'ฝนหลวง' กับ 'ข่าว กทม.'

ไม่เฉพาะ "คนกรุง" ที่รอดตายจากฝุ่น PM 2.5

หากแต่ "รอดกันทั้งประเทศ"!

เพราะจู่ๆ "ฝน" ก็ตกลงมาสยบเจ้า PM 2.5 จนพอหายใจ-หายคอกันได้บ้าง

ตกมาแล้ว ๒-๓ วันติด ไม่เฉพาะใน กทม. หากแต่ "ตกทั่วฟ้า" ทั้ง เหนือ-อีสาน-ตะวันออก-กลาง

และจะตกเป็น "พระพิรุณปราบฝุ่น" ไปจนกว่า PM 2.5 จะสิ้นฤทธิ์

ผมรู้ได้ไง ใจเย็นๆ...เดี๋ยวบอก!

อ่านนี่ก่อน เมื่อวาน (๕ ก.พ.๖๖) "ศูนย์ป้องกันน้ำท่วม กรุงเทพมหานคร" ของชัชชาติ ออกข่าว ว่า

"เวลา ๑๕.๐๐ น. ฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง เขตบางซื่อ  บางพลัด พญาไท ดุสิต

เคลื่อนตัวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เเนวโน้มคงที่ ปริมาณฝนสูงสุดเขตราชเทวี 2.0 มม."

แหม...

กทม.ออกข่าวประหยัดข้อมูลจริงนะ น่าจะบอกให้ชัดซักหน่อย ว่า "ฝนมาไง-เป็นไง"?

ตกตามธรรมชาติ หรือผู้ว่าฯ ชัชชาติบันดาล?

ไม่เหมือนตอนหาเสียงเลย

"ทั้งทีม" รู้ทุกเรื่อง พูดเป็นต่อยหอยทุกเรื่อง แต่ตอนทำงานกลับ "อมสาก" ทุกเรื่อง

คนเป็นผู้ว่าฯ เหมือนกัน.....

หมื่นรู้ แสนสัญญา ปานพระวิศณุกรรมอวตารลงเป็นชัชชาติ ปัญหา กทม.ถ้าแก้ไม่ได้ ใครก็ไม่ควรมาเป็นผู้ว่าฯ

ควร "ลาออกไปซะ"!

แล้วเป็นไง กลายเป็น "ผู้ว่าฯ เวรกรรม" ของคนกรุง ร่วมปี ซักเรื่อง...เคยมีที่แก้ได้บ้างมั้ยล่ะ?

"แก้ได้ทุกเรื่้อง" มีเรื่องเดียวคือ "แก้ตัว"!

ฝุ่น PM 2.5 มืดคลุมเมือง.......

จนน้ำหู-น้ำตาไหลปนน้ำมูก ไอจามกันค็อกแค็กทั้งกรุง

หน่วยปั้่นข่าวยังทะลึ่งออกมาอุ้มไข่ บอกไม่ใช่ฝุ่น แต่เป็น "หมอกหน้าหนาว"!

มันน่า "เจริญพวง" ซะจริงๆ!

ผู้ว่าฯ "สัญญาแลกเกี๊ยะ" ๒๑๔ ข้อ นั่นก็ไม่รู้ไปตามเก็บเกี๊ยะอยู่ที่ไหน?

เห็นแต่ "ทหาร" ออกมาฉีดน้่ำล้างถนน-ไล่ฝุ่น

จะไล่ได้-ไม่ได้ ไม่เป็นปัญหา อย่างน้อย ก็ทำให้ชาวบ้านมองเห็น "ที่พึ่ง-ที่หวัง"

ว่ายามมีปัญหา "ทุกปัญหา" ต้องเห็น "ทหาร" ออกมายืนเคียงข้าง คอยปกป้อง-ดูแล ประชาชน

ดีกว่า ไอ้คนที่มีหน้าที่ทำ แต่ไม่ทำอะไรเลย แถมหัวก็ไม่เห็นอีกตะหาก

ใครไม่รู้ "เฉาฉุ่ย" ไว้ตอนเลือกทีมงาน ว่า...

"ดูในแต่ละมิติ อย่างรองผู้ว่าฯ เราก็รู้ว่า มีสำนักอะไรดูแลบ้าง ขอให้มีความหลากหลาย ทั้งประสบการณ์ มีความรู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

แต่ละคน จะมีความเชี่ยวชาญที่หลากหลายกันไป

สำคัญที่สุดคือ ซื่อสัตย์ โปร่งใส สุจริตที่เราไว้วางใจได้                นอกจากนี้ มีทีมที่ปรึกษาทางเทคนิคอีกกว่า ๓๐-๔๐ คน ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิชาการที่เราปรึกษามา ๒ ปีกว่า

ตอนที่เราปรึกษา....

