ้นนั้น อยู่ในอาการมึนๆ งงๆ มีทั้งเสียใจ มีทั้งเจ็บปวด มีทั้งโกรธแค้น ดังนั้นเวลาใครเข้ามาพยายามปลอบใจ ให้กำลังใจ หรือบอกให้ยึดมั่นในคำศาสนา ผมบอกเลยว่า ผู้ใกล้ชิดคนคนนั้นไม่มีอารมณ์จะฟังครับ อาจได้ยิน แต่ไม่ฟัง ส่วนใหญ่จะมีการพยักหน้า ยกมือไหว้ขอบคุณ แต่ในใจยังไม่อยากรับฟังอะไรทั้งสิ้น เพราะส่วนใหญ่ยังไม่ได้คำตอบว่าทำไมเหยื่อต้องจากไปกับวิธีแบบนี้ด้วย

    สำหรับผู้ใกล้ชิดเหยื่อทุกราย มันไม่มีคำว่าผิดหรือถูก ในการจัดการอารมณ์ตามสถานการณ์หรือเหตุการณ์ บางคนอาจต้องการคนเข้ามากอด หรือคนเข้ามาถามความรู้สึก หรือหยิบยกคำสอนของศาสนาปลอบใจก็ได้ บางคนไม่ต้องการ ในฐานะที่พวกเราอยู่ข้างนอกเหตุการณ์ เราควรจะใช้ความระมัดระวังในการเข้าหาผู้ใกล้ชิดของเหยื่อ เพราะใจเขา ณ เวลานั้น มันบอบบางมาก และเป็นอารมณ์ที่แปรปรวน ในกรณีแบบนี้ คำพูดที่ถูกต้องอาจสะเทือนใจผู้รับฟัง

    ที่ผมบอกว่าผู้ใกล้ชิดเหยื่อทุกรายอยู่ในอาการมึนๆ งงๆ เพราะอารมณ์แปรปรวนมากครับ ผู้รักของเขาถูกดับชีวิตอย่างกะทันหัน ไม่ใช่เพราะธรรมชาติ แต่เป็นเพราะฝีมือมนุษย์คนอื่น ดังนั้นเวลาใครจะเข้ามาปลอบใจว่าเป็นกรรมของเหยื่อที่กำหนดไว้แล้ว ตรงนั้นละครับจะสร้างความโกรธและสร้างความแค้น ต่อความเชื่อและความศรัทธาที่ถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก อารมณ์ ณ ตอนนั้น ผู้ใกล้ชิดของเหยื่อทุกรายไม่มีทางเข้าใจเรื่องเวรกรรม เขารู้อย่างเดียวว่า ผู้ที่เขารักไม่ได้อยู่ในโลกใบนี้แล้ว และเขาต้องการคำตอบว่าทำไมเป็นเช่นนั้น

    เมื่อวันเวลาผ่านไป คำพูดเรื่อง “เป็นกรรมของเขา” ตามคำสอนทางศาสนาจะค่อยๆ เป็นความจริงที่รับได้ เพราะเป็นช่วงที่ทำใจมากขึ้นกว่าตอนเหตุการณ์เกิดขึ้นใหม่ๆ บางคนอาจทำใจเร็วกว่าคนอื่น บางคนอาจทำใจไม่ได้เลยก็เป็นไปได้ เพราะสำหรับคนอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โดยตรง (อย่างพวกเรา ในเหตุการณ์นี้) เราต้องกลับมาใช้ชีวิตปกติ เราต้องต่อสู้กับสิ่งที่เราต้องต่อสู้ เพื่อเดินหน้าต่อ แต่สำหรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง หลังจากโลกภายนอกหันไปมองที่อื่น เหตุการณ์ร้ายๆ ที่สะเทือนใจพวกเรา เป็นส่วนชีวิตโลกแห่งความจริงของเขา และสำหรับพวกเรา เหตุการณ์จะค่อยๆ เป็นความทรงจำ แต่สำหรับพวกเขา เหยื่อจะค่อยๆ เป็นความทรงจำ

