เมื่อวานผมเขียนถึงนักวิชาการชาวออสเตรเลียที่ถูกรัฐบาลทหารพม่าจำคุกเกือบ 2 ปีตอบคำถามเกี่ยวกับชีวิตในคุกพม่าที่ค่อนข้างจะโหดร้าย
วันนี้มีรายละเอียดเพิ่มเติมที่น่าสนใจเพราะน้อยคนที่ติดคุกพม่าแล้วจะเล่ารายละเอียดของชีวิตในนั้น
เหตุก็เป็นเพราะส่วนใหญ่กลัวว่าหากพูดความจริงแล้วอาจจะถูกไล่ล่าอีก
ฌอน เทิร์นเนลล์ เป็นนักวิชาการชาวออสเตรเลียที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้รัฐบาลพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ในเมียนมาก่อนการรัฐประหารเมื่อปีที่แล้ว
ฌอน เทิร์นเนลล์ วันที่ออกจากคุก...ถ่ายกับ Angela Corcoran รักษาการเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำพม่า
เขาเพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากคุกโดยคณะทหารในการนิรโทษกรรมทั่วไปเมื่อวันที่ 17 พ.ย.
หลังจากติดคุกนานกว่า 650 วัน
โดยถูกตัดสินจำคุก 3 ปีฐานละเมิดกฎหมายว่าด้วยความลับทางราชการของรัฐบาลเมียนมา
ทั้งๆ ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลที่นำโดยพรรค NLD ภายใต้การนำของอองซาน ซูจี
มีคำถามว่า ก่อนจะถูกส่งเข้าเรือนจำ เขาถูกสอบสวนก่อนหน้านั้นอย่างไร
เทิร์นเนลล์บอกว่าถูกสอบอยู่สองเดือน และที่กักขังนั้นมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมแคบๆ
“มันเกือบจะเหมือนตู้คอนเทนเนอร์ขนาดเล็ก ไม่มีหน้าต่าง มันไม่มีอะไรเลยนอกจากพื้นคอนกรีตและเก้าอี้เหล็ก มันถูกตรึงไว้กับพื้นและมีโซ่และผ้าพันข้อเท้า และฉันถูกขังไว้ที่นั่นเป็นเวลาสองเดือนโดยไม่มีการติดต่อใดๆ กับสถานทูตออสเตรเลีย … เจ้าหน้าที่จะเข้ามาในห้องเมื่อใดก็ได้-กลางวัน กลางดึก กลางคืนโดยไม่บอกล่วงหน้า และไม่ระบุตัวเองด้วยซ้ำว่าเป็นใครมาจากหน่วยงานไหน...”
เขาบอกว่าบ่อยครั้งเขาไม่ค่อยแน่ใจว่ากำลังคุยกับหน่วยงานราชการพิเศษอยู่หรือเปล่า
หรือเป็นหน่วยข่าวกรองทางทหาร
ท้ายที่สุดก็สรุปว่าคนที่มาสอบเขาก็คงเป็นเจ้าหน้าที่ผสมผสานของสองหน่วยงานนี้แหละ
เทิร์นเนลล์บอกว่า “นั่นเป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุด”
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาไม่ได้เป็นไปตามกฎหมายฉบับใดๆ
และในการจับกุมเขานั้นเจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงเหตุผลใดๆ ในเวลาใดๆ
ไม่มีหมายศาลหรือเอกสารใดๆ ที่จะบ่งบอกว่าการตั้งข้อหานั้นมาจากหลักฐานหรือข้อมูลใด
อีกทั้งยังไม่ได้กระทำตามกระบวนการที่สอดคล้องกับความชอบธรรมใดๆ
มันอาจจะไม่ใช่การทรมานทางร่างกาย แต่เป็นการทรมานทางจิตใจอย่างแน่นอน
“และผมถูกบอกเล่าว่าจะไม่ได้เจอหน้าภรรยาและครอบครัวอีกแล้ว...”
ฌอน เทิร์นเนลล์ กับอองซาน ซูจี
อาจารย์จากออสเตรเลียคนนี้บอกว่าเขาติดโควิดในห้องขังด้วย...ได้รับการปฏิบัติอย่างไร?
เทิร์นเนลล์บอกว่าเจ้าหน้าที่ดูเหมือนจะปฏิบัติต่อเขาค่อนข้างจะระมัดระวัง
“ผมคิดว่าพวกเขาแค่กังวลว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับผม ประชาคมระหว่างประเทศจะลุกฮือขึ้นมาจริงๆ...”
เจ้าหน้าที่ไม่ได้สนใจมากนักว่าเขาจะป่วยไข้หรือไม่ แค่ค่อนข้างกังวลว่าเขาจะตายระหว่างถูกคุมขัง
“ดังนั้น ผมก็มักจะได้ไปพบแพทย์เมื่ออาการไม่สบายเกิดร้ายแรงขึ้นมา”
เทิร์นเนลล์บอกว่าเขาคิดโควิดในคุกถึง 5 ครั้ง
อาหารในเรือนจำเป็นอย่างไร?
“มันแย่มาก ทุกวันมีซุปถั่ว ข้าวต้ม เป็นข้าวที่ดูแล้วน่ากลัวเพราะบ่อยครั้งก็เจอเศษหินในนั้น ตอนเคี้ยวต้องระวังไม่ให้ฟันหัก ชิ้นเนื้อที่ดีที่สุดถูกขายโดยทางการในตลาดมืด และสิ่งที่เหลือถึงเราคือกระดูก ขนแปรง และกากมัน
ข้อหาที่ทางการยัดเยียดใส่เขาคือละเมิดกฎหมายว่าด้วยความลับทางราชการ
เขาตอบว่า “มันเป็นเรื่องไร้สาระโดยสิ้นเชิง พวกเขาบอกว่าผมละเมิดความลับทางราชการ แต่ทั้งหมดที่เราทำเป็นเรื่องข้อมูลเศรษฐกิจพื้นฐานทั้งนั้น...”
เขาบอกว่ารัฐบาลทหารพม่ากระทำการภายใต้ระบอบการปกครองที่ผิดกฎหมายและไม่มีความชอบธรรม
“ดังนั้น ในแง่มุมทางกฎหมายจึงเป็นเรื่องหลอกลวงโดยสิ้นเชิง และรัฐบาลก็รู้เรื่องนั้นดี บางครั้งพวกเขาไม่สนใจที่จะแสร้งทำเป็นว่าพวกเขากำลังทำผิดกฎหมายด้วยซ้ำ”
ในฐานะเป็นนักวิชาการที่ทำงานกับพรรค NLD ของอองซาน ซูจี เขามองสถานการณ์ในเมียนมาตอนนี้อย่างไร?
เทิร์นเนลล์: “แย่มาก เศรษฐกิจพื้นฐานถูกทำลายลงไปแล้ว สัดส่วนของประชากรเมียนมาที่เสียชีวิตจากความยากจนเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว อัตราแลกเปลี่ยนพังทลายลงแล้ว...”
เขาบอกว่าการลงทุนจากต่างประเทศและโครงการพัฒนาที่ดีทั้งหลายทั้งปวงล้วนพังทลายและถูกตัดออกไปทั้งหมด
“เหมือนประเทศถอยหลังไป 20 ปีที่แล้ว ประเทศก้าวถอยหลังไปมากแล้วในขณะที่ประชาชนชาวเมียนมาต้องทนทุกข์ ทหารก็ยังดูแลตัวเองได้..”
“ไม่ไกลเกินความจริงเลยที่จะบอกว่ากองทัพพม่าได้ทำให้ประเทศพังพินาศไปแล้ว”
เขาถูกถามว่าถ้ามีโอกาสในวันข้างหน้า เขาจะช่วยเมียนมาอีกไหม?
