จีนกับสหรัฐฯ ไม่ได้สู้กันเฉพาะบนโลกใบนี้...ล่าสุดกำลังฟาดฟันกันว่าใครจะไปยึดดินแดนบนดวงจันทร์ก่อนใครแล้ว!
สร้างความฮือฮาไม่น้อยเมื่อนาย Bill Nelson ผู้บริหารองค์การบริหารอวกาศของสหรัฐฯ “นาซา” หรือ NASA ออกมาแสดงความเห็นว่า
"ไม่เกินขอบเขตของความเป็นไปได้" ที่จีนจะพยายามอ้างสิทธิ์บางส่วนของดวงจันทร์เป็นของตนเอง
แม้เพียงแต่เท่านั้น หัวหน้าองค์การนาซา National Aeronautics and Space Administration (NASA) คนนี้ยังสำทับเตือนด้วยว่า ถ้าจีนประสบความสำเร็จในการยึดดินแดนบนดวงจันทร์ได้ ก็เท่ากับเอาชนะสหรัฐฯ ได้
และจะเกิดอะไรขึ้นหากจีนประกาศตั้งฐานทัพถาวรบนพื้นผิวดวงจันทร์?
ฟังดูแล้วก็น่าจะเครียดครับ เพราะเท่ากับว่าวอชิงตันกับปักกิ่งกำลังมองว่าอวกาศคืออีกสนามหนึ่งที่จะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน
แทนที่จะเป็นความพยายามสร้างความร่วมมือกันระหว่างประเทศต่างๆ บนโลกนี้เพื่อพิชิตอวกาศให้เกิดประโยชน์กับมวลมนุษยชาติ แต่ 2 ยักษ์ใหญ่กลับทำให้มันกลายเป็นการแข่งขันเอาเป็นเอาตายกันเลยทีเดียว
ตัวอย่างความร่วมมือก็มี เช่น โครงการสถานีอวกาศนานาชาติ หรือ International Space Station (ISS) ซึ่งเป็นผลของความร่วมมือของหลายประเทศในด้านนี้ และควรจะเป็นแม่แบบของการสำรวจอวกาศในวันข้างหน้า
ไม่ใช่แข่งขันเหมือนตอนที่สหภาพโซเวียตส่งดาวเทียม Sputnik ขึ้นอวกาศจนทำให้ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี ของสหรัฐฯ ต้องประกาศส่งคนไปดวงจันทร์และกลับมาอย่างปลอดภัยใน 10 ปี เมื่อปี 1961 หรือเมื่อ 61 ปีมาแล้ว
นั่นเป็นช่วงของ “สงครามเย็น” ซึ่งเริ่มในปี 1947 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงได้เพียง 2 ปี
วันนี้การแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ กับจีนกลายเป็นการเผชิญหน้ากับเกือบทุกมิติ
ต่างคนต่างมองกันและกันด้วยความระแวงสงสัย และไม่ยอมให้อีกฝ่ายหนึ่งล้ำหน้าตนได้
เพราะอวกาศมีผลประโยชน์มากมายหลายด้านที่โยงกับความมั่นคงและปลอดภัย
บิล เนลสัน ผู้เข้ารับตำแหน่งองค์การอวกาศของสหรัฐฯ ในปี 2021 บอกว่าสหรัฐฯ อยู่ในการแข่งขันด้านอวกาศครั้งใหม่กับจีน
และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่าง 2 ประเทศบนโลกอาจขยายไปถึงดวงจันทร์
“มันคือความจริง เรากำลังอยู่ในการแข่งขันในอวกาศ” นายเนลสันบอกกับ Politico ในการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้
“และมันก็เป็นความจริงที่เราควรระวังไม่ให้พวกเขาไปยังสถานที่บนดวงจันทร์ภายใต้หน้ากากของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และมันก็ไม่เกินขอบเขตของความเป็นไปได้ที่พวกเขาพูดว่า 'ออกไป เราอยู่ที่นี่ นี่คือดินแดนของเรา'”
แม้ว่าคนทั่วไปจำนวนไม่น้อยเมื่อได้ยินคำให้สัมภาษณ์ทำนองนี้แล้วจะร้องอุทานว่า “มันจะอะไรกันหนักหนา...จะฟาดฟันกันไม่สิ้นสุดเลยหรืออย่างไร” แต่เนลสันไม่ใช่คนเดียวที่แสดงความกังวลเรื่องนี้
อดีตผู้บัญชาการสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) Terry Virts ก็ออกอาการเป็นห่วงเป็นใยทำนองนี้เหมือนกัน
เขาบอกว่ามีความเป็นไปได้ว่าหากจีนเดินหน้าพัฒนาด้านอวกาศแข่งกับสหรัฐฯ ในวันนี้และวันข้างหน้า เขาก็กลัวว่า “ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น” จากกิจกรรมด้านนี้ของจีน
และประเทศที่เสียหายก็จะเป็นคู่แข่งอย่างสหรัฐฯ
ความคิดทำนองนี้ไม่ได้มาจากตัวบุคคลเท่านั้น หากแต่ยังสะท้อนจากแนววิเคราะห์ของทางการวอชิงตันด้วย
เพราะรายงานล่าสุดจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เสนอรายละเอียดเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของโครงการอวกาศของจีน รวมถึงความสามารถในการพัฒนายานอวกาศที่สามารถลงจอดบนด้านไกลของดวงจันทร์
เป็นรายงานความยาว 196 หน้า ซึ่งตีพิมพ์ในเดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้วนี่เอง
รายงานนี้ประเมินถึงวิธีคิดและความตั้งใจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในเรื่องอวกาศ
และเสริมในประเด็นศักยภาพของการแข่งขันในอวกาศของปักกิ่งว่า
“เป้าหมายของปักกิ่งคือการเป็นมหาอำนาจในอวกาศที่กว้างขวางและมีความสามารถอย่างเต็มที่...”