เราเป็นการเมืองการเลือกตั้ง หลายๆ ท่าน เปิดตัวไม่ได้ พอเราเป็นข้าราชการ กทม.แล้ว เราสามารถเปิดตัวท่านได้"

แล้วไหนล่ะ ผู้เชี่ยวชาญที่หลากหลาย อยากเห็นจัง

เก่งฉิบ....

แค่ ๗-๘ เดือน บรรดาผู้เชี่ยวชาญของชัชชาติทำให้ กทม.วินาศสันตะโรได้ถึงขนาดนี้?

แล้วตอนนี้ "หึ่ง" ไปหมด

ไอ้ "ซื่อสัตย์ โปร่งใส สุจริตที่เราไว้วางใจได้" ของชัชชาตินั่นน่ะ

"คุณชูวิทย์" ชำระตำนาน "ส่วยตำรวจ" เสร็จเมื่อไหร่

ผมจะนิมนต์มาแฉตำนาน "ส่วย กทม." ตอนนี้บ้าง!!!

ถ้าชัชชาติอยากรู้....
ไปถาม "ประธานที่ปรึกษา" ของท่านดูซิ ว่ารู้เรื่องบ้างมั้ย...ที่ลงไปเก็บส่วยกันถึงในแต่ละเขตนั่นน่ะ?

จริงๆ แล้ว เรื่องฝุ่น PM 2.5 คนกรุงพอเข้าใจได้ว่า มันเป็น "ฝุ่นประจำฤดูกาล"

ต้นปีที จะเป็น "ฤดูเผา" ทั้งเกษตรกรบ้านเราและประเทศเพื่อนบ้าน ฝุ่น PM 2.5 ก็จะปลิวมาทุกปี

ก็บ่นๆ กันไป พอแค่ได้ระบาย

ที่จะไปเค้นคอให้ "ผู้ว่าฯ สัญญาแลกเกี๊ยะ" แสดงอภินิหารแปลงกายเป็นพระพายไปไล่ฝุ่นนั้น

ไม่มีใครเขา "ยึดขยะ" เป็นสรณะถึงขนาดนั้นหรอก!

ที่ผมต้องพูดถึงคณะบริหาร กทม.วันนี้ ไม่ใช่เพราะผิดหวังในตัวพวกท่าน

เพราะรู้ ก็แค่ "กอเอี๊ยะ" ปิดฝีที่ตูด หวังจะให้ดูดหัวออกมานั้น มันสรรพคุณเกินจริง

ที่ต้องพูด สืบเนื่องจากข่าวที่ กทม.สื่อสารถึงชาวบ้านประเด็นฝนตกช่วงฝุ่น PM 2.5 กำลังจะฆ่าคนกรุงนั่นแหละ

กทม.ของชัชชาติ ออกข่าวเพียงว่า....

"๑๕.๐๐ น. ฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง เขตบางซื่อ บางพลัด พญาไท ดุสิต...." แบบนั้นน่ะ

นั่นมันเหมือนการแถลงข่าวของบางประเทศเพื่อนบ้านเมื่อ ๕๐ กว่าปีที่แล้ว "ฝนตกเมื่อไหร่จะบอก"

คนเขาอยากรู้ "ฝนตกช่วงนี้ได้อย่างไร" ตะหาก

จะมาตวัก-ตะบวยบอกทำไมแค่ฝนตก?

ที่ กทม.ออกข่าวแบบนี้ ผิดวิสัยการให้ข้อมูลข่าวสารตามหลัก "การประชาสัมพันธ์" โดยสุจริต ถึงประชาชน ในสถานการณ์ PM 2.5 กำลังคลุมเมือง

มองเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากมองได้ในทางเจตนาเดียวคือ กทม.ต้องการให้ชาวบ้านเข้าใจเอาว่า

"เป็นฝนตกลงมาเองตามธรรมชาติ"!

ซึ่งมันไม่ใช่ และ กทม.ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่ามันไม่ใช่ฝนจากฟ้าบันดาลลงมาดับฝุ่นเอง

แต่ก็ กทม.ก็ไม่ยอมบอก "เหตุฝนตก" ให้ประชาชนทราบ

อิจฉา...ซ่อนเร้นเจตนา หรือ กทม.กลัวจะเสียหน้า!?

สู้ปล่อยให้ "ครุมเครือในข้อมูล" อย่างนี้ดีกว่า ยังพอเอา ไปเคลมกับคน ๑.๓ ล้านได้บ้าง

ผมขอบอกให้ทุกคนทราบว่า ฝนที่ตกลงมาดับฝุ่น PM 2.5 ทั้งในกรุงและต่างจังหวัดขณะนี้ คือ

"ฝนหลวง" ครับ....

ไม่ใช่ฝนตกตามธรรมชาติ หรือฝนร้อยห่าชัชชาติบันดาลตกใน กทม.อย่างที่พยายามปกปิดข้อมูลกัน

"ฝนหลวง" คืออะไร?

คือ โครงการที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริส่วนพระองค์
ใน "พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร" รัชกาล ที่ ๙

จุดประสงค์ เพื่อสร้าง "ฝนเทียม" สำหรับบรรเทาความแห้งแล้งให้แก่เกษตรกร เมื่อคราวเสด็จฯ เยี่ยมพสกนิกร ปี พ.ศ.๒๔๙๘ ในภาคอีสาน

จึงพระราชทานโครงการพระราชดำริฝนหลวงให้ "ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล" ไปดำเนินการ

จึงได้เกิดเป็น "โครงการค้นคว้าทดลอง" ปฏิบัติการ "ฝนเทียม" หรือ "ฝนหลวง" ขึ้น ตราบทุกวันนี้

ที่ฝนตกบรรเทาฝุ่น PM 2.5 ทั้ง เหนือ-อีสาน-ตะวันออก-กลาง และ กทม. ก็จากการบินขึ้นไปปฏิบัติการทำ "ฝนหลวง"

ของ "กรมฝนหลวงและการเกษตร" นั่นเอง!

เสาร์ที่ ๔ ก.พ. "นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม" รักษาการอธิบดีกรมฝนหลวงและการเกษตร สื่อสารถึงประชาชน ว่า

จากวานนี้....

ได้สั่งขึ้นทำฝนหลวงที่ อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เพื่อให้เข้าใกล้พื้นที่กรุงเทพฯ มากที่สุด

เหตุไม่สามารถทำฝนหลวงในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ เพราะติดข้อจำกัด "ทางการบิน" ที่มีการจราจรทางการบินหนาแน่นมาก

โดยได้รับรายงานว่า มีฝนตกเล็กน้อยในกรุงเทพฯ ภาคเหนือ ขึ้นทำฝนหลวง ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้มีฝนตกในพื้นที่และจังหวัดเพชรบูรณ์ด้วย

ล่าสุด สั่งดำเนินการทำฝนหลวงเร่งด่วน อย่างต่อเนื่อง ๕ วัน โดยตั้งหน่วย "ฝนหลวงเฉพาะกิจ"

เป็นปฏิบัติการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง

ช่วงนี้ กรมอุตุฯ พบมีมวลความกดอากาศสูงแผ่ลงมา จะทำให้มีความชื้นสัมพัทธ์ ๔๐-๕๐% ขึ้นไป

เอื้อให้การขึ้นบินปฏิบัติการทำฝนหลวงและการก่อเมฆได้ผลดี โดยมีทีมนักวิทยาศาสตร์และทีมทำงาน ๖-๗ คนต่อลำ

ช่วยตัดสินใจในการโปรยสาร การก่อกวนเมฆ ให้เกิดกลุ่มเมฆฝน และการจูงเมฆ ให้ไปตกในพื้นที่เป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม.......

ทาง "ทีมฝนหลวง" จะติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด หากมีความชื้นสัมพัทธ์เหมาะสมก็จะขยายเวลาการปฏิบัติการฝนหลวงออกไป

เพื่อช่วยแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ไฟป่า หมอกควัน ที่ส่วนใหญ่มาจาก "ประเทศเพื่อนบ้าน"

โดยดูจากภาพถ่ายทางอากาศแล้ว ปรากฏจุดความร้อนเต็มพื้นที่ เพราะมีการเผาพื้นที่ทางเกษตรจำนวนมาก แนวกระแสลม จะพัดพาเข้ามากรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นด้วย เป็นปัจจัยหลักเพิ่มปริมาณฝุ่นละอองมลพิษ มากกว่าฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเอง

จากสาระควรบอก แต่ กทม.กลับ "เลี่ยงที่จะบอก"........

ดังนั้น ทีม "ผู้เชี่ยวชาญ" ด้านการสื่อสารและด้านมลพิษทางอากาศของชัชชาติ ควรตอบ ๒ ข้อ

-ผู้บริหาร กทม.มีทัศนคติอย่างไร ต่อคำว่า "ฝนหลวง"?

-ไม่ยอมบอกฝนตกเพราะทำ "ฝนหลวง" ด้วยเจตนาใด?

ชัชชาติ....

คุณควรรักษา "สัญญาแลกเกี๊ยะ" ๒๑๔ ข้อให้เป็นเกียรติประวัตินะ

"ทำไม่ได้ก็ลาออกไป"!  

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง