ต้องบอกว่าสมกับฉายาที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาตั้งให้จริงๆ สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงการประชุมรัฐสภา ว่า “3 วันหนี 4 วันล่ม” เพราะ เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันแรกของปีกระต่ายก็ประเดิมด้วยการล่มไม่เป็นท่า ล่าสุดในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ 11 ม.ค. เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ... ต่อเนื่องจากวันอังคารที่ 10 ม.ค.ก็ล่มไม่เป็นท่าอีกตามเคย...๐
ที่สำคัญก็เห็นเค้ามาตั้งแต่การเริ่มประชุมแล้วว่า บรรดาท่านผู้ทรงเกียรติแทบนับเงาหัวกันได้ งานนี้ประธานวุฒิสภาอย่าง “พรเพชร วิชิตชลชัย” ในฐานะรองประธานรัฐสภาที่ทำหน้าที่ประธาน พยายามยื้อเวลาจนเปิดประชุมได้ แต่สุดท้ายก็ต้องปิดประชุมไปตามระเบียบ เมื่อการลงมติมีเสียงไม่เกินกึ่งหนึ่งขององค์ประชุม งานนี้เจ้าของฉายา “พรเพชร พักก่อน” ก็ไม่สามารถดึงรั้งเหมือนตอนเปิดประชุมได้...๐
บอกได้คำเดียวว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งมีอำนาจในมือว่าด้วยการยุบสภาอาจจำเป็นต้องทบทวนเรื่องดังกล่าวเสียแล้ว เพราะ สภาพการทำงานของสภาที่พิกลพิการ การประชุมล่มเป็นนิจสิน แม้แต่กฎหมายที่สำคัญต่างๆ ทั่นผู้ทรงเกียรติก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจสนใจแล้ว และยิ่ง “ลุงตู่" ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติด้วยแล้ว ก็ยิ่งเหมือนส่งสัญญาณว่าถึงเวลาปี่กลองทางการเมืองเริ่มนับหนึ่งอย่างจริงจัง จึง ไม่น่าแปลกที่บรรดา “ส.ส.” จะหนีหายไม่มาทำหน้าที่ แต่ลงพื้นที่เสียมากกว่า...๐
นี่ก็เรียกว่าเป็นความลักลั่นอย่างหนึ่งของระบบการเมืองไทยอย่างยิ่ง พอนายกฯ ลาราชการไปสมัครสมาชิกพรรคการเมือง ซึ่ง “บิ๊กตู่” ก็บอกว่าเป็นการทำระบอบประชาธิปไตยที่เข้าสู่ถนนการเมือง ก็ถูกทั้งฝ่ายค้านฝ่ายแค้น โดยเฉพาะ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. รวมถึงคนอื่นจ้องจับผิด แต่ทำไมพอ “ส.ส.” โดดการประชุม เอาเวลาไปลงพื้นที่กลับเงียบเป็นเป่าสาก...๐
ไม่ต่างจาก “จิรายุ ห่วงทรัพย์” แห่งพรรคเพื่อไทย ที่บอกว่าจะตั้งกระทู้ถามสดเรื่องการแต่งตั้งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีก่อนลากิจไปสมัครสมาชิกพรรค รทสช. แหม! แค่ตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ที่เรียกว่าไม่มีอำนาจบังคับบัญชาหน่วยงานไหน กลับโวยวายเหมือนจะเป็นจะตาย ทียุคหนึ่งตั้งพี่ชายเป็นเบอร์หนึ่งกองทัพบก และยังโยกย้ายคนอื่นเพื่อให้ “พี่เมีย” มานั่งเป็นเบอร์หนึ่งสีกากี กลับเอามือกุมไข่ บอกว่าดีครับนาย ใช่ครับผม กันเสียอย่างนั้น...๐
แทนที่จะมาถามเรื่องแต่งตั้งที่ปรึกษานายกฯ หรือเรื่องรวยแล้วไม่ต้องเป่าแอลกอฮอล์ก็อยากฝาก “จิรายุ” ลองถามคนในพรรคด้วยว่าข่าวอดีตรองนายกฯ ไปมีชู้กับเมียชาวบ้าน รวมทั้งยังอ้างอำนาจสมัยเป็นรองนายกฯ ข่มขู่สามีอีก อย่างนี้มันน่ารังเกียจเดียดฉันท์กว่าไหม ทั้งที่แก่จะลงโลงอยู่วันนี้พรุ่งนี้แล้ว ดูเหมือนกามตัณหากลับละเลิกไม่ได้ หรือไม่กล้าถาม เพราะรู้ๆ กันว่าสัมภเวสีแดนไกลก็ใช่ย่อย...๐
พูดถึงเรื่องกระทู้สดแล้วก็ต้องพูดถึงการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 กันบ้าง เพราะล่าสุด “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ไปยื่นข้อมูลหลักฐาน หวังยืมมือยืมไม้ “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เพื่ออภิปรายเรื่องทุนจีนสีเทา ในสภา ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนเป้าหมายของ “ชูวิทย์” ทีเดิมพุ่งไปที่ตู้ห่าวและผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หันมาสู่รัฐบาล โดยเฉพาะบรรดาบิ๊กๆ ทั้งหลาย แต่ก็ไม่รู้ว่า “ทั่นรังสิมันต์” จะกล้าอภิปรายมากน้อยเพียงใด แต่อย่าลืมว่า มาตรา 152 นั้นกำหนดไว้ให้เปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่ซักฟอก แต่ประการใด งานนี้ไม่ว่าจะเป็น “รังสิมันต์” หรือแม้แต่ “จิรายุ” ที่โม้ไว้ว่าจองกฐิน 2 กระทรวง ระวังหัวจะทิ่มได้นะ...๐
ต้องเรียกว่า เนื้อหอมที่สุดยามนี้คงไม่มีพรรคไหนเกิน “ภูมิใจไทย” ของเสี่ยหนู “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะ ช่วงเช้าก็เปิดตัว “วีระกร คำประกอบ” อดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ และ “ฑีฆะพล ทวีเกื้อกูลกิจ” รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก เป็นสมาชิกพรรค ตกบ่ายก็เปิดตัว “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และแกนนำ กทม.พรรคพลังประชารัฐ มาเข้าข่ายอีกแล้ว ซึ่งเรียกว่ายังไม่ยุบสภายังคึกขนาดนี้ หากยุบเมื่อไหร่ “พลวัตแรงดึงดูด” ที่เสี่ยหนูเอ่ยถึงในกรณี “วีระกร” คงได้แสดงอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชอีกเป็นแน่...๐.
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.