“โครงการอวกาศที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีจำนวนดาวเทียมปฏิบัติการเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ คือที่มาของความภาคภูมิใจของชาติ และเป็นส่วนหนึ่งของ 'ความฝันของจีน' ของประธานสี จิ้นผิง ในการสร้างประเทศจีนที่ทรงพลังและเจริญรุ่งเรือง” รายงานระบุ
“จีนกำลังพัฒนาขีดความสามารถด้านอวกาศที่ซับซ้อนอื่นๆ เช่น การตรวจสอบและซ่อมแซมดาวเทียม อย่างน้อยความสามารถบางอย่างเหล่านี้ก็ปรับเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ได้”
แต่จีนออกมาคัดค้านแนวคิดของวอชิงตันเช่นนี้ บอกว่าไร้สาระและเป็นการ “มโน” ของสหรัฐฯ เอง
โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันออกแถลงการณ์ว่า
“เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางคนพูดจาอย่างไร้ความรับผิดชอบเพื่อบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับความพยายามในอวกาศตามปกติและชอบด้วยกฎหมายของจีน...จีนสนับสนุนการใช้อวกาศอย่างสันติเสมอ ต่อต้านการใช้อาวุธและการแข่งขันทางอาวุธในพื้นที่รอบนอก อวกาศและทำงานอย่างแข็งขันเพื่อสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติในโดเมนอวกาศ”
ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ สหรัฐอเมริกาและจีนเป็น 2 มหาอำนาจที่มีอิทธิพลอย่างมากในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคงหรือเศรษฐกิจ
สหรัฐฯ มีประวัติการครอบงำและมีอิทธิพลในทวีปอเมริกา ในขณะที่จีนมีปริมาณการค้าสูงที่สุดในโลก
ทั้ง 2 ประเทศนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานของการแข่งขันและการชิงดีชิงเด่น
และมาถึงวันนี้ การแข่งขันระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่ไปถึงดวงจันทร์ ซึ่งกำลังกลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมา
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทั้ง 2 ประเทศให้ความสำคัญกับการสำรวจและพัฒนาดวงจันทร์อีกครั้ง
ในปี 2019 ภารกิจฉางเอ๋อ-4 ของจีนสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นยานอวกาศลำแรกที่ลงจอดบนด้านไกลของดวงจันทร์
ความสำเร็จนี้ตามมาด้วยการเปิดตัวภารกิจฉางเอ๋อ-5 ในปี 2020 ซึ่งประสบความสำเร็จในการเก็บตัวอย่างจากพื้นผิวดวงจันทร์และส่งกลับมายังโลก
สหรัฐฯ มีโครงการ Artemis ของ NASA ตั้งเป้าส่งมนุษย์ไปลงจอดบนดวงจันทร์ภายในปี 2024
นอกจากการสำรวจของมนุษย์แล้ว โครงการ Artemis ยังมีเป้าหมายเพื่อสร้างการมีอยู่อย่างยั่งยืนบนดวงจันทร์ และใช้โครงการนี้เป็นบันไดสู่ภารกิจในอนาคตสู่ดาวอังคาร
ในขณะที่ภารกิจสำรวจดวงจันทร์ของสหรัฐฯ และจีนมุ่งเน้นไปที่การสำรวจและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นหลัก แต่ก็มีมิติของการเจาะลึกเชิงกลยุทธ์และเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
เพราะเชื่อกันว่าดวงจันทร์มีทรัพยากรที่มีค่า เช่น แร่ธาตุหายากและน้ำแข็ง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าใครสามารถควบคุมทรัพยากรเหล่านี้ได้ก็สามารถสร้างความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ในวันข้างหน้า
ทำให้ผมอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า : หรือสงครามโลกครั้งที่ 3 จะไปสู้กันบนดวงจันทร์?
เข้าทำนอง “บ้าก็บ้าวะ!” เลยแหละครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว