รีรัน-ตัดแปะ

เป็นไงครับ....

วานนี้ (๑๕ กุมภาพันธ์) วันแรกของการ "กระชากหน้ากากคนดี" ของพรรคฝ่ายค้าน

ดูยังไงก็เหมือนโจรตะโกนว่ากำลังจะจับโจร

ภาพรวมเหมือนนั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ที่ฝ่ายค้านยื่นซักฟอกนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก ๑๐ คน

คราวนั้นประโคมว่าเป็นศึกครั้งสุดท้าย ยุทธการ เด็ดหัว สอยนั่งร้าน

วันนี้หัวยังอยู่ สอยไม่สำเร็จ จึงต้องมากระชากหน้ากากอีกที

แต่...ความเข้มข้นน้อยกว่าเพราะไม่มีการลงมติ 

เนื้อหาการอภิปราย ในภาพรวมยิ่งกว่าตัดแปะ

มันคือการรีรัน

และเป็นการรีรันข้อมูลตัดแปะแบบลวกๆ

การอภิปรายมีทั้ง ส.ส.หน้าเก่า และหน้าใหม่ ส่งสัญญาณให้เห็นตั้งแต่เริ่มประชุมว่า เป็นการหาเสียงมากกว่า สอบถามปัญหา และให้คำแนะนำรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๒

ฉะนั้นไม่แปลกที่หลายคนอภิปรายต่ำกว่ามาตรฐาน น่าผิดหวัง

เท่าที่สดับตรับฟัง ส.ส.บางคน ไม่ได้สอบถามปัญหา หรือให้คำแนะนำรัฐบาลแม้แต่คำเดียว

แต่เชียร์พรรคตัวเอง

ส.ส.เพื่อไทยครับ ไม่ทันฟังว่าชื่ออะไร จังหวัดไหน  กดไมค์ได้ก็บรรเลง พรรคเพื่อไทยมีคนเก่งเยอะแยะ  เก่งกว่ารัฐบาล ถ้าได้เป็นรัฐบาลแก้ปัญหาได้หมด

แบบนี้ก็มีด้วย

ก็นี่แหละครับถึงได้บอกว่า เวทีนี้เปิดเพื่อให้ ส.ส.หาเสียงเลือกตั้ง

ส.ส.กเฬวราก สร้างกระแสลาออก ก้มกราบในห้องประชุมสภา ขอบคุณประชาชน ๖๖ ล้านคน ที่ให้ความไว้วางใจ

ขอโทษเถอะครับ เอามาจากไหน ๖๖ ล้านคน นั่นมันเท่ากับประชาชนทั้งประเทศ

ส่วนหนึ่งที่สภาตกต่ำก็เพราะมี ส.ส.จำพวกนี้แหละครับ

เห็นห้องประชุมสภาเป็นเวทีเล่นตลกไปได้

ครับ...เนื้อหาการอภิปราย ก็ไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย เป็นเรื่องเดิมที่เก็งกันไว้

มาเก๊า ๘๘๘

ทุนจีนสีเทา

ตำรวจโกง

แต่ที่น่าประหลาดใจ คำอภิปรายของ "ชลน่าน ศรีแก้ว" ขุดเหมืองทองอัครามาหากินอีก

กลับไปที่รัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๒ กันอีกครั้งนะครับ

...สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร จะเข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติก็ได้...

ซักถามข้อเท็จจริง และเสนอแนะปัญหา

แต่ "ชลน่าน ศรีแก้ว" ด่าอย่างเดียวครับ

แถมยังตัดตอนข้อมูล พูดแต่เรื่องรัฐบาลเสียค่าโง่  ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ควรจะพูดตั้งแต่ต้นตอของปัญหา แล้วจึงเสนอแนะว่ารัฐบาลต้องแก้ปัญหาอย่างไร

ทำไมไม่พูดให้ครบ?

เพราะเปิดเหมืองขุดทองในช่วงรัฐบาลทักษิณใช่หรือไม่

ถ้ามองเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนถึงวันนี้ รัฐบาลประยุทธ์ กำลังแก้ปัญหาที่มาจากรัฐบาลทักษิณ

แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังหยิบเรื่องนี้มาโจมตีรัฐบาลทุกครั้งที่มีโอกาส

ช่างมีความสามารถพิเศษจริง

ปี ๒๕๔๔ บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินการเหมืองทองอัครา เริ่มเปิดเหมืองและผลิตทองคำเชิงพาณิชย์

ยื่นขออนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำตั้งแต่ ๒๕๔๖-๒๕๔๘

ปี ๒๕๕๐ รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ให้ชะลอไว้ก่อน เพราะประเทศไทยยังไม่มีนโยบายทองคำที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ

จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดทำนโยบายทองคำให้แล้วเสร็จ

มาถึงปี ๒๕๕๗ มีการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่รอบเหมืองว่า ประสบปัญหาสุขภาพจากการทำเหมือง อีกทั้งความขัดแย้งของประชาชนในพื้นที่ มีทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายสนับสนุน

พล.อ.ประยุทธ์ ขณะนั้นเป็นหัวหน้า คสช. ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ

มีข้อเสนอให้ยุติการทำเหมืองไว้ก่อน

เป็นที่มาของการใช้ ม.๔๔ ให้ยุติการขออนุญาตอาชญาบัตรพิเศษ และการทำเหมืองชั่วคราว และให้ไปปรับปรุงนโยบายทำเหมืองใหม่