เทิร์นเนลล์บอกว่าเขาแน่ใจและพร้อมจะช่วยเมียนมาอีก
“หนึ่งในคนสุดท้ายที่พูดกับผมตอนที่ผมถูกส่งตัวกลับเมื่อเดือนที่แล้วเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งซึ่งบอกผมว่า
“ได้โปรดอย่าเกลียดเมียนมา”
และผมก็ตอบเขาไปว่า “ผมไม่เคยเกลียดพม่าเลย ผมรักชาวเมียนมา แต่ผมเกลียดระบอบการปกครองเผด็จการทหารอย่างนี้...แต่ผมรักประชาชน พวกเขากล้าหาญและแข็งแกร่งและดีกับผมอย่างมากตลอดมา”
อาจารย์ออสเตรเลียคนนี้บอกต่อว่า
“ผมไม่มีอะไรนอกจากความรักและความเคารพต่อชาวเมียนมาและจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อช่วยต่อไป”
ถามว่าเขาอยากบอกอะไรเกี่ยวกับรัฐบาลทหารต่อประชาคมโลกบ้าง เทิร์นเนลล์บอกว่า
“เราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดพวกเขาออกไป หรือไม่ก็พูดตรงๆ กับพวกเขา พยายามโน้มน้าวให้พวกเขาหลีกทางและปล่อยให้ชาวเมียนมาอยู่ตามลำพัง มีความก้าวหน้าอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาซึ่งนำไปสู่สิ่งนี้ พวกเขาได้ยกเลิกทุกอย่างไปแล้ว เป็นระบอบที่ไม่มีวิสัยทัศน์ … แต่เป็นระบอบที่ไม่ฉลาดนัก ไม่มีความคิด ไม่มีความเข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์เลย”
เขาอยากบอกอะไรกับชาวเมียนมา?
เทิร์นเนลล์ตอบ: “ผมรักและเคารพคนพม่า ผมจะอยู่ที่นี่กับคุณเสมอ”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เชื่อไหม:อิสราเอลกับ อิหร่านเคยรักกัน?
อิสราเอลกับอิหร่านเปิดศึกสงครามที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลกวันนี้ มีคำถามว่าทั้ง 2 ชาตินี้กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันอย่างรุนแรงเช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีเหตุผลแห่งความบาดหมางกันอย่างไร
วิกฤตพม่าจากมุมมองของจีน
ถ้าถามว่าทำไมจีนจึงมีความกังวลกับสงครามในเมียนมาอย่างมาก ดูจากภาพนี้ก็จะเข้าใจ
จีน-อินเดีย: 'สันติภาพร้อน' ที่ทำให้ร่วมแก้วิกฤตพม่าไม่ได้
วิกฤตพม่าทำให้ผมคิดถึงความความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอินเดียวันนี้ เพราะหากสองยักษ์แห่งเอเชียทำงานร่วมกัน ไทยก็อาจจะเป็นมือประสานให้เกิดกระบวนการเจรจาในพม่าได้
บทเรียนสีหนุวิลล์สำหรับไทย
ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของจีนกับกัมพูชามาในหลายรูปแบบ...และหนึ่งในนั้นคือการสร้างสีหนุวิลล์เป็นศูนย์กลางด้านความบันเทิง หรือที่เรียกว่า Entertainment Complex
อิหร่าน-อิสราเอล: ทุกฉากทัศน์ล้วนเสี่ยงสูง
คณะรัฐมนตรีสงครามหรือ War Cabinet ของอิสราเอลประชุมกันเคร่งเครียดมาหลายรอบ...สรุปได้เพียงว่าจะต้องตอบโต้อิหร่านแน่...แต่ไม่ระบุว่าเมื่อไหร่และด้วยยุทธการแบบใด
สิงคโปร์ผลัดใบการเมืองครั้งสำคัญ ‘หลี่’ (72) ส่งไม้ต่อ ‘หว่อง’ (52)
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสิงคโปร์ Lawrence Wong ที่จะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ต้องถือว่ามาจากครอบครัวชนชั้นทำงานจริง ๆ