บันทึกหน้า4

สัปดาห์แห่งการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 29 หรือเอเปก 2022 เริ่มใกล้ถึงไคลแมกซ์แล้ว หลังจากได้เริ่มมาตลอดปี 2565 ในรูปคณะทำงานและระดับรัฐมนตรี โดย ผู้นำกลุ่มเศรษฐกิจที่จะมาร่วมประชุมรายแรกที่มาถึงแผ่นดินไทยก็คือ “เหงียน ซวน ฟุก” ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม แล้วคงมีตามติดมาอย่างต่อเนื่อง ...๐

แม้รัฐบาลจะพร่ำบอกว่าให้คนไทยร่วมเป็นเจ้าภาพ แต่ดูเหมือนรัฐบาลเองกลับทำตัวเรื่อยเฉื่อยเหมือนเป็นเรือเกลืออย่างไรอย่างนั้น เพราะเมื่อวันอังคารที่ 15 พ.ย. ก็เพิ่งส่งเอกสารข่าวให้สื่อมวลชนจากกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่ออรรถาธิบายถึงการใช้คำเรียกในการประชุมครั้งนี้ แต่ที่น่าปริวิตกมากกว่านั้นคือ คำว่า “เอเปก” เองรัฐบาลกลับใช้คำว่า “เอเปค” ทั้งที่คณะรัฐมนตรีได้ประสานงานกับราชบัณฑิตยสถานแล้ว กำหนดคำดังกล่าวขึ้นตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2535 เป็นต้นมา แต่ดูเหมือนรัฐบาลนี้กลับละเลยพื้นฐานสำคัญดังกล่าวไป ...๐

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแต่ประการใด เพราะมันจะส่งผลต่อการศึกษาของลูกหลานในอนาคต เพราะหากข้อสอบออกว่าคำใดต่อไปนี้เขียนผิด โดยมีตัวเลือก “เอเปก” และ “เอเปค” บรรดาเด็กนักเรียนเลือกคำแรกขึ้นมา เพราะรัฐบาลโหมกระโคมอย่างต่อเนื่องแล้วใครจะเป็นผู้รับผิดชอบกัน ...๐

แปลกแต่จริง ปกติ “โทนี่ วู้ดซัม” มักโผล่มาช่วงดึกดื่นวันอังคารเพื่อเป็นข่าวในเช้าวันพุธ แต่ดูเหมือนสัปดาห์นี้ “ทักษิณ ชินวัตร” จะคิดถึงหน้าตาประเทศชาติว่าด้วยการประชุมเอเปก ซึ่งเป็นการมองโลกในแง่ดีไป เพราะลูกสาวสุดสวาทที่หวังปั้นให้เป็นนายกฯ ชินวัตรคนที่ 3 “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กลับออกตัวมาแทน โดยออกมาอวยบิดาในการจัดประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกครั้งที่ 15 หรือเมื่อปี 2546 ว่าสุดยอด ก่อนเหน็บแนบการจัดประชุมเอเปกครั้งที่ 29 ในปี 2565 ยุค “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ใช้เงินและจัดยิ่งใหญ่ ไม่รู้จะคุ้มกับภาษีหรือไม่ ...๐

ซ้ำร้าย “อิ๊งค์” ยังแปะรูป “ทักษิณ” ที่ถ่ายกับผู้นำกลุ่มเศรษฐกิจไว้ด้วย งานนี้ไม่รู้ว่า “พ่อ” เสนอแนะให้ทำหรือเจ้าตัวหวังโชว์ศักยภาพเอง แต่สงสัยลืมถามพ่อไปว่า ครั้งที่พ่อเป็นเจ้าภาพจัดงานนั้นมันโอเวอร์และใช้งบประมาณไปเท่าใดนักกันแน่ นี่ยังไม่นับรวมข้อครหาใน การใช้พระที่นั่งอนันตสมาคมในการถ่ายรูปกลุ่มผู้นำ ซึ่งปกติจะใช้สำหรับรัฐพิธีหรือราชพิธี ที่สำคัญยังมี การจัดแสดงขบวนเสด็จกระบวนพยุหยาตราชลมารคเวลากลางคืนโชว์ผู้ร่วมประชุม ทั้งที่เป็นธรรมเนียมของพระมหากษัตริย์เท่านั้นด้วย ...๐