    ในยามที่เขาอยากได้คำตอบจากเหตุการณ์สะเทือนและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาโดยสิ้นเชิง เขาไม่มีทางได้คำตอบที่เขากำลังมีในใจ เพราะมันไม่มีคำตอบไดๆ (หรือดีๆ) ตอบคำถามได้เลย สิ่งที่จะช่วยเขาที่สุด ณ เวลานี้ คือคนที่จะรับอารมณ์แปรปรวนของเขา และคนที่เข้าใจอารมณ์แปรปรวนของเขา เป็นช่วงเวลาที่ไร้เหตุผล แล้วเป็นอารมณ์ล้วนๆ ครับ

    ช่วงนี้โรงเรียนลูกผมปิดเทอม ซึ่งเป็นการปิดเทอมไม่นานมากนัก แต่นานพอให้หลานๆ ไปเยี่ยมคุณยายของเขาที่บ้านเฮา ผมกับแฟนผมคุยกันว่า หนองบัวลำภู อยู่ไม่ห่างจาก สกลนคร เลยมีความตั้งใจแวะผ่านอำเภอที่เกิดเหตุ แต่ถ้าถามว่า ไปแล้วไปทำอะไร ผมไม่มีคำตอบครับ ผมจะไม่เข้าไปรบกวนครอบครัวของเหยื่อ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพราะผมไม่อยากเป็นภาระ ผมตั้งใจไปอุทิศส่วนกุศล กรวดน้ำ ทำบุญ ให้กับวิญญาณของเหยื่อทุกราย ที่วัดในอำเภอนั้นหรือศาลหลักเมืองของจังหวัด มันเป็นส่วนเล็กน้อยที่คนนอกเหตุการณ์ทำได้ ถึงแม้ไม่ได้ผลอะไรเลยก็ตาม

    ถ้าเผื่อเจอผู้ใกล้ชิดของเหยื่อ ผมจะไม่พูดว่า “เขาไปสบายแล้ว” “เขาหมดกรรมแล้ว” หรืออะไรทำนองนั้นที่ผมคิดว่าไม่เป็นประโยชน์อะไร แต่ผมจะบอกเขาว่า “ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'แก๊ง'ล้มรัฐบาลได้ด้วยเหรอ? (ตอน 1)

ผมมีความรู้สึกว่า ช่วงนี้มีข่าวประเภทแก๊งมีอิทธิพลในประเภทประเทศเอลซัลวาดอร์ โคลอมเบีย และเม็กซิโก มีผลต่อเสถียรภาพการเมืองระดับชาติประเทศเขา

To Shortchange กับ To Feel Shortchanged

จากการเรียกร้องของสาวๆ (สวยๆ) ไทยโพสต์ ผมขออนุญาตสวมหมวกฟุดฟิดฟอไฟวันหนึ่ง เพื่อพูดคุยและอธิบายสไตล์ของผม ถึงคำที่ปรากฏในช่วงต้นสัปดาห์จากนิตยสาร Time ครับ

ชอบของ World Class ในราคาตำบล

ท่ามกลางอากาศร้อนระอุ ช่วงบรรยากาศสงครามกลางซอยสุขุมวิทซอย 11 (ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องไร้สาระ และเป็นเรื่องไม่ควรให้ราคาก็ตาม) ผมขออนุญาตสวมหมวกคนขี้บ่น

อิหร่านมีการ 'เลือกตั้ง' ด้วย

ระหว่างผมหาประเด็นเขียนคอลัมน์สำหรับสัปดาห์นี้ ผมเจอข่าวเรื่องหนึ่งทำให้ผมชะงักและเกิดข้อสงสัย เรื่องดังกล่าวคือ การเลือกตั้งในประเทศอิหร่านเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวคือ

จากยางรถ…สู่ดาว

สังเกตไหมครับ? ช่วงนี้ เวลาผู้มีชื่อเสียงจะมาเที่ยวกรุงเทพฯ เราจะเห็นภาพเขาถ่ายคู่กับเจ๊ไฝ เช่น Jack Ma Ed Sheeran หรือ Lisa

Democracy in Thailand ต่างจาก Thai Democracy ไหม?

ขอออกตัวก่อนครับ แต่เดิมผมตั้งใจเขียนเรื่องอื่น แต่ผมเจอคำถามที่เป็นคำถามน่าสนใจครับ หลายคนคงสงสัยว่า ช่วงนี้ผมทำงานอะไร หลักๆ ผมทำ Government Relations Consultancy ซึ่งคือการให้