
เมื่อไม่นานมานี้ ในช่วงที่บ้านเรามีปัญหาทางการเมือง มีการชุมนุม มีการประท้วงเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ซีกฝ่าย “ประชาธิปไตย” มักพูดอยู่เสมอว่า พรรคฝ่ายตรงข้ามเป็นพวก “ขี้แพ้” “ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง” “ค้านมันทุกเรื่อง” บวกกับข้อกล่าวหาอื่นๆ อีกมากมาย
พอกลุ่มพรรคนั้นพูดบ่อยๆ ทำให้ผู้สนับสนุนพรรคนั้นๆ พูดตามกันอีกที จนกลายเป็นความเชื่อของกลุ่มคนจำนวนไม่น้อย ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงวันนี้ พอทั้งพรรค ทั้งผู้สนับสนุน พูดแนวเดียวกันตลอด สื่อที่สนับสนุนพรรคนั้นๆ เป็นกระบอกเสียงขยายแนวความคิดตรงนี้ให้ฝังเข้าไปมากกว่าเดิม
เลยทำให้สื่อต่างชาติ นักวิชาการที่เป็น “กลาง” และคนต่างชาติคล้อยตามๆ กันเป็นแถว
ผมขอถามคนเหล่านี้หน่อยว่า หลังเห็นเหตุการณ์ในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 และเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงผลการเลือกตั้งในประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมานั้น พวกคุณยังจะเชื่อสิ่งที่กล่าวหาลอยๆ ในคราวนู้นอยู่หรือไม่
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่นักการเมือง ซีกการเมือง ฝ่ายการเมือง และพรรคการเมือง ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่แท้จริง พวกคุณจะยอมแก้ไข หรือออกมาขอโทษซักนิดหนึ่งไหมครับ? สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในสหรัฐกับบราซิล เป็นสิ่งที่พวกคุณกล่าวหาพรรคผมไว้เมื่อคราวโน้น
อดีตประธานาธิบดี Donald Trump กับอดีตประธานาธิบดี Jair Bolsonaro ต่างคนต่างยั่วยุและปลูกฝังให้ฝ่ายของเขาไม่เชื่อมั่นในระบบการเลือกตั้ง ไม่เชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย และไม่เชื่อมั่นในระบบการนับคะแนน ในกรณีถ้าแพ้ขึ้นมา (แต่ถ้าชนะ ทุกอย่างโปร่งใส และทุกอย่างไปตามระบบที่มั่นคงเชื่อถือได้)
ในกรณีของ Trump อันนี้คือวิธีการแก้ตัวทุกครั้งที่เขาจะพ่ายแพ้อะไร สังเกตไหมว่าก่อนและหลังที่เขาจะแพ้อะไร เขาจะดักก่อนล่วงหน้าว่า “ระบบไม่โปร่งใส” “ระบบน่าสงสัย” และ “กลุ่มอำนาจมืดไม่อยากให้ชนะ” แต่ถ้าเขาชนะ เขาจะไม่พูดถึงอีกเลย
ส่วน Bolsonaro พูดในทำนองเดียวกัน ก่อนเลือกตั้งในประเทศบราซิล เขาจะพูดในทำนองว่า “มีฝ่ายอำนาจมืดไม่อยากให้ชนะ” “ระบบการเลือกตั้งไว้ใจไม่ได้” “สื่อเข้าข้าง” ซึ่งพูดไม่ต่างกับที่ Trump พูดไปแล้ว
คนที่ไม่สนับสนุน Trump กับ Bolsonaro ยังไงก็เห็นว่าอดีตผู้นำสองท่านนี้พูดไปเพื่อเอาใจผู้สนับสนุนของตน เลยไม่ค่อยให้น้ำหนักเท่าไหร่ แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฝ่ายไม่สนับสนุน ปัญหาอยู่ที่ฝ่ายสนับสนุนต่างหากครับ
เราไม่มีทางรู้ว่าคนอย่าง Trump กับ Bolsonaro พูดในสิ่งที่เขาเชื่อจริงๆ หรือพูดไปเพื่อยั่วยุผู้สนับสนุนเขา ถ้าเขาเชื่อสิ่งที่เขาพูดออกไปจริง ถ้าสิ่งที่เขาพูดฝังอยู่ในใจลึกๆ ผมไม่ว่าอะไรครับ อันนั้นถือว่าเป็นอุดมการณ์ของเขา เป็นความเชื่อของเขา ส่วนจะเห็นด้วยหรือไม่นั้นก็ว่ากันไป อย่างน้อยๆ เขาต่อสู้ในสิ่งที่เขาเชื่อ
แต่ถ้าเป็นคำพูดลอยๆ ไม่ได้มาจากอุดมการณ์ ไม่ได้มาจากความเชื่อ เป็นเพียงคำพูดเพื่อยั่วยุ เพื่อให้ฝ่ายสนับสนุนมาเป็นเครื่องมือนั้น อันนี้แหละที่อันตราย ตลอดยุคของ Trump มีแต่คนกล่าวหาว่าเขาเป็น Racist แต่ผมไม่คิดว่าเขาเป็น Racist เพราะเขาเป็นนักธุรกิจ ในการทำธุรกิจจะต้องเอาความรู้สึกส่วนตัวเก็บไว้ เพราะต้องทำค้าขายกับทุกคน และต้องเข้ากับทุกคน ส่วนในใจจะเป็น Racist หรือไม่ อันนั้นอีกเรื่องหนึ่ง อีกอย่างหนึ่ง ในฐานะที่เขาอยู่ในสายตาเรา เป็นคนสาธารณะ และเป็นคนค่อนข้างหิวแสง ถ้าเขาเป็น Racist จริงๆ มันก็ต้องมีการหลุดออกมาให้คนเห็นบ้าง มันจะปิดตลอดไม่ได้ แต่ถ้าเจอกล่าวหาว่าเป็น Sexist อันนั้นก็ว่าไปอีกอย่างนะครับ
แต่ที่แย่ไปกว่าการเป็น Racist ที่ชัดเจน (ซึ่งแย่ในตัวอยู่แล้ว) คือการที่ไม่เป็น Racist แต่เอาใจกลุ่มที่เป็น Racist เพื่อคะแนนนิยมของตน อย่างน้อยๆ เป็น Racist ชัดๆ มันยังรับได้ แต่อันนี้ไม่ได้เป็นจริง แถมหลอกใช้เขาเป็นเครื่องมือเมื่อตัวเองต้องการ ทั้งๆ ที่ในชีวิตความเป็นจริงไม่เคยสนใจพวกเขา
พอทั้ง Trump กับ Bolsonaro แพ้การเลือกตั้งขึ้นมา ต่างคนต่างไม่ยอมรับผลในวันนับคะแนน ผู้นำที่ดี ผู้นำที่มีหัวใจประชาธิปไตยที่แท้จริง พอเห็นผลว่าตัวเองพ่ายแพ้จะมีการออกมาแถลงการยอมรับผล และแสดงความยินดีต่อผู้ชนะ เป็นธรรมเนียม และถือว่าเป็นสัญญาณการเคลื่อนไหวของ Spirit of Democracy ที่แท้จริง เพราะเป็นการบ่งบอกให้ทั่วโลกรับทราบว่า ยอมรับผล ยอมรับเสียงของประชาชน และพร้อมจะเดินไปข้างหน้าด้วยกัน จะไม่สร้างปัญหาอะไรใดๆ ทั้งสิ้น เพราะยอมรับผลแล้ว
แต่ทั้ง Trump กับ Bolsonaro ไม่ทำเช่นนั้น พอผลออกมาว่าเขาแพ้ ทั้งคู่บอกว่าถูกโกงและระบบไม่โปร่งใส เลยยิ่งทำให้ผู้สนับสนุนของทั้งสองท่านนี้รู้สึกโกรธและรู้สึกแค้น เลยเกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศที่สื่อต่างชาติชอบมองว่าศิวิไลซ์กว่าบ้านเรา
พอเห็นเหตุการณ์และพฤติกรรมของคน “ขี้แพ้” และ “ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง” ของแท้แล้ว ที่เคยกล่าวหาพวกผมลอยๆ ว่า “ขี้แพ้” “ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง” คุณกล่าวหาจากสิ่งที่คุณเชื่อ หรือพูดไปยังงั้นๆ ครับ?.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
SEA Games แบบไทยๆ
คงไม่มีข่าวอะไรที่คนสนใจเท่ากับเรื่องผู้มีชื่อเสียง ผู้มีอำนาจหลายท่านมีรูปถ่ายกับเบน สมิธ ซึ่งถ้าโลกสวยเมื่อบุคคลเหล่านี้บอกว่าไม่รู้จักเขา เพียงถ่ายรูปเฉยๆ
ถ้าต้นไม้ล้มในป่าแล้วคนไม่ทำคอนเทนต์ ไม่ลงรูปลงโซเชียล…จะมีเสียงไหม?
“ต้นไม้ที่ล้มในป่าจะมีเสียงหรือไม่ หากไม่มีคนอยู่ในที่นั่น?” หรือเป็นภาษาอังกฤษคือ “If a tree falls in a forest and no-one is around to hear it, does it make a sound?”
'คำพูดเป็นนายเรา'ยังจริงไหม?
เรื่องการกลับลำของประธานาธิบดี Donald Trump เกี่ยวกับ Epstein Files ผมว่าตลกดี เพราะตั้งแต่เป็นประธานาธิบดี Trump พูดแล้วพูดอีกว่า
'Thailand. Taiwan? Thailand. Taiwan?' Ok, yes. Taiwan.'
วันนี้ขออนุญาตเขียนเรื่องที่คนไทยทุกคนที่เคยใช้ชีวิตในต่างแดนเจอทุกๆ คน ยิ่งต่างแดนที่เป็นเมืองฝรั่งๆ หน่อย ผมกล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่าคนไทย 100% ต้องเจอทุกคน
SNAP ดีหรือไม่ดี?
ในที่สุดท่าทีการยุติ Government Shutdown ในสหรัฐที่จะยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ใช่เพราะความพยายาม หรือการประนีประนอม
Back to the Future…
กราบสวัสดีแฟนคอลัมน์ทุกท่านครับ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันวันนี้ ชีวิตผมเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง เดี๋ยวผมค่อยเล่า วันนี้ขออนุญาตเป็นเรื่องเบาๆ ซึ่งหลายคนอาจบอกว่าไร้สาระ หรือน่าหมั่นไส้ก็ได้ แต่ขอสักวันละกัน