โดยให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน เพื่อให้มีมาตรการป้องกันปัญหาสุขภาพในประชาชนที่รัดกุม

เอ็นจีโอสายสิ่งแวดล้อมเฮลั่นยิ่งกว่าถูกหวย

แต่พรรคเพื่อไทยไม่พอใจสิ่งนี้

หลายประเทศต่อต้านการขุดเหมืองทองแล้วครับ เพราะนำมาซึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมมากมาย โดยเฉพาะพวกที่บอกว่าตัวเองเป็นชาติพัฒนาแล้ว

แต่พวกนี้แหละครับ แห่ขนเงินไปขุดทองในประเทศด้อยพัฒนาที่มีแหล่งทองคำ 

สิ่งที่รัฐบาลประยุทธ์ทำในวันนี้คือเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวที่รัฐบาลทักษิณปล่อยเรี่ยราดเอาไว้

ฉะนั้นแปลกใจมั้ยครับว่าทำไม พรรคเพื่อไทย ถึงได้โจมตีเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก

อีกคนที่ต้องพูดถึงคือ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์"

อภิปรายได้น่าผิดหวัง

ใช้มุกเดิมที่ ส.ส.ปลายแถวมักนำมาอภิปรายในสภา  นั่นคือเรื่องลำดับดัชนีคอร์รัปชันของประเทศไทย แย่ลงไปเรื่อยๆ

มันเป็นเรื่องจริงครับ ประเทศไทยแก้ปัญหาคอร์รัปชันไม่ได้ ที่ผ่านมาไม่เคยแก้ไขได้ ไม่ว่ารัฐบาลไหนล้วนมีการคอร์รัปชันทั้งนั้น

รัฐบาลประยุทธ์ก็มี ดูกรณีตำรวจเป็นตัวอย่าง

แต่การใช้ตัวเลขมาหลอกประชาชน "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ไม่พึงกระทำ

ลำดับดัชนีคอร์รัปชันหากจะนำมาอภิปราย ต้องเอาตัวเลขมาให้ครบ ถ้าไม่ครบก็เหมือนหลอกชาวบ้านครับ

"พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" บอกว่า

"...ดัชนีคอร์รัปชันของประเทศไทย ปี ๒๕๕๗ ไทยอยู่อันดับที่ ๘๕ แต่ปี ๖๕ อยู่ที่ ๑๑๐ ตกลงไป ๒๕ ลำดับใน ๘  ปีที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศเวียดนามจากที่ได้คะแนน ๓๕  เต็ม ๑๐๐ กลายเป็น ๔๒ คะแนน ส่วนประเทศไทย จาก  ๓๗ เป็น ๓๖ เต็ม ๑๐๐ คะแนน แต่คู่แข่งขันสำคัญอย่างประเทศเวียดนามเดินนำ..."

อันดับที่ ไม่ใช่ตัวเลขหลักที่ต้องไปดูครับ เพราะแต่ละปีประเทศที่อยู่ในการสำรวจนั้นไม่เท่ากัน

สมัย ทักษิณ ปีแรก คือ ๒๕๔๔ มีแค่ ๙๑ ประเทศเท่านั้น

ปัจจุบัน ๑๘๐ ประเทศ

คะแนนต่างหากคือตัวเลขที่ต้องดู

ดัชนีคอร์รัปชันไทยในรอบร่วม ๒๐ ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่รัฐบาลทักษิณ อยู่ที่ประมาณ ๓๖-๓๗-๓๘ ไม่ได้หนีกันเลย

ย่ำอยู่กับที่

เพราะประเทศไทยไม่เคยมีการแก้ปัญหาคอร์รัปชันกันอย่างจริงจัง

ดูจากการอภิปรายของฝ่ายค้านแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่า...ไม่มีความหวัง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชะตากรรม 'นายกฯ ชินวัตร'

วันนี้ (๑๒ ธันวาคม) นายกฯ อิ๊งค์ แถลงผลงาน อยากรู้ว่าผลงานมีอะไรบ้าง เชิญเฝ้าหน้าจอสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที หรือช่อง ๑๑ นั่นแหละครับ

ง่ายๆ แค่เลิกโกง

อาจถึงขั้นเปลี่ยนขั้วตั้งรัฐบาลกันเลยทีเดียวครับ... หากพรรคเพื่อไทย จะเอาให้ได้ กับร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ด้วยการจับยัดเข้าสภาฯ ก็สามารถยึดอำนาจกองทัพได้สำเร็จครับ

หรืออยากฟังเพลงมาร์ช

เขาว่าเป็นร่างกฎหมายป้องกันรัฐประหาร ข่าววานนี้ (๖ ธันวาคม) สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เผยแพร่การรับฟังความเห็นร่าง พ.ร.บ.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๗๗ ในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่...)

รัฐบาลถังแตก?

ตกใจกันทั้งประเทศ...! วันอังคาร (๓ ธันวาคม) ที่ผ่านมา "พิชัย ชุณหวชิร" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปพูดในงาน Sustainability Forum 2025: Synergizing for Driving Business กล่าวในหัวข้อ "Financial Policies for Sustainable Economy" แนวทางในการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ๓ ข้อ