หนึ่งภาพ…ล้านความรู้สึก…ล้านความหมาย

    สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อต้นสัปดาห์ในประเทศตุรกีกับซีเรียนั้น ผมยอมรับว่า พอเรื่องนี้เป็นข่าวปุ๊บ ผมใส่ใจและสนใจ ณ เวลาที่ทราบข่าว แล้วผมก็ติดตามทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ และทางโซเชียลที่รายงานความคืบหน้าเป็นระยะๆ

    แต่ต่อเมื่อเราไม่ได้อยู่ในสถานที่นั้น ต่อเมื่อไม่มีความผูกพันกับสองประเทศโดยส่วนตัว เช่น เคยเรียนหนังสือ เคยทำงาน เคยใช้ชีวิต มีเพื่อนรักหรือแฟนเก่าจากประเทศนั้นๆ ผมไม่มีอะไรผูกพันทางจิตใจที่จะทำให้รู้สึกสะเทือนใจมากไปกว่าคนปกติทั่วไป ผมก็จะรู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์ในประเทศตุรกีกับซีเรีย ไม่ต่างไปกว่าถ้าเหตุการณ์แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในประเทศอื่น

    อันนี้จะเข้าข่าย “เลือดเย็น” “ไร้ความรู้สึก” หรือไม่นั้น ผมว่าอาการนี้ไม่ต่างไปกว่าแฟนคอลัมน์เกือบทุกคนครับ

    หรือในยุคนี้ เพื่อให้ดูเป็นคน “เลือด (ไม่) เย็น” และ “(ไม่) ไร้ความรู้สึก” นั้น ผมจะตั้งโพสต์ ประโยค “Pray for Turkey-Syria” ตามด้วยรูปพนมมือ ตามโซเชียลของผมแล้วจบตรงนั้น?

    ไม่ใช่ว่าผมไม่สะเทือนใจ หรือไม่สนใจ แต่อย่างที่บอกครับ ผมไม่มีอะไรผูกพันทางจิตใจกับสองประเทศนี้ นอกเหนือจากเราเป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกใบเดียวกัน แต่ภาพหนึ่งที่ทำให้ผมต้องใส่ใจและสนใจเป็นพิเศษ และทำให้ผมสะเทือนใจเหมือนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวผมเองนั้น คือภาพพี่น้องคู่หนึ่งนอนอยู่ใต้ซากอาคารในซีเรีย และผู้เป็นพี่สาวเอาแขนและมือป้องกันน้องชาย

    เด็กผู้หญิงมีอายุ 7 ขวบ ชื่อ Mariam ส่วนน้องชายชื่อ IIaaf (ไม่ทราบอายุ) คุณพ่อเขา นาย Mustafa Zuhir Al-Sayed เล่าเหตุการณ์ว่า เขากับครอบครัวกำลังนอนกันอยู่ช่วงแผ่นดินไหวเกิดขึ้น พอรู้ตัวอีกที บ้านพักอาศัยของเขาถล่มขึ้นมา และพวกเขาอยู่ในซากอาคารเป็นเวลาเกือบสองวันเต็ม

    ผมบอกเลยว่า ภาพนี้ทำให้ผมต้องหยุดชะงัก ทำให้ผมต้องหันมาให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากกว่าเดิม เพราะถึงแม้ตัวเลขผู้เสียชีวิตมันพุ่งสูงขึ้นทุกวันๆ ตัวเลขเป็นเพียงตัวเลขครับ ถึงแม้จะเป็นตัวเลขสูงก็ตาม แต่พอเป็นเพียงแค่ตัวเลขปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ คนเราจะรู้สึกเย็นชาและอ่านข้ามไปด้วยซ้ำ

    แต่ปรากฏว่า ภาพหนูน้อยสองคนนี้ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตกว่าสองหมื่นคนนั้นมีหน้าขึ้นมาทันที เป็นคนขึ้นมาทันที และเป็นเรื่องที่น่าสนใจขึ้นมาทันที ผมเข้าใจอยู่ว่าอ่านดูเป็นเรื่องเย็นชา และดูเหมือนผมไร้มนุษยธรรม แต่มันคือความจริงครับ

    ภาพดังกล่าวมันกินใจผมมาก เพราะอายุลูกของผมไม่ต่างจาก Mariam กับ IIaaf และทำให้ผมเห็นภาพชัดว่า ไม่ว่าจะสถานการณ์อะไร ความรักระหว่างพี่น้อง มันเหนือกว่าสิ่งอื่นใด และจากภาพเดียวกัน มันรวมความรู้สึกของผมที่สุดโต่งในหลายด้าน ด้านหนึ่งจะรู้สึกปลาบปลื้มในเรื่องความรักและความห่วงใยที่ Mariam มีต่อน้อง

    แต่อีกด้านหนึ่งทำให้ผมสามารถฝันร้ายขึ้นมาได้ เพราะนึกถึงสภาพการถูกขังในที่แคบๆ เป็นเวลานาน โดยที่ไม่รู้ว่าเราจะรอดพ้นจากสถานการณ์ได้หรือไม่ เวลาดูหนัง ฉากที่ผมจะอึดอัดที่สุดคือเวลาอยู่ในห้อง หรืออยู่ในถ้ำและน้ำกำลังขึ้นถึงคอ และพระเอกต้องมุดหาทางออกจากห้องนั้นให้ได้ ผมไม่ได้เป็นคนกลัวที่แคบ แต่ผมจะรู้สึกอึดอัดกับฉากในหนังแบบนั้นครับ

    แต่ในภาพคือเหตุการณ์จริง เด็กสองคนอยู่ในซากอาคารที่ถล่ม ดูเหมือนมีเนื้อที่ขยับน้อยและขยับยาก ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยอย่างไร อันนั้นฝันร้ายของผม แต่ Mariam ยังปกป้องน้องชายเขาด้วยความรักและก็ด้วยความห่วงใย เห็นภาพแล้วต้องน้ำตาไหลครับ

    ส่วนอีกด้านหนึ่งคือ ในฐานะเป็นผู้ปกครอง ภาพนี้สะเทือนใจยิ่งกว่าอะไร เพราะหน้าที่หลักของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ทุกคน คือต้องปกป้อง ดูแลลูกของเราให้ดีที่สุด ยอมแลกชีวิต แลกร่างกาย แลกทุกอย่าง เพื่อให้ลูกปลอดภัย ผมไม่ทราบว่า Mariam กับ IIaaf อยู่เพียงลำพังสองคนในซากอาคาร หรืออยู่กันทั้งครอบครัว แต่ผมรู้อย่างเดียวว่าผู้เป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนใจสลายถ้าลูกอยู่ในสถานการณ์อันตรายโดยลำพัง

    เหมือนในกรณีลูกคนงานเมียนมาตกในบ่อที่จังหวัดตาก โดยที่ใช้เวลากว่าสิบชั่วโมงเอาลูกเขาขึ้นมาได้ อันนั้นเป็นฝันร้ายของผู้ปกครองทุกคนเหมือนกัน ว่าลูกอยู่ในภาวะอันตรายโดยลำพัง และเราไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร ไม่รู้จะปลอบใจเขาอย่างไร ไม่รู้จะปกป้องเขาอย่างไร ได้แต่ฟังเขาร้องไห้และร้องตามหาเรา ผมเห็นภาพคุณแม่ของเด็กที่ตกบ่อนั่งร้องไห้ ลุ้นให้ช่วยเหลือลูกเขา เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรนั้น มันเป็นภาพสะเทือนใจจริงๆ ครับ มันเป็นความรู้สึกที่ไม่มีใครอยากสัมผัส

    คือความรู้สึกช่วยเหลือลูกไม่ได้ ในยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือ

    บางครั้งก่อนนอน ผมจะมีภาพร้ายเข้ามาในหัว ว่าลูกอยู่ในภาวะอันตราย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจมน้ำ เรื่องรถชน เรื่องตกจากตึกสูง เป็นต้น แล้วผมจะสะดุ้งตื่นทุกทีด้วยความตกใจ และด้วยความรู้สึก helpless ที่ไม่สามารถช่วยเหลือลูกได้ มันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดครับ

    จากหนึ่งภาพที่ตุรกีกับซีเรีย สามารถบรรยายล้านความรู้สึก และล้านความหมายได้จริงๆ ครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หลานชายคุณปู่

สวัสดีปีใหม่ไทยครับ ช่วงเขียนคอลัมน์นี้ ผมยังอยู่ที่บ้านเฮา เจออากาศทั้งร้อนมากและร้อนธรรมดา เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเขียนเรื่องการขับรถขึ้นมาบ้านเฮากับลูกสาว

หลานคุณปู่

คอลัมน์สัปดาห์นี้กับสัปดาห์หน้า น่าจะเป็นคอลัมน์เบาๆ ครับ ผมเชื่อว่าแฟนๆ ครึ่งหนึ่งน่าจะหนีร้อนในไทยไปสูดอากาศเย็น (กว่า) ที่อื่น ส่วนใครที่ไม่ไปไหน คงไม่อยากอ่านเรื่องหนักๆ

'แก๊ง'ล้มรัฐบาลได้ด้วยเหรอ? (ตอน 2)

เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเขียนเรื่องราวแก๊งที่ผมสัมผัสและรู้จักสมัยอยู่สหรัฐ สำหรับใครที่ชอบฟังเพลงแนว Gangster Rap ก็คงจะคุ้นเคยกับสิ่งที่ผมเขียนไป แต่สำหรับหลายท่านที่เติบโตคนละยุคคนละสมัยอาจไม่คุ้นเลย

'แก๊ง'ล้มรัฐบาลได้ด้วยเหรอ? (ตอน 1)

ผมมีความรู้สึกว่า ช่วงนี้มีข่าวประเภทแก๊งมีอิทธิพลในประเภทประเทศเอลซัลวาดอร์ โคลอมเบีย และเม็กซิโก มีผลต่อเสถียรภาพการเมืองระดับชาติประเทศเขา

To Shortchange กับ To Feel Shortchanged

จากการเรียกร้องของสาวๆ (สวยๆ) ไทยโพสต์ ผมขออนุญาตสวมหมวกฟุดฟิดฟอไฟวันหนึ่ง เพื่อพูดคุยและอธิบายสไตล์ของผม ถึงคำที่ปรากฏในช่วงต้นสัปดาห์จากนิตยสาร Time ครับ

ชอบของ World Class ในราคาตำบล

ท่ามกลางอากาศร้อนระอุ ช่วงบรรยากาศสงครามกลางซอยสุขุมวิทซอย 11 (ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องไร้สาระ และเป็นเรื่องไม่ควรให้ราคาก็ตาม) ผมขออนุญาตสวมหมวกคนขี้บ่น