เรียกว่า “ปล่อยไก่” ทั้งเล้าออกมาก็ว่าได้ในการออกมาตำหนิติติงรัฐบาลของ “อิ๊งค์” ว่าที่นายกฯ หญิงคนที่ 2 ไม่ต่างจาก “ปิยนุช โคตรสาร” ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ที่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้ โดยมายื่นจดหมายถึงรัฐบาลไทยเรียกร้อง “ยุติการนองเลือดในเมียนมา” โดยให้เหตุผลว่าเพราะไทยเป็นเจ้าภาพเอเปก ขำไม่ออกเสียจริง แล้วทำไมตอนประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่กรุงพนมเปญเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แอมแนสตี้เมืองไทย ไม่ไปยื่นหนังสือให้ “สมเด็จฮุน เซน” เล่า เพราะ “เมียนมา” ก็เป็นสมาชิกอาเซียน แต่ "เอเปก” นั้น 21 เขตเศรษฐกิจไม่มีชื่อ “เมียนมา” อยู่แม้แต่น้อย หรือเพราะรับจ๊อบมาก็เลยต้องดำเนินการโดยไม่ดูตาม้าตาเรือแต่ประการใด ...๐

ต้องบอกว่าเพลาๆ บ้างก็ได้ ไม่ชอบรัฐบาลลุงตู่ หรือเกลียดเป็นการส่วนตัวก็ว่ากันไป แต่การประชุมเอเปกเป็นเรื่องของประเทศชาติโดยรวม ก็พึงสังวรและมีสติให้มาก อย่าลืมว่าแม้กินเงินเดือนจากต่างชาติต่างภาษา แต่ก็อาศัยเกิดอาศัยทำมาหากินที่ผืนแผ่นดินไทย ...๐

ไม่ต่างจาก “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าฯ กทม.คะแนนล้านสามแสนเสียง ที่วันวานพูดอย่างวันนี้พูดอย่างแต่ประการใด จึงไม่แปลกที่ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2565 จนใกล้จะครบ 6 เดือนแล้วก็ยังไม่เห็นดอกผลอะไรที่ กทม.เปลี่ยนแปลงไปตามภาพฝันของผู้แข็งแกร่งแห่งปฐพีเลย ดูง่ายๆ ในการประชุมเอเปก “ชัชชาติ” ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคารบอกถึงการชุมนุมช่วงนี้ว่า “ผู้จัดกิจกรรมแจ้งความประสงค์ว่าขอค้างคืนมา แต่ กทม.ไม่สามารถอนุญาตให้ค้างได้ ซึ่งการจัดกิจกรรมต่างๆ ต้องสิ้นสุดเวลา 22.00 น. ไม่เช่นนั้นประชาชนที่อยู่แถวนั้นจะมีปัญหา หากยืนยันว่าจะค้างคืนในแง่หลักการเราไม่อนุญาต แต่ถ้าเขาไปไหนไม่ได้จริงๆ ก็อาจจะดีกว่าที่เขาไปอยู่บนถนน ถ้าตามหลักการแล้วสามารถผลักดันได้ก็ต้องทำ แต่ก็ต้องปรับสถานการณ์หน้างานที่เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง” เรียกว่าเปิดช่องกันเลย แต่พอล่วงมาวันพุธผู้ว่าคนเดียวกันกลับบอกว่า “ขอย้ำว่า ไม่มีการอนุญาตให้ค้างคืน การชุมนุมต้องเป็นไปตามนโยบายและข้อตกลง เพราะมีการตกลงกันแล้วว่าจะอยู่ในพื้นที่ เมื่อใดก็ตามที่ก้าวเท้าออกไปจากที่นี่ เรารับผิดชอบไม่ได้แล้ว เป็นเรื่องของความมั่นคงซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอยู่” ขนาดแค่ยังไม่ถึง 24 ชม.ยังพลิกผันกันขนาดนี้ แล้วสัญญากี่ร้อยข้อจะไปเหลืออะไรเล่า ...๐

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน

บันทึกหน้า 4

ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว

บันทึกหน้า 4

หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว

บันทึกหน้า 4

ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย

บันทึกหน้า 4

น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.