คิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือกำลังเตรียมวางตัวลูกสาวเป็นทายาททางการเมืองจริงหรือ?
ภาพและข่าวที่ปรากฏผ่านสื่อทางการเมืองของเกาหลีเหนือในสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกนักวิเคราะห์ตีความกันอย่างกว้างขวาง
มองกันว่าคิมกำลังจะบอกกับชาวโลกอย่างน้อย 2 เรื่อง
นั่นคือ “ตระกูลคิม” จะปกครองเกาหลีเหนือไปอีกชั่วอายุคน
และข้อสองคือโสมแดงจะเดินหน้าสร้างอาวุธนิวเคลียร์อย่างไม่หยุดยั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครสามารถท้าทายเกาหลีเหนือได้เป็นอันขาด
ผู้ติดตามข่าวเปียงยางเชื่อว่าเด็กสาวคนนี้เป็นลูกคนที่สองของคิมชื่อ จูเอ อายุประมาณ 9 ขวบ
ที่กลายเป็นข่าวโดดเด่นเพราะเธอเข้าร่วมกับผู้นำเกาหลีเหนือและแม่ในงานเลี้ยงสุดหรูที่ค่ายทหารในกรุงเปียงยางเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
หนึ่งวันต่อมา เธอปรากฏตัวกับคุณพ่อในพิธีสวนสนามทางทหารเนื่องในวันครบ 75 ปีของการก่อตั้งกองทัพเกาหลีเหนือ ณ จัตุรัสคิมอิลซุงกลางเมืองหลวงเปียงยาง
เป็นการอวดอาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยใหม่ล่าสุดเช่นขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) อย่างน้อย 11 ลูกที่สร้างความตื่นตาตื่นใจทั่วโลก
นักวิเคราะห์มองว่าคิมต้องการให้ผู้สังเกตการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศมองว่าตระกูลคิมและกองทัพเกาหลีเหนือมีความเชื่อมโยงกันอย่างถาวร
การปกครองของตระกูลคิมในเกาหลีเหนือนั้นย้อนกลับไปถึงปี 1948 เมื่อคิม อิล ซุงขึ้ผู้เป็นปู่ของคิมปัจจุบันขึ้นสู่อำนาจหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อคิม อิล ซุงเสียชีวิตในปี 1994 คิม จอง อิล บุตรชายก็ก้าวขึ้นครองอำนาจ
และเมื่อคิม จองอิลตายอย่างค่อนข้างกระทันหันในเดือนธันวาคม 2011 คิม จอง อึน บุตรชายในวัยยังไม่ถึง 30 ดีก็ขึ้นสู่อำนาจ
ผู้สังเกตการณ์ชาวตะวันตกเชื่อว่า คิม จอง อึน มีลูก 3 คน และจู เอ เป็นลูกคนกลาง
แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็ไม่มีใครนอกเกาหลียืนยันได้
แม้ในเกาหลีเหนือเองก็ไม่ใช่ว่าข้อมูลเหล่านี้จะได้รับการเปิดเผยอย่างกว้างขวาง
เพราะข้อมูลส่วนตัวของท่านผู้นำเป็นเรื่องความลับส่วนตัวที่ไม่มีใครล่วงรู้ได้
ยกเว้นเมื่อมีการประกาศอย่างเป็นทางการให้เป็นที่รับรู้โดยประชาชนเท่านั้น
รายงานของสื่อเกาหลีเหนือที่โยงกับเหตุการณ์ทางทหารในสัปดาห์ที่ผ่านมาระบุว่าจูแอเป็นลูกที่ “เคารพ” และ “รัก” ของคิม
ก่อนหน้านี้ เดนนิส ร็อดแมน นักบาสเก็ตบอลชาวอเมริกันเคยเปิดเผยว่าคิมมีลูกชื่อจูแเอเมื่อเขาไปเยือนเปียงยางในปี 2013
โดยบอกกับหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนในภายหลังว่า “ผมอุ้มลูกจูแเอและได้พูดคุยกับ (ภรรยาของคิม) ด้วย”
มีคำถามว่ามันเร็วไปหน่อยไหมสำหรับการประกาศผู้สืบทอดอำนาจ?
