อนุทิน 'ศูนย์รวมบาทา'

กราบอาลัย.....

"ศาสตราจารย์ นายแพทย์อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ต่อการจากไปของท่าน ในวัย ๘๗ ปี เมื่อวาน (๑๘ ม.ค.๖๖)

และขอแสดงความเสียใจ.....

กับอดีตนายกฯ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ต่อการสูญเสียคุณพ่อ

๑๗.๐๐ น. ที่ ๑๙ ม.ค.

ประกอบพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร และพิธีสวดพระอภิธรรม ถึง ๒๕ ม.ค.

ครับ......

เชื่อว่า เมื่อเอ่ยชื่อ "โรงพยาบาลบำราศนราดูร" ทุกคนรู้จัก                ยิ่งตอนโควิดระบาดด้วยแล้ว

ชื่อนี้ ประหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ของคนทั้งติด-ไม่ติดโควิด

เพราะโรงพยาบาลบำราศนราดูร ที่เป็น "สถาบันบำราศนราดูร" ทุกวันนี้

"ต้นกำเนิด" จากโรคระบาดครั้งใหญ่ที่เกิดในกรุงเทพฯ เมื่อปี ๒๕๐๒ ยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์

ลุงของ "คุณหมออรรถสิทธิ์" นี่แหละครับ
 คือ "พระบำราศนราดูร" ผู้เป็นทั้งปลัดสาธารณสุขและรัฐมนตรีสาธารณสุข ขณะนั้น

ได้ย้าย "โรงพยาบาลโรคติดต่อ" จากดินแดง ซึ่งถือว่าสุดแดนกรุงเทพฯ สมัยนั้น ไปสร้างใหม่ เป็นสมรภูมิรับมือ อยู่ที่นนทบุรี

และจากโรงพยาบาลวันนั้น เป็น "สถาบันบำราศนราดูร" สังกัดกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อยู่ทุกวันนี้

"พระบำราศนราดูร" (นายแพทย์หลง เวชชาชีวะ) ก็คือ พี่ชายของพ่อ "ศาสตราจารย์ นายแพทย์อรรถสิทธิ์" ผู้วายชนม์ นี่แหละ คือผู้ให้กำเนิด

ตระกูล "เวชชาชีวะ" เป็นชาวจีนซัวเถา....

เข้ามาอยู่ในไทย นอกจากค้าขายแล้ว มีความรู้ทางแพทย์ ได้เข้ารับราชการในกระทรวงสาธารณสุข จนได้รับพระราชทานนามสกุล "เวชชาชีวะ"

จาก "พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว" รัชกาลที่ ๖

"พระบำราศนราดูร" เป็นหมอสืบตระกูลต่อมา จนได้รับตำแหน่งทั้งปลัดกระทรวง และรัฐมนตรีสาธารณสุข

"อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ผู้เป็นหลาน

เดินตามเส้นทางคุณลุง เรียนแพทย์เป็น "ศาสตราจารย์ นายแพทย์อรรถสิทธ์ เวชชาชีวะ"

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาทและระบบสมองของไทย                อดีตอธิการบดี ม.มหิดล, นายกราชบัณฑิตยสถาน และอดีต รมช.กระทรวงสาธารณสุข

นี่คือความเป็นมาย่อๆ "ตระกูลเวชชาชีวะ" ของคุณหมออรรถสิทธิ์ ผู้เป็นบิดาอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์

ก็เล่าสู่กันฟัง....

ในฐานะที่คุณหมออรรถสิทธิ์ ท่านเมตตาผมเสมอ ทั้่งเคยให้การรักษาผมด้วย

ปกติ อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ มาอวยพรวันครบรอบไทยโพสต์ทุกปี ก็ถามไถ่ทุกครั้ง ได้ความว่า "คุณพ่อท่าน" สบายดีทุกครั้ง

มาระยะหลัง....

ตอนคุณอภิสิทธิ์ "พักการเมือง" ก็พักการมาอวยพรวันครบรอบไทยโพสต์ไปด้วย ก็เลยไม่ทราบข่าวคราว

นักข่าวมาบอกบ่ายวาน "ท่านอาจารย์หมอ" ลาจากลูกศิษย์-ลูกหาวิชาแพทย์ และบรรดาลูกหลานไปแล้ว

ผมรับรู้ด้วยอาลัย ระลึกถึงท่าน .....

จึงขอกราบส่งท่านอาจารย์หมอ ไว้ ณ ตรงนี้ด้วย

ไหนๆ ก็พูดถึงกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ก็คุยถึงเจ้ากระทรวงปัจจุบันต่อซะเลย

คือหมอหนู "รัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล" นั่นแหละ

เพราะ "ดี-เด่น-ดัง" แถมเป็นก้างขวางคอ "แลนด์สไลด์" คนแดนไกลเขา ยิ่งช่วงนี้ ใกล้เลือกตั้ง

ทั้งมิตร ทั้งศัตรู......

เลยรวมหมู่ "รุมตื้บ" เป็นการสกัดดาวรุ่ง แอ่นระแน้ไปเลย!

ก็เป็นอย่างที่ "หลวงวิจิตรวาทการ" ว่าไว้...                  

"อันที่จริงคนเขา อยากให้เราดี
แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกที เขาหมั่นไส้
จงทำดีแต่อย่าเด่น จะเป็นภัย
ไม่มีใครอยากเห็น เราเด่นเกิน"

เพราะเด่นเกินนั่นแหละ.........

ฝ่ายรัฐบาลด้วยกันและฝ่ายค้าน จึงรวมหัวเตะตัดขา "พ.ร.บ.กัญชา กัญชง" ด้วยแท็กติก "บกพร่องโดยสุจริต"

สภาจึงล่มซ้ำซาก!

แต่ไม่ต้องวิตก-หวั่นไหวไปหรอกครับ คุณหมอหนู

เพราะเกมนี้ "ชาวบ้านรู้-ดูออก"

ว่าฝ่ายอิจฉา ไม่แค่กลัวพรรคภูมิใจไทยของหมอหนูได้หน้าเท่านั้น ถ้า พ.ร.บ.กัญชาฯ ผ่าน

แต่เขากลัวจะได้คะแนนนิยม ชาวบ้านจะเฮกันไปเลือกคนพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะในอีสาน นั่นละมากกว่า

จะทำให้คนแดนไกล อด "แลนด์สไลด์"

แล้วหมาของเขา ก็จะพากัน "ตายยกคอก"!

พรรคอื่นๆ ก็เหมือนกัน แม้เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันก็เหอะ ประชุม ครม.ที แยกยิ้มให้กัน แต่ต่างงัดมีดวางบนโต๊ะ

เรื่องอื่น เอ็งมั่ง-ข้ามั่ง พอแบ่งกันได้

แต่เรื่อง พ.ร.บ.กัญชาฯ เป็นทั้่งหน้าตา ทั้งคะแนนนิยม ชี้ขาดถึงระดับ "ว่าที่นายกฯ คนที่ ๓๐" ขนาดนั้น

จึงไม่มีพรรคไหน ปล่อยให้หมอหนูเลี้ยงเดี่ยวเข้าไปยิงประตู เป็น "ดาวซัลโว" ขวัญใจมหาชนคนคอกัญชาแต่ผู้เดียว

จึงเห็นทั้งพวกเดียวกันและต่างพวก เพื่อ "ผลประโยชน์ร่วมกัน" ก็หันมาสามัคคีรวมตีน

ยำ "พ.ร.บ.กัญชา-กัญชง" ซะหูตาลายคาเขียงไปเลย!

ฟันธงได้เลยว่า.....

พ.ร.บ.กัญชาฯ "ตายโคม" ไม่ผ่านสภาชุดนี้่แน่ ไปว่ากันใหม่ ในรัฐบาลอนาคตกาลโน่นเทอญ

ที่ไม่ผ่านสภา ไม่ใช่ห่วงเด็ก ห่วงผู้ใหญ่ จะบ้ากัญชากันทั้งเมืองหรอก ก็อ้างปะหน้าให้มันดูสวยๆ กันไปเท่านั้น

เจตนาก็แค่ "เตะตัดขา" ภูมิใจไทย เพราะมันเด่นเกิ๊น!

แต่ในมุมมองผม....

แค่ "ภูมิใจไทย" สามารถเอายันต์ปิดปากหม้อที่ถ่วงน้่ำแม่นาคไว้ร่วมร้อยปี ให้ออกไปผุด-ไปเกิดได้

คือให้กัญชาพ้นบัญชียาเสพติดประเภท ๕

แค่นั้่น ภูมิใจหมอหนู ก็ทำเอา "หัวหน้าคอกหมา" แทบจะตัดหัวหมาในคอกไปต้มซุปล้างตีนแล้ว

ไม่งั้น "หมาสมุน" ไม่พล่านถึงขั้นยกครอบครัวหมาไป "ไล่หนู ตีงูเห่า" ถึงศรีสะเกษหรอก!

ฉะนั้น พ.ร.บ.กัญชาฯ ผ่านก็ดี ไม่ผ่านก็ดี ไม่มีผลทางลบกับภูมิใจไทย

ในทางตรงกันข้าม การที่ทั้งสภา "รวมหัว-ยำตีน" ใส่หมอหนู กลับทำให้ "กัญชาชน" สงสาร-เห็นใจ หมอหนูมากขึ้น

"ภูมิใจไทย" จะได้คะแนนเป็นกอบ-เป็นกำยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ!

ถามกันตรงๆ....

พรรคไหนบ้างที่ไม่หวั่นไหวให้กับภูมิใจไทย ต่อให้ "เพื่อไทย" ที่โม้จะแลนด์สไลด์นั่นก็เหอะ?

ทำปากแข็งไปงั้่นแหละ ที่จริงเยี่ยวแตกเหมือนอธิบดีกรมอุทยานฯ ในสภาพ "คาหนัง-คาเขา" กันแทบทุกพรรค

"อนุทิน ชาญวีรกูล" นั้้น ต้องบอกว่า....

เรียนรู้ธรรมชาติการเมืองได้เร็ว อ่านสถานการณ์ขาดและวาง "สถานะ-บทบาท" ตัวเองได้แหลมคม

จึงเห็น อนุทินปี ๖๒ กับอนุทินปี ๖๕-๖๖ เป็นคนละคน!

การก้าวเดินของคุณอนุทิน จะเป็นลักษณะคน "รู้เขา-รู้เรา" และรู้จังหวะของกาลเวลา จนเข้าถึงคำว่า

ผลไม้ "บ่มแก๊สสุก" กับผลไม้ "สุกธรรมชาติ"!

คุณอนุทินเท่าที่ผมสังเกต ตอนนี้ อยู่ในช่วง "สร้างสมประสบการณ์" เพื่อให้ประสบการณ์นั้น ....

เป็นผลึก ที่เปล่งประกาย "เป็นบารมี" ออกจากตัวมันเอง

ตำแหน่ง "นายกฯ" นั่นน่ะ....

ใช่ว่า พ่อมีเงินซื้ออาหารเม็ดเลี้ยงหมาได้มาก หรือใช่ว่า ใครมีเงินทุ่มซื้อเสียงได้มาก ก็เป็นได้

ถึงเป็นได้ ประเดี๋ยว-ประด๋าว ก็ถูกถีบตกเก้าอี้

มันต้องมีบารมีจากประสบการณ์เป็นที่ประชาชนและสังคมชาติยอมรับ

นั่นถึงจะเป็นได้ด้วย อยู่ได้ด้วย ขี้หมู-ขี้หมา อย่างน้อยก็ซัก ๘ ปี!

นี่เห็นว่า รัฐมนตรีอนุทินไปสวิส

ไม่ได้ไปซื้อนาฬิกามาแจกใคร แต่เขาเชิญในฐานะผู้มีประสบการณ์ด้านปราบโควิดดังระดับโลก ไปให้ความรู้เป็นวิทยาทานกับเขา

จึงสรุปคุณอนุทินจากแต่ละย่างก้าวได้คำเดียวว่า

ไม่เร่ง...

เมื่อถึงเวลา "สุกเอง"!

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' กับ 'อนาถา'

ยุค "นักโทษ" เป็นใหญ่ "ปรับ ครม.เพื่อไทย" จะแจก-จะริบ "อาหารเม็ด" หมาในคอกตัวไหน?

๑ หมื่น 'ไม่ลื่นคอ' นะจ๊ะ

ปกติจ้อจน "จ๋อลพบุรี" ตกต้นไม้ แต่พอถึงเรื่อง "เงินแจก ๑ หมื่น" ชาวบ้านที่ไม่ต่างแมวถูกเศรษฐาเอาปลาย่างทาจมูก ต่างรอฟังผลประชุม ครม.ตกลงจะเคาะแจกวันไหน?

"ขายเพื่อน" ใครจะคบ?

"บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล"สมแล้ว ที่มีคนเรียก "เทพโจ๊ก" บ้าง "มารโจ๊ก" บ้าง "แมวเก้าชีวิต" บ้าง "โจ๊ก หวานเจี๊ยบ" บ้าง

'เรามาปฏิวัติกันเถอะ'

รัฐบาลนี้.... ในจำนวนรัฐมนตรีทั้งหมด ๓๓-๓๔ คน มี "ใหญ่จริง" ที่ได้รับการซูฮกยกเป็น "บิ๊ก" มีอยู่คนเดียว