ถึงคราวสลับบทบาท : กูรูจีน-มะกัน กับผลการคลายล็อกโควิดของจีน

ทันทีที่รัฐบาลจีนประกาศคลายล็อกมาตรการควบคุมโควิดเมื่อสัปดาห์ก่อน ผู้เกี่ยวข้องในระดับปฏิบัติการของจีนก็เปลี่ยนแนวทางคำอธิบายของสถานการณ์โรคระบาดอย่างฉับพลันเช่นกัน

จากที่ “โควิดต้องเป็นศูนย์” และ “สุขภาพของประชาชนต้องมาก่อน” กลายเป็นคำปลอบใจว่าโควิดไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น

คุณหมอจง หนานซาน (Zhong Nanshan) ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโควิดและออกมาเตือนคนจีนเป็นระยะๆ ว่าไวรัสตัวนี้อันตรายมาก

ล่าสุดออกมาให้สัมภาษณ์ว่า

“Omicron ไม่น่ากลัว เพราะ 99% ของผู้ติดเชื้อสามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ใน 7-10 วัน”

คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคทางเดินหายใจอันดับต้นๆ ของจีน

เขากล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Omicron และมาตรการรับมือล่าสุด

พร้อมยืนยันความสำเร็จในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

คุณหมอบอกว่า การระบาดระลอกที่ 2 ของ Omicron ทั่วประเทศแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และความเสี่ยงของ "ผลสืบเนื่อง" ที่เกิดจาก Omicron นั้นลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ Delta

โดยพื้นฐานแล้วพาหะที่ไม่แสดงอาการจะปราศจากผลที่ตามมาของ COVID-19

คุณหมอบอกว่า ปัญหาหลังการฟื้นตัวได้รับผลกระทบส่วนหนึ่งจากจิตวิทยาสังคมในปัจจุบัน

ซึ่งยังคงต้องได้รับการสังเกตเพิ่มเติมจากมุมมองทางคลินิกที่เข้มงวด

ในการให้สัมภาษณ์กับ China Central Television หมอจงกล่าวว่า ผลที่อาจจะตามมาคืออาการซึมเศร้า วิตกกังวล และนอนไม่หลับ

แต่จะค่อยๆ หายไปหลังจากฟื้นตัว

เขาเน้นว่าการฉีดวัคซีนอย่างเพียงพอสามารถให้การป้องกันที่มีประสิทธิภาพ

จากข้อมูลของหมอจง ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 อัตราส่วนผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันของจีนอยู่ที่ 1/374 ของค่าเฉลี่ยทั่วโลก หรือ 1/1,348 ของสหรัฐฯ และอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 1/232 ของค่าเฉลี่ยทั่วโลก

นักระบาดวิทยามีชื่อเสียงของจีนอีกหนึ่งคน Li Lanjuan ย้ำว่าคนจีนไม่จำเป็นต้อง “ตื่นตระหนก” กับ Omicron

“การติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการไม่ใช่โรค และพาหะเงียบไม่ใช่ผู้ป่วย” หมอหลี่บอกกับสื่อจีน

ซึ่งแตกต่างจากที่เคยประกาศเป็น “แนวปฏิบัติ” อย่างเคร่งครัดแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

เขาบอกว่าแม้ว่าพาหะที่ไม่แสดงอาการจะติดต่อได้ แต่บุคคลนั้นไม่ใช่ผู้ป่วยและไม่จำเป็นต้องตื่นตกใจแต่ประการใด

หลี่กล่าวว่าการติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการเรียกว่า "การติดเชื้อแบบถดถอย" ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุดในโรคติดเชื้อส่วนใหญ่ และจำนวนของการติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการมักจะมีมากกว่าการติดเชื้อที่แสดงอาการ

ที่ว่าการติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการไม่ใช่โรคนั้น เป็นเพราะคนส่วนใหญ่สามารถมีระดับภูมิคุ้มกันเฉพาะที่แตกต่างกันได้

หลี่กล่าวว่า ไวรัสจะกลายพันธุ์ต่อไปเมื่อมันแพร่กระจายตามธรรมชาติในอนาคต

และเสริมว่าเราต้องติดตามการกลายพันธุ์ของไวรัสอย่างใกล้ชิด และศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการกลายพันธุ์ของไวรัสกับความรุนแรง

ขณะที่คุณหมอจงกล่าวว่า แม้การแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังไม่สิ้นสุด แต่ย้ำว่าความสามารถในการก่อโรคของตัวแปร Omicron ได้ลดลงอย่างมาก

 “สำหรับการประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อโอไมครอนอย่างถูกต้องนั้น เราไม่สามารถใช้วิธีการเดิมเมื่อ 2 ปีก่อนได้อีกแล้ว”

รายงานจากหลายเมืองหลักๆ ของจีนแจ้งว่า หลังรัฐบาลจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด ชาวจีนต่างก็แห่จองท่องเที่ยวในประเทศอย่างคึกคัก

ที่สถานีขนส่งสาธารณะต่างๆ ก็ทยอยรื้อป้ายสแกนรหัสสุขภาพออกกันเกือบหมดแล้ว

วันแรกที่ประกาศผ่อนคลายคือ 7 ธันวาคม 2565 โดยมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรทางการว่า ประชาชนไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบ และรหัสสุขภาพ (health code) หากทำกิจกรรมในที่สาธารณะ

หรือแม้จะเดินทางข้ามเมืองก็ไม่ต้องแสดงผลการตรวจโควิดอีก

หนึ่งวันต่อมาคนจีนแชร์ข่าวกันอย่างกว้างขวาง ปรากฏว่าคำค้นว่า #อำลารหัสสุขภาพ ก็ขึ้นอันดับ 1 ในเวยป๋อ ซึ่งเป็น apps โซเชียลมีเดียอันดับ 1 ของจีน

ส่งสัญญาณว่าคนจีนพร้อมออกเดินทางเที่ยวอีกครั้งแล้ว

ข่าวบอกว่าที่เมืองซานยา เมืองตากอากาศชายทะเลชื่อดังของจีน ในมณฑลไห่หนาน (เกาะไหหลำ) ทางตอนใต้ของจีน มีการจองห้องพักและโรงแรมเพิ่มขึ้น 3 เท่า

จำนวนการค้นหาตั๋วสำหรับไปเที่ยวที่นั่นก็เพิ่มเกือบ 2 เท่า

และ 70% ในการจองโรงแรมที่เมืองซานยาในช่วงนี้ เป็นการจองแบบครอบครัว

จะเรียกว่าเป็นการ “เที่ยวแก้แค้น” ก็คงไม่ผิดนัก

คาดได้เลยว่าการท่องเที่ยวจะยิ่งคึกคักมากขึ้นในช่วงสิ้นปี ปีใหม่สากล และตรุษจีน

แต่อีกด้านหนึ่งก็มีความกังวลว่า เจ้าโควิดจะหวนคืนมาหรือไม่หากผู้คนแห่แหนกันออกไปพบปะกันอย่างไร้ข้อจำกัด

เพราะเท่ากับเป็นการกระโดดจากสุดขั้วด้านการควบคุมแบบเคร่งครัดไปเป็นอีกขั้วหนึ่งที่เกือบจะไร้การควบคุมเลย

เพราะเริ่มมีคนตั้งขัอสังเกตว่า จากนี้ไปจะเป็นช่วง “3 เดือนอันตราย” หรือไม่

3 เดือนที่ว่านี้เริ่มเดือนธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์ 2566

นั่นคือช่วงเทศกาลตั้งแต่คริสต์มาส, ปีใหม่สากลและตรุษจีน

ที่ยังน่ากังวลคือ การฉีดวัคซีนของคนจีน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเปราะบางยังต่ำกว่ามาตรฐานสากลที่ควรจะมี

อีกทั้งจีนยังไม่ได้สั่งเข้าวัคซีนยี่ห้อต่างประเทศมาเสริมวัคซีนของจีนเองเท่าที่ควร

ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ เช่น คุณหมอ Anthony Fauci ที่ปรึกษาด้านโรคระบาดโควิดของทำเนียบขาวออกมาเตือนว่าจะเกิด “คลื่นโควิด” ระลอกใหญ่ในจีนได้ หากไม่มีการเร่งยกระดับการฉีดวัคซีนให้กับประชากรจีนอย่างเป็นรูปธรรมให้ทันกับความจำเป็น

Financial Times ของอังกฤษอ้างผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาดเตือนว่า หากจีนไม่มีมาตรการเสริมอะไรในช่วงการ “ยกเลิกมาตรการควบคุมจาก Zero Covid กลายเป็น Total Covid” อาจจะมีผู้เสียชีวิตเป็นล้านในอีกหลายเดือนข้างหน้าก็เป็นได้

ภาพย้อนแย้งของโควิดที่เมืองจีนจึงเป็นที่จับจ้องกันทั่วโลกในขณะนี้

เพราะถ้าจีนกลายเป็นจุดระบาดใหม่ ทั้งโลกก็อาจจะต้องกลับมาตั้งหลักสู้กับโควิดอีกรอบ

คราวนี้ยุ่งกว่าเดิมแน่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’

ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon  โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