บันทึกหน้า4

หลังจากให้ “ลูกสาวอุ้มท้องหลาน” อย่าง “แพทองธาร ชินวัตร” หรืออิ๊งค์มาท่องอาขยานว่าเรื่อง “คิดใหญ่ ทำเป็น” ไปเมื่อวันอังคารแล้ว ในช่วงค่ำ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่แปลงชื่อเปลี่ยนนามเป็น “โทนี่ วู้ดซัม” ก็มาออกโม้ในเฟซบุ๊กแคร์ คิด เคลื่อน ไทย อีกรอบ โดยเฉพาะในประเด็นค่าจ้างขั้นต่ำ 600 บาท/วัน และปริญญาตรี 25,000 บาท ต่อเดือนว่าทำได้แน่นอน พร้อมคุยฟุ้งอีกว่า หากประเทศไทยไม่มีระบบเฮงซวย ป่านนี้ 800 บาทก็ทำได้สบาย ...๐

พิโธ่! ระบบเฮงซวยแต่ทำไม “สัมภเวสี” ถึงดิ้นพล่านที่จะอยากกลับมานักเล่า หรือระบบเฮงซวยที่ว่านั้นก็เป็นระบบที่ทำให้ “ชินวัตร” ลืมตาอ้าปากได้มิใช่หรือ เพราะอย่าลืมในอดีตที่ต้องวิ่งแลกเช็คอยู่จนขาขวิด แต่เมื่อคลานเข่าเข้าไปขอสัมปทาน คนชื่อ “มนตรี พงษ์พานิช” ที่นั่ง รมว.คมนาคมในขณะนั้น หรือแม้แต่เดิมกุมเป้าโค้งหัวให้ “พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์” บิ๊กจ๊อด อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และประธานคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ซึ่งรัฐประหารในปี 2534 ในการขอทำดาวเทียมแล้วหรืออย่างไร จึงมาคุยอวยคำโตโอ้อวดว่า “คว้าอากาศมาเป็นเงินจนรวยได้” ในปัจจุบัน ...๐

แล้วก็ได้แต่ขำที่บรรดา “ลูกหาบ” ก็ออกมาเรียงหน้าทันทีว่าทำได้ โดย “สุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสารคามและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยถึงกับบอกฟื้นอดีตในยุค “นารีขี่ม้าขาว” ว่าตอนนั้นก็ขึ้น 300 บาทไม่เห็นมีใครเจ๊งซักราย ก็ไม่รู้ว่านี่เป็นการอวยแบบลืมหูลืมตาหรือเปล่า เพราะตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจในเรื่องเศรษฐกิจนั้น พรรคเพื่อไทยก็ มักจะนำไทยไปเปรียบเทียบกับ “เวียดนาม” อยู่เสมอๆ มิใช่หรือ แล้วทำไมไม่ดูให้ลึกลงไปเล่าว่า ที่เวียดนามผงาดแซงไทยไปนั้นก็มีจุดเริ่มมาจากค่าจ้าง 300 บาทนั่นแล อย่าพยายามตัดตอนเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่นนักเลย ...๐

ที่สำคัญอย่าลืมว่า “600 บาท” และ 25,000 บาทสำหรับผู้จบปริญญาตรีนั้นไม่ใช่แค่แรงงานขั้นต่ำเท่านั้น เพราะมันจะสะเทือนไปยังรอบใหญ่อย่างข้าราชการและภาคเอกชนโดยทั่วด้วย โดยเฉพาะ ข้าราชการที่ก็ต้องปรับตามเพื่อไม่ให้เกิด “สมองไหล” เหมือนเมื่อครั้งปรับ 15,000 บาทในยุคยิ่งลักษณ์ ที่สำคัญหากมีการปรับเกิดขึ้นจริง โดยการทุบโต๊ะไตรภาคีเหมือนยุค “ปู” แล้ว ก็อยากถามว่างบประมาณของประเทศจะไม่อุดมไปด้วยเงินเดือนประจำกันหรืออย่างไร แล้วยังไม่นับรวมบำเหน็จบำนาญที่จะทบทวีคูณขึ้นอีก ...๐

ตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ประเทศไทยยังรอดพ้นมาได้ แต่ หากเกิดวิกฤตประชานิยมที่ทักษิณและครอบครัวปล้ำผีลุก ปลุกผีนั่ง ขึ้นมาอีกรอบ งานนี้เราอาจเป็นประเทศซ้ำรอยลาตินอเมริกาก็เป็นได้ แล้วก็ ช่างย้อนแย้งใน 10 ข้อของ “อิ๊งค์” เสียเหลือเกิน โดยเฉพาะในเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งหลายที่เจ้าตัวก็นั่งเป็นประธานควบคู่กับหัวหน้าครอบครัวอยู่  เพราะหากเน้นดิจิทัลอย่างที่วาดฝันไว้ได้จริง ต้นทุนทั้งหลาย ตลอดค่าครองชีพก็ต้องลดลงตามเทคโนโลยีสมัยใหม่สิ แต่นี่กลับต้องมาเพิ่มค่าแรง ค่าจ้าง แสดงให้เห็นว่า “เทคโนโลยี” ที่โม้กันไว้ก็ไม่ได้มาช่วยต่อยอดแต่ประการใดใช่หรือไม่ ...๐

แหม! ที่น่าปรบมือและ ควรนำไปอบรมพ่อเมืองกรุงเทพมหานครอย่าง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ก็คือ ข้อเสนอที่บอกว่าจะปรับตั๋วร่วมรถไฟฟ้าให้เหลือ 20 บาทตลอดสาย เพราะขนาดผู้ว่าฯ ล้านสามเสียงที่หาเสียงไว้ดิบดีว่า 30 บาททำได้สบาย แล้วก็มาพลิกเป็น 59 บาทเฉพาะส่วนต่อขยายก็ยังพะอืดพะอมทำไม่ได้ ซึ่งล่าสุดก็ได้ทำเพียงวิงวอนให้ BTS มอบความเมตตาที่จะไม่ปรับค่าโดยสารในวันที่ 1 ม.ค.2566 ซึ่งจนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะออกหัวออกก้อยแต่นี่จะลดราคาตลอดสายเหลือ 20 บาท เจ้าประคุณขอทำได้ด้วยเถอะ ...๐

หันมาเรื่องของ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” กันบ้าง ต้องเรียกว่าสมกับราคานักพีอาร์และนักการตลาดตัวจริง เพราะการแถลงข่าวเปิดตัวที่พรรคพลังประชารัฐว่าเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมยกมือไหว้ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร.นั้น ต้องบอกว่าเป็นการมัดมือชกโดยแท้ เล่นเอาบรรดาลูกพรรคถึงกับหน้าเหวอกันเลยทีเดียว เพราะนึกว่าจะมาเป็นแค่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจแต่นี่จะพาสชั้นขึ้นแท่นนายกฯ กันเลยทีเดียว ...๐

ทิ้งท้ายด้วย กฎหมายปลดล็อกท้องถิ่นของคณะก้าวหน้าเสนอ แต่ “พรรคก้าวไกล” เป็นหัวหอกกันบ้าง ซึ่งก็ถูกรัฐสภาตีตกไปตามเดิม ทำให้ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” พร้อมด้วยพรรค ก.ก.ต้องมาชี้แจงแถลงไขอีกรอบ โดยยืนยันว่าไม่สุดโต่งอย่างนั้นอย่างนี้ คำถามคือ ไหนบอกว่าเป็นประชาธิปไตย ในเมื่อรัฐสภาโหวตแล้วแพ้ก็ต้องยอมรับมิใช่เหรอ แต่นี่กลับทำตัวเหมือนเด็กขี้แพ้ชวนตีที่ลงมาแถลงด่ากราดพวกโหวตสวนทางตัวเอง อย่าลืมนะ ยุคนี้กรรมมันออนไลน์ โดยเฉพาะบรรดาคนที่คิดร้ายและคิดอะไรซ่อนรูป สุดท้ายดาบนั้นมันก็จะคืนสนองเอง ...๐

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน

บันทึกหน้า 4

ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว

บันทึกหน้า 4

หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว

บันทึกหน้า 4

ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย

บันทึกหน้า 4

น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.