ฤดูการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจวาระประจำปี 2565 ใกล้จะเสร็จสิ้นครบทุกระดับทั้ง นายพล และ นายพัน เหลือเพียง รองสารวัตรและชั้นประทวน ที่ยังรอคิวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จากนี้ไปก็จะเริ่มเข้าสู่การทำงานอย่างเต็มตัว โดยเฉพาะ นายพัน ล็อตแรก ระดับ ผกก.-รอง ผบก. ที่เริ่มปฏิบัติหน้าที่ใหม่มาตั้งแต่ต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ส่วน สว.-รอง ผกก. ก็กำลังรอฤกษ์งามยามดี อย่างไรก็ตาม สำหรับ ตำรวจ ทุกนายที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาภายใน กรมปทุมวัน เฮดออฟฟิศใหญ่ของ ผบ.เด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.
หากใครยังไม่ได้ไหว้ ยังไม่ได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 6-7 จุด ขอแนะนำ เริ่มจาก 1.ศาลพระภูมิหน้าอาคาร 1 ตร. 2.พระนิรันตราย (จำลอง) องค์ใหญ่ หน้าตัก 19 นิ้ว ประดิษฐานบริเวณตรงข้ามกองบัญชาการตำรวจสันติบาล 3.รูปปั้นพระนารายณ์ ด้านข้างตึกกองการเงิน 4.พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 หน้าอาคาร ตร. 5.พระบรมรูปหล่อ ร.9 ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคาร 1 ตร. 6.รูปปั้นจำลองพลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ ณ ห้องโถง ชั้น 3 อาคาร 1 ตร. รวมทั้งจุดที่ 7 ซึ่งไม่ได้อยู่ในจุดที่เหล่า ผบ.ตร. คนใหม่เวลาเข้ารับตำแหน่งไปทำพิธีสักการะคือ ศาลพระภูมิเจ้าที่ ซึ่งเป็นศาลเก่าแก่หลังตึกสำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ โดยผู้หลักผู้ใหญ่เก่าแก่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกัน หากกราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครบทุกจุดจะเป็นมงคลแก่ตำรวจทุกนาย ๐
เป็นอีกหนึ่งโครงการสวัสดิการที่น่าจะช่วยแบ่งเบาภาระให้ ตำรวจ และ ลูกจ้าง ภายในรั้ว กรมปทุมวัน ได้พอสมควร สำหรับโครงการที่ชื่อกิ๊บเก๋ เริ่ม 30 หยิบจานเด่น ที่ บิ๊กแรก-พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.สกพ. บอกเกิดจากความห่วงใยของ ผบ.เด่น ที่อยากจะช่วยลดค่าครองชีพของตำรวจและลูกจ้าง ให้ได้รับประทานอาหารที่มีคุณภาพในราคาที่ไม่แพง จับต้องได้ ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมุ่งหวังพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ข้าราชการตำรวจ โดยมอบหมายให้ กองสวัสดิการ สำนักงานกำลังพล จัดทำโครงการสวัสดิการเพื่อให้ตำรวจและลูกจ้างสามารถรับประทานอาหารในราคา เริ่มต้น 30 บาท ได้ทุกร้าน ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.เป็นต้นไป ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ดีที่น่าชื่นชมของ ผบ.เด่น ที่คำนึงถึงสวัสดิการลูกน้อง แต่ถ้าจะให้ดีควรขยายนโยบายเหล่านี้ไปให้ตำรวจทั่วประเทศได้รับสวัสดิการเช่นเดียวกัน แม้บางโรงพัก ผกก. บางนายจะมีโครงการอาหารกลางวันเลี้ยงลูกน้อง แต่พอเปลี่ยน ผกก.หลายโรงพักก็ล้มเลิกไป ๐
ถูกต้องเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ท่าที พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) ในฐานะโฆษก บช.ทท. แถลงข่าวหลังปรากฏคลิปรถตำรวจท่องเที่ยวขับนำขบวนรถของสามีดิว-อริสรา นักแสดงสาว บอก ผบช.ทท.สั่งการไปยังผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยวภาค 2 ที่ดูแลภาคเหนือ ภาคอีสาน ให้ตรวจสอบทันที ผลตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2560 และรถยนต์ที่นำขบวน เป็นรถยนต์ตำรวจท่องเที่ยวจริง อยู่ในความควบคุมดูแลและรับผิดชอบของสถานีตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย ผู้ที่ขับรถคือ ร้อยตำรวจตรีนายหนึ่ง อายุ 55 ปี ขณะนั้นยศดาบตำรวจ และยอมรับแล้วว่าขับจริง ขณะนี้กำลังถูกสอบถามจากต้นสังกัด เบื้องต้นพบเป็นการกระทำที่ทำให้เกิดการเสื่อมเสีย เพราะไม่ใช่เหตุอันควรที่จะเอารถตำรวจไปอำนวยความสะดวกให้บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ส่วนประเด็นที่นักแสดงสาวระบุรถตำรวจท่องเที่ยวที่มานำขบวนเป็นโปรโมชันจากโรงแรมที่จัดให้แขก VVIP โฆษก บช.ทท.ขอไปตรวจสอบก่อน เพราะตำรวจท่องเที่ยวทำงานในพื้นที่ ก็จะมีความคุ้นเคยกับภาคธุรกิจต่างๆ...เป็นการตอบแถลงข่าวที่ถูกต้อง เมื่อมีข้อมูล มีความผิดก็บอกว่า ผิด สิ่งใดที่ยังไม่แน่ชัดก็ขอเวลาตรวจสอบก่อน ก็จะไม่มีใครครหา ไม่มีใครวิจารณ์ว่าปกป้องพวกเดียวกันได้ ๐
เหมือนที่หลายคนเตือนสติเอาไว้ ก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด หลังพูดคำพูดเป็นนายเรา หากไม่ชัดเจนก็ต้องคิด ต้องมีสติ ไม่งั้นก็ต้องมา ไหว้สวย อย่างที่ บิ๊กเป้-พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ต้องออกมายกมือไหว้ขอโทษ หลังแถลงข่าวช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับปมมาเก๊า 888 ที่มีผู้กองไบร์ท ตำรวจสังกัด สตม.เป็นพี่น้องกับผู้ต้องหากลุ่มนี้ หลังมีนักข่าวสาวช่องหนึ่งถามว่า ผู้กอง (ไบร์ท) มีจุดเด่นหรือความสามารถอะไรที่ท่านถูกใจ ถึงเลือกมาทำงาน บิ๊กเป้ ได้ถามกลับไปว่า "น้องมีสามีหรือเปล่า แล้วผู้ชายในฝันของน้องต้องมีจุดโดดเด่นแบบไหน" จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมอย่างมากในการย้อนถามเช่นนั้น สุดท้าย บิ๊กเป้ ก็ต้องออกมายอมรับสิ่งที่พูดไม่เหมาะสมจริง และจะน้อมรับคำติเตียนทั้งหมดไปเป็นบทเรียนและปรับปรุงตัวเองต่อไป โดยยืนยันไม่มีเจตนา เพียงอยากสร้างบรรยากาศเป็นกันเอง พร้อมกับยกมือไหว้สวยๆ ไปหนึ่งครั้ง ๐
ปิดฉากงาน มวยไทย เฟสติวัล ที่กองทัพบกเป็นแกนหลักจัดขึ้นมาอย่างอลังการงานสร้าง โดยมีกิจกรรม “ไหว้ครูมวยไทย” เพื่อบันทึกสถิติโลกลงในกินเนสส์บุ๊กเป็นไฮไลต์ของงาน นำทีมโดย บัวขาว-ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ สำหรับประธานในงานอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในวันนั้นดูแฮปปี้ เปล่งประกายท่ามกลางวงขุนทหารก่อนเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง โดยเฉพาะช่วงเดินทางมาถึงงาน มีการตั้งแถวต้อนรับยาวเหยียด มีทั้ง พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมถึงผู้แทนของเหล่าทัพ มี พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้นำการต้อนรับ พองานจบทั้งคณะเดินทักทายพลทหารและนักเรียนนายสิบที่ร่วมไหว้ครู ก่อน “บิ๊กตู่” จะขึ้นรถยนต์ออกจากอุทยานราชภักดิ์ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ สถานที่จัดงาน ยังเรียกเหล่าบรรดา “ท็อปทรี” มาโอบไหล่ถ่ายภาพ โดยเฉพาะ พล.อ.เฉลิมพลที่หายไปท่ามกลางฝูงชน ยังต้องเรียก “ไอ้แก้วๆๆ” ให้เข้ามาในวงกอด เพื่อมาร่วมบันทึกภาพความแนบแน่นกลมเกลียวของพี่น้องเตรียมทหาร ๐
อาจจะเป็นทุกขลาภของ บิ๊กจ๊อด-พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เพราะตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อตุลาคมปีที่ผ่านมา ต้องเจอแต่โจทย์หินทั้งเรื่อง เรือดำน้ำ ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ กว่าจะถึงเดดไลน์ว่าจะเลือกเครื่องยนต์จีนเพื่อมาทดแทนเครื่องยนต์เยอรมันก็อีกหลายเดือน รอตั้งรับเหล่าบรรดา กูรู ทั้งหลายที่เตรียมล็อกเป้าในสภาฯ กันเป็นทิวแถว ระหว่างนี้ยังต้องเจอเหตุเรือหลวงสุโขทัยอัยปาง มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก พร้อมกับการตั้งคำถามหาสาเหตุที่ทำให้เกิดการสูญเสียครั้งนี้ ที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ฯ ยังต้องเรียบเรียงถ้อยความจากข้อมูลที่ได้จากการสอบปากคำ 289 ปาก ก่อนที่จะนำวัตถุพยาน ซึ่งก็คือตัวเรือหลวงสุโขทัยที่จมลงกลางทะเลขึ้นมา และนำเข้าฝั่งเพื่อพิสูจน์ทราบจากสภาพของเรือ และเทียบเคียงกับคำให้การของพยาน ส่วนหลังจากนี้จะมีปมประเด็นใดเกิดขึ้นมาอีกคงต้องลุ้นกันหลายสัปดาห์ เพราะว่ากันว่า คลื่นใต้น้ำ ใน ทร.มีกำลังแรงพอดู ๐
ปิดท้ายสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิดดังสนั่นบริเวณโรงงานผลิตชนวนระเบิด ของกรมสรรพาวุธ กองทัพบก จ.พระนครศรีอยุธยา สร้างความกังวลให้ประชาชนโดยรอบบริเวณ เพราะเกรงจะเหมือนกรณีคลังแสงใหญ่ระเบิดจนเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง กองทัพบกจึงต้องเร่งชี้แจงทันควันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการปะทุของสารเคมีเก่าในบริเวณโรงงานผลิตชนวนท้ายกระสุนปืนเล็ก ซึ่งเป็นสารตั้งต้นใช้ในการผลิตชนวน มีประมาณ 20 กิโลกรัม โดยเจ้าหน้าที่ได้ขนย้ายออกจากอาคารที่กำลังจะดำเนินการปรับปรุง มารวบรวมไว้บริเวณลานกลางแจ้งหน้าอาคาร โดยคาดว่าสารเคมีทำปฏิกิริยากับความร้อนจึงเกิดประกายไฟลุกไหม้ขึ้นประมาณ 15 นาที และหน่วยได้ดำเนินการควบคุมสถานการณ์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงท้องถิ่นได้เร็ว โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ อาคารสถานที่ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะเป็นการลุกไหม้กลางแจ้ง ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่มีสภาพอากาศร้อน เป็นเหตุสุดวิสัย ซึ่งหน่วยทหารได้เข้าระงับเหตุทันทีตามมาตรการควบคุมของราชการ และจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่โดยรอบโรงงานแต่อย่างใด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นักการเมืองไม่ทำชั่ว...ไม่ต้องกลัวรัฐประหาร
นายกรัฐมนตรี 2 คนที่มาจากตระกูลชินวัตรต้องถูกยึดอำนาจจากการทำรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ทำให้นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นหมายเลข 1 ของตระกูลชินวัตรมีความประหวั่นพรั่นพรึงการทำรัฐประหารของทหารเป็นอย่าง
'หิริ-โอตตัปปะ'คือวาระแห่งชาติ!!!
คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า...ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ความอาย หรือจะเรียกภาษาพระ ภาษาบาลี ประมาณว่า หิริ-โอตตัปปะ ก็คงพอได้ นับวันมันชักเป็นอะไรที่ ขาดแคลน
'เห็นลิ้นไก่' แก้ กม.กลาโหม
ป่วนกันทั้ง "กรมปทุมวัน" หลังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. มีคำวินิจฉัยกรณีตำรวจยศ พ.ต.อ. ตำแหน่งนักบิน (สบ 5) รายหนึ่ง
ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
'บิ๊กอ้อ' ลุยปราจีนฯ คุมสางคดีฆ่า 'สจ.โต้ง' มั่นใจหลักฐานพอ ไม่พึ่งวงจรปิด
'บิ๊กอ้อ' บินสางปมยิง 'สจ.โต้ง ปราจีน' เชื่อชนวนเหตุสังหารจากการเมืองท้องถิ่น มั่นใจหลักฐานเพียงพอ แม้วงจรปิดที่เกิดเหตุเสีย
เด็ดปีก 'มังกรเทาดำ' ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์ 152 ล้าน
ตำรวจภาค 2 เด็ดปีก 'มังกรเทาดำ' ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เปิดบริษัทฟอกเงิน ยึดทรัพย์คฤหาสน์-รถหรู 152 ล้านบาท