นักวิเคราะห์อาวุโสในเกาหลีเชื่อว่าเรื่องอย่างนี้เคยมีแบบอย่างทางประวัติศาสตร์มาก่อนแล้ว
เพราะคิมปัจจุบันได้ถูกคุณพ่อคือ Kim Jong Il ผู้เป็นบิดาได้เคยทำอย่างนี้มาก่อนกับเขาแล้ว
คิม จอง อิลเคยบอกผู้ช่วยว่าคิมจองอึนจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งจากเขาตอนวันเกิด 8 ขวบด้วยซ้ำ
แต่ในตอนนั้นโลกภายนอกไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องนี้ในเวลานั้น
ครั้งแรกที่มีการคาดเดาว่าจูแอจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของคิมคือเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ตอนนั้นสื่อของรัฐเผยแพร่ภาพของเธอและคิมกำลังตรวจสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือก่อนการยิงทดสอบ
หนังสือพิมพ์ Rodong Sinmun ของทางการเปียงยางรายงานว่าท่านผู้นำได้พูดถึงเด็กสาวคนนี้ต่อหน้าภรรยาของคิมในเรื่องต่างๆ และใช้คำคุณศัพท์ว่า “ที่รัก” และ “เคารพ” เพื่อสื่อถึงสถานะพิเศษของเธอ
เท่ากับเป็นการประทับตราให้ชัดเจนตั้งแต่ต้นเพราะหากเด็กหญิงคนนี้จะสืบอำนาจต่อจากบิดาก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ
การวางตัวเธอไว้ในแถวหน้าและเป็นศูนย์กลางความสนใจในเหตุการณ์ทางทหารตั้งแต่อายุยังน้อยจะช่วยให้เธอสร้างความน่าเชื่อถือกับกองทัพเมื่อเวลาผ่านไป
หรือนี่เป็นเพียงการสร้างภาพเพื่อการประชาสัมพันธ์เท่านั้น?
นักวิเคราะห์บางคนบอกว่าการปรากฏตัวครั้งล่าสุดของเด็กสาวคนนี้อาจเป็นเพียงวิธีหันเหความสนใจของโลกให้กลับมาที่กองทัพของเปียงยางหลังจากความเหนื่อยล้าของผู้ชมหลังจากการทดสอบขีปนาวุธเป็นเวลาหนึ่ง
เกาหลีเหนืออาจคิดว่านี่เป็นวิธีหนึ่งในการดึงดูดความสนใจจากนานาชาติให้ออกจากเพียงแค่เรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์หนัก ๆ เท่านั้น
แต่อีกด้านหนึ่ง คิมก็ต้องการจะแสดงให้ชาวโลกเห็นถึงแสนยานุภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของเกาหลีเหนือเช่นกัน
เพราะการแสดงขีปนาวุธข้ามทวีป Hwasong-17 (ICBM) อย่างน้อย 11 ลูกแสดงให้เห็นว่ากองทัพเกาหลีเหนือกำลังดำเนินการตามคำประกาศของท่านผู้นำคิมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
โดยประกาศอย่างแข็งกร้าวว่าจะทำให้คลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ทันสมัยของเปียงยาง “เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ” เพื่อตอบสนองต่อสิ่งที่เขา อ้างว่าเป็นภัยคุกคามจากเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา
ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์บางคนเชื่อว่าหากขีปนาวุธแต่ละลูกติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้หลายลูก เกาหลีเหนือก็อาจมีปริมาณมากพอที่จะเอาชนะระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ได้
นักวิเคราะห์ที่ติดตาม Hwasong-17s ในขบวนพาเหรดคืนนั้นเชื่อว่าสิ่งที่นำมาแสดงนั้นอาจเป็น ICBM ที่ใช้เชื้อเพลิงแข็ง ซึ่งเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจาก Hwasong-17 ที่ใช้เชื้อเพลิงเหลว
ขีปนาวุธเชื้อเพลิงเหลวใช้เวลานานกว่าในการเตรียมพร้อมสำหรับการยิงขีปนาวุธเชื้อเพลิงแข็งพร้อมที่จะแจ้งให้ทราบในช่วงเวลาหนึ่ง
หากเป็นเช่นนี้ จะทำให้เกาหลีเหนือมีความคล่องตัว ความยืดหยุ่นและอำนาจทำลายล้างมากกว่าที่ผ่านมาอย่างมาก
ขีปนาวุธเชื้อเพลิงแข็งบนเครื่องยิงแบบเคลื่อนที่จะทำให้รัฐบาลคิม “สามารถโจมตีฝ่ายตรงข้ามโดยมีการเตือนล่วงหน้าน้อยมาก”
ผู้รู้คนหนึ่งยอมรับว่า “มันเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวจริงๆ”
ความจริง ภาพเด็กหญิงวัย 9 ขวบที่ยังไร้เดียงสาเรื่องสงครามกับอาวุธนิวเคลียร์พลังทำลายสูงไม่น่าจะไปด้วยกันได้
แต่สำหรับเกาหลีเหนือแล้วอะไร ๆ ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว