เมื่อวานผมเขียนถึงคนเชื้อสายเอเชียกำลังสยายปีกในตำแหน่งการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นในโลกตะวันตก...ทำให้ต้องเขียนถึงปรากฏการณ์อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
นั่นคือทำไมในอเมริกาและยุโรป คนอินเดียจึงยึดครองตำแหน่งผู้บริหารระดับ CEOs กันอย่างกว้างขวาง?
พอผมไปค้นข้อมูลดูก็พบว่า นักบริหารระดับซีอีโอที่มีเชื้อชาติอินเดียในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกนั้นมีมากจริงๆ ย่อๆ ออกมาให้เห็นคร่าวๆ ได้อย่างนี้กันเลย
Sanjay Jha (Global Foundries), Ajit Jain (Berkshire Hathaway Insurance), Ajaypal Singh Banga (Mastercard), Dinesh Patiwal (Harman Industries), Rakesh Kapoor (Reckitt Benckiser), Shantanu Narayen (Adobe Systems), Nikesh Arora (Soft Bank), Francisco D’Souza (Cognizant), Rajeev Suri (Nokia), Anshu Jain (Deutsche Bank), Ivan Menezes (Diageo), George Kurian (NetApp) and others.
ลองไปเจาะรายละเอียดเพิ่มเติมของบางคนก็เห็นชัดเจน เช่น
สุนทร พิชัย Sundar Pichai (CEO, Google)
เขาเป็นผู้บริหารชาวอินเดีย-อเมริกัน ที่เป็นซีอีโอของ Google ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดในโลก
ก่อนหน้านี้ สุนทร พิชัย เคยทำงานเป็นหัวหน้าผลิตภัณฑ์ของ Google
เคยดูแลด้านวิศวกรรมและการจัดการผลิตภัณฑ์ มาร่วมงานกับ Google ในปี 2004
ผลงานที่สำคัญที่สุดของเขาที่ Google คือ การเปิดตัวบราวเซอร์ Chrome
อีกคนหนึ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ สัตยา นาเดลลา Satya Nadella (CEO, Microsoft)
เขามาจากเมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา เรียนหนังสือมาทางวิศวกรรมไฟฟ้าจากสถาบันเทคโนโลยีมานิปาล
พอได้เป็นผู้บริหารสูงสุดของ Microsoft เขาประกาศสร้างวัฒนธรรมการทำงานใหม่หมด...ด้วยความริเริ่มหลายอย่างที่ฉีกแนวไปจากเดิม
สัตยาร่วมงานกับ Microsoft ในปี 1992 ผลงานเป็นที่ประทับใจของบิล เกตส์ จนได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้นำอย่างรวดเร็ว
ด้วยการพิสูจน์ความสามารถในหน้าที่เป็นผู้นำการวิจัยและพัฒนาสำหรับแผนกบริการออนไลน์อย่างชาญฉลาด และตอบโจทย์ของความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างทันสถานการณ์
คนต่อมาคือ ชันทนุ นราเยน Shantanu Narayen (ซีอีโอ Adobe)
เขาเป็นซีอีโอของ Adobe Systems และประธานคณะกรรมการ Adobe Foundation Narayen
จบจาก Osmania University และต่อมาได้ศึกษา MBA จาก University of California
ผลงานเป็นที่ประจักษ์ถึงขั้นในปี 2011 เขาได้รับแต่งตั้งจากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้เป็นสมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการจัดการ
อีกคนหนึ่งที่น่าทึ่งคือ นิเคช อะโรรา Nikesh Arora (ซีอีโอ Palo Alto Networks)
นักธุรกิจเชื้อสายอินเดียคนนี้รับตำแหน่งซีอีโอของ Palo Alto Networks ในเดือนมิถุนายน 2018
ก่อนหน้านั้นเขาร่วมงานกับ Google ตั้งแต่ปี 2004 และดำรงตำแหน่งผู้นำหลายตำแหน่งที่บริษัท
เคยเป็นประธาน SoftBank Group Corp
ได้ชื่อว่าเป็นนักบริหารที่สร้างผลงานได้อย่างเกรียวกราวในเกือบทุกเวทีเลยทีเดียว
โธมัส คูเรียน Thomas Kurian (CEO, Google Cloud)
Kurian รับหน้าที่เป็นหัวหน้า Google Cloud เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2018
เขาเคยเป็นประธานฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ Oracle Corporation ตั้งแต่ปี 1996 ถึง 2018
สำเร็จการศึกษาจาก Indian Institute of Technology Madras หลังจากนั้นเขาย้ายไปสหรัฐอเมริกาเพื่อรับปริญญาโทบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
อะไรทำให้นักบริหารจากอินเดียเติบใหญ่จนได้นั่งเก้าอี้ผู้นำในบริษัท 500 แห่งของ S&P มากมายเกินกว่าสัญชาติต่างชาติอื่นๆ?
ผมเคยอ่านหนังสือภายใต้ชื่อ Made-in-India Managers ที่เขียนโดย R.Gopalakrisnan และ Ranjan Banerjee ที่ศึกษาเรื่องนี้
โดยวิเคราะห์ว่าปัจจัยสำคัญแห่งความสำเร็จของนักบริหารอินเดียมาจากหลักใหญ่ๆ คือ
การผสมผสานของปัจจัยต่างๆ ที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ความคิดและการปฏิบัติของผู้บริหารชาวอินเดียกลายเป็น 'soft power’ อันทรงพลัง
ปัจจัยที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง?
พอสรุปได้ดังนี้
- อิทธิพลทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้ง ซึ่งก่อให้เกิดสัญชาตญาณการแข่งขันที่เฉียบแหลม และมุมมองทางธุรกิจที่แหลมคม
- สถานการณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจในระดับสูงของไหวพริบในสถานการณ์ที่ท้าทาย
- ความสามารถในการ 'คิดเป็นภาษาอังกฤษและทำงานอย่างอินเดีย' ซึ่งช่วยให้ทำงานได้อย่างยืดหยุ่นในสภาพแวดล้อมการทำงานหลากหลายวัฒนธรรม
- และที่สำคัญ วิธีการที่ผู้จัดการรุ่นใหม่ในปัจจุบันสามารถสร้างข้อได้เปรียบเหล่านี้ และนำเสนอการเรียนรู้ ทัศนคติ และความสามารถในรุ่นสู่รุ่นของตนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในอนาคต
เป็นความจริงที่ว่าคนอินเดียมีปฏิสัมพันธ์ทางภาษาที่ไม่เหมือนใคร และมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และสื่อสาร
อินเดียมีวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายทางภาษาอย่างมาก เด็กๆ อินเดียเติบโตขึ้นในโลก 3 ภาษาอย่างแท้จริง ระหว่างบ้าน โรงเรียน สังคมใกล้ตัว และประเทศในวงกว้าง
คนอินเดียบางคนจะบอกคุณว่า “ฉันใช้ภาษาไม่เก่ง” แต่พอได้โอกาสแลกเปลี่ยนความเห็นก็จะพูดได้ 3 ภาษาอย่างคล่องแคล่ว
แม้อยู่ในประเทศตัวเอง คนอินเดียก็มักจะพูดกับเพื่อนประเทศอื่น ซึ่งไม่ได้ใช้ภาษาแรกเหมือนกัน
ตัวอย่างเช่น ชาวอินเดียใต้มักจะเรียนภาษาฮินดีเป็นภาษาที่ 3 ชาวอินเดียจำนวนมากจากตะวันตก กลาง และตะวันออกเฉียงเหนือ พูดด้วยสำเนียงภาษาฮินดีได้พอสมควร
ความคล่องแคล่วในภาษาใดๆ ในอินเดียอาจจะมีหลายระดับ และผู้คนจะสนทนาในภาษาหนึ่งๆ นาน ก่อนที่พวกเขาจะบรรลุความคล่องแคล่วทั้งหมด
แต่ที่น่าสนใจคือ วัฒนธรรมไม่ได้สร้างความแตกต่างแบบ 2 ขั้วว่าคุณพูดหรือไม่พูดภาษาใดภาษาหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดามากกว่าในตะวันตก
อินเดียเป็นประเทศที่ซับซ้อน แต่ก็ยังประสบความสำเร็จในการดำเนินงานเป็นสังคมประชาธิปไตย โดยยังคงความสามารถในการพยายามฟังและได้ยินทุกเสียงที่เห็นต่างได้
ลักษณะพิเศษอีกอย่างหนึ่งของสังคมอินเดียคือ ความยากจนและขาดแคลน ซึ่งกลับกลายเป็นจุดแข็งในการสร้างคุณภาพคนที่ไม่กลัวอุปสรรค
เพราะความขาดแคลน และการต้องเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน ทำให้สร้างสัญชาตญาณที่จะถามว่า 'ฉันจะปรับตัวตามสถานการณ์นี้ได้อย่างไรเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ'
คุณสมบัติที่สำคัญอีกด้านหนึ่งคือ การพร้อมที่จะทนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยและมีความคลุมเครือสูง
อินเดียมีสภาพแวดล้อมที่มีความไม่ชัดเจนตลอดเวลา แต่สังคมส่วนรวมก็ยังรวมตัวกันและทำหน้าที่ของตนที่ถูกคาดหวังต่อเนื่อง
การปฏิบัติตนบนท้องถนนเป็นตัวอย่าง...ปกติจะไม่มีกฎกติกาอะไรเคร่งครัดเกินไปว่าอะไรคือพฤติกรรมที่เหมาะสมบนท้องถนน หรือแม้แต่ในร้านค้า ในธุรกิจ หรือในที่สาธารณะ
ใครมาอินเดียครั้งแรกส่วนใหญ่ประสบปัญหากับคำถามที่ว่า สังคมจะวุ่นวายได้ขนาดนี้เลยหรือ
แต่พอเวลาผ่านไปก็จะคุ้นชินไปเอง และจะสามารถก้าวไปข้างหน้าดั่งปาฏิหาริย์
คนอินเดียบางคนจะบอกคุณว่า พวกเขารู้สึกสบายใจกับความกำกวม
ในโลกธุรกิจก็มีความไม่แน่ชัดสูง...คนอินเดียในองค์กรจะไม่ตกตื่นกับความกำกวม และไม่คาดหวังว่าทุกอย่างจะต้องมีโครงสร้างที่มีระเบียบวินัยอย่างชัดเจน
พูดง่ายๆ คือคนอินเดียสามารถตัดสินใจได้อย่างสะดวกสบาย ทั้งๆ ที่ตกอยู่ภายใต้ภาวะแห่งความไม่ชัดเจน
อีกข้อหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยคือ ความสามารถของคนอินเดียในการจัดการบริหารวัฒนธรรมที่แตกต่างและความคิดเห็นที่หลากหลาย
เป็นที่ยอมรับว่าสังคมอินเดียเป็นสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างแท้จริง มีความเห็นแตกต่างกันมากมาย
คนอินเดียโตขึ้นมาด้วยการถูกห้อมล้อมไปด้วยวัฒนธรรมหลากหลายที่มีมุมมองที่แตกต่างกันโดยพื้นฐานเกี่ยวกับโลกและชีวิต
ไม่ใช่แค่ระหว่างชาวฮินดู มุสลิม คริสเตียน และพุทธเท่านั้น แต่ระหว่างชุมชนต่างๆ (ปัญจาบ เตลูกู มราฐี คุชราต ทมิฬ ฯลฯ) ที่แตกต่างกันอย่างมากอีกด้วย
คุณสมบัติที่ผสมผสานทั้งวัฒนธรรม, การศึกษา, ภาษา, ความหลากหลายทางความคิดและความกล้าเดินออกนอกเส้นทางปกติจึงคือคำตอบ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ


