บันทึกหน้า4

สวัสดีปีใหม่...แม้ว่าจะสายไปบ้างแต่ก็ยังเรียกว่าอยู่ในกระแสที่จะกล่าวได้ ซึ่ง “ปีกระต่าย” ปีนี้ต้องบอกร้อนแรงอย่างยิ่ง เพราะงวดเข้าไปทุกทีกับการเลือกตั้งใหญ่ และต่างก็เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นในตัวละครหลักๆ โดยเฉพาะ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เริ่มติดใจ “กลิ่นอำนาจ” แม้มีอายุการดำรงตำแหน่งได้อีกเพียง 2 ปีเท่านั้น แต่เจ้าตัวก็ประกาศโดดลงมาสู่ถนนการเมืองในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิก เพราะต้อง ดูฤกษ์พานาทีก่อนว่าจะสมัครวันไหน เหยียบเท้าไหนเข้าพรรคถึงถูกโฉลกได้เป็นผู้นำประเทศอีกสมัย ...๐

ส่วนค่ายเพื่อไทยของนายใหญ่แห่งดูไบ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคตราตั้งก็ได้ออกมาดับข่าวลือเรื่องผสมพันธุ์พรรคโน้นพรรคนี้แล้ว โดยล่าสุดแถลงการณ์ของพรรคแสดงความมั่นใจว่ากวาดเก้าอี้เกิน 251 เสียง ขอแลนด์สไลด์เป็นรัฐบาลพรรคเดียวแบบไม่ต้องง้อหรือจับมือกับใคร เรียกว่ามั่นใจทั้งที่ยังไม่ประกาศชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก็ว่าได้ เพราะ สังคมต่างก็รู้กันแล้วว่าหนีไม่พ้นคนจากตระกูลชินวัตรเป็นเบอร์หนึ่งแน่ๆ ส่วนเบอร์ 2 และเบอร์ 3 นั้น ก็ขึ้นอยู่กับความพิสมัยและเมตตาของพี่โทนี่ วู้ดซัม นั่นแลว่าจะส่งซิกให้ใครได้ติดโผกันบ้าง ...๐

การประกาศของพรรคเพื่อไทยดังกล่าวก็คงทำให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลที่เคยทอดไมตรีว่าจะเป็นพรรครัฐบาลด้วยกันคงต้องปรับเปลี่ยนยุทธวิธีกันใหม่เสียแล้ว เพราะเดิมอาจแบ่งรับแบ่งสู้กันในการส่งผู้แทนลงชิงชัย แต่เมื่อ พท.ประกาศเปรี้ยงออกมาแบบนี้ ก.ก.เองหากไม่อยากเป็นพรรคที่ได้น้อยกว่าเก่าก็ต้องส่งชิงเก้าอี้ทั้ง 400 เขตเช่นกัน ...๐

หันมาเรื่องคดีใหญ่ข้ามปีกันบ้าง อย่างคดีของ “ตู้ห่าว” หรือ “ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์” เพราะล่าสุดดูเหมือน “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ซึ่งเป็นผู้แฉโพยและตามราวีนั้น เริ่ม เบนเข็มมาถล่มยังเก้าอี้ “พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง” ผบช.น.หรือบิ๊กจ้าว ให้หนาวๆ ร้อนๆ ขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะการเปิดคลิปที่เจ้าตัวยันว่ากล้องวงจรปิดโกหกไม่เป็น ก็ยิ่งทำให้เก้าอี้ของ “น.1” อาจอยู่ในสภาพที่เรียกว่าง่อนแง่นพอสมควร ซึ่งรวมไปถึงเก้าอี้ของ “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ร้อนฉ่าตามไปด้วย เรียกว่าไม่หนีห่างจากฉายาที่สื่อตั้งให้ว่าเป็น “ผบ.ปีชง” แต่ประการใด ...๐

เอ่ยถึงฉายาไม่พูดถึง “ยุทธการกระชากหน้ากากคนดี” ของพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ได้ เพราะได้เข้าชื่อยื่นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ซึ่งกำหนดไว้ว่า “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร จะเข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติก็ได้” ซึ่งวิป 3 ฝ่ายคงได้หารือถึงวันและเวลาที่เหมาะสม แต่ดูเหมือน “นพ.ชลน่าน” ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะออกมาตีกินบอกล่วงหน้ากันแล้วว่าต้องได้ไม่ต่ำกว่า 22 ชั่วโมง พระเจ้าจอร์จ! นี่จะพ่นน้ำลายกันขนาดนี้เชียวเหรอ ...๐

แล้วก็ได้แต่คิดขำอยู่ในใจว่าจะมีกรณีการนับองค์ประชุมเหมือนในช่วงประชุมเดือน ธ.ค.หรือไม่อย่างไร แต่เชื่อว่าโอกาสด่าตีกินทิ้งท้ายรัฐบาลแบบนี้ บรรดาพรรคร่วมฝ่ายค้านคงสมัครสมานสามัคคีนั่งเป็นองค์ประชุมกันหน้าสลอนแน่นอน แต่ การประกาศไม่จับมือใครแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยของพรรคเพื่อไทยนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะส่งผลให้การจัดสรรปันส่วนในการออกหน้าจอของพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเกิดอาการขัดแข้งขัดขากันเองหรือไม่ อย่างไร ...๐

โดยตัวเลขล่าสุดของผู้ทรงเกียรติทั้งระบบบัญชีรายชื่อและแบบเขตนั้นมีทั้งสิ้น 436 คน ซึ่งล่าสุดก็มีการไขก๊อกไปอีก 2 รายแล้วคือ “เชิงชาย ชาลีรินทร์” ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ “พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. ซ้ำร้ายยังมีกระแสล่าสุดอีกว่า อาจมี ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐไขก๊อกย้ายค่ายอีกจำนวนมาก ซึ่งนอกจากปัจจัยหอบผ้าหอบผ่อนหนีตาม “ลุงตู่” แล้ว ยังมีสาเหตุหนึ่งมาจาก การเอือมระอาคนรอบข้าง “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ในขณะที่หัวหน้าป้อมก็เหมือนไม่ไยดีหรือแยแสแต่ประการใด เลยทำให้บรรดา ส.ส.หน้าเก่าและใหม่ทั้งหลายก็ต้องมานั่งคิดทบทวนเส้นทางตัวเองกันเสียแล้ว ...๐

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน

บันทึกหน้า 4

ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว

บันทึกหน้า 4

หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว

บันทึกหน้า 4

ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย

บันทึกหน้า 4

น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.