ชินโซะ อาเบะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่ถูกลอบสังหารท่ามกลางความตกตะลึงของทั้งโลกเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมปีที่แล้ว
ก่อนหน้านั้นเขาเขียน “บันทึกส่วนตัว” เอาไว้อย่างน่าสนใจ
เป็นการเล่าเกร็ดการได้พบปะกับผู้นำโลกคนสำคัญ ๆ ที่มีส่วนกำหนดชะตากรรมของการเมืองโลกในช่วงจังหวะนั้น
อีกทั้งความประทับใจส่วนตัวของอดีตนายกฯญี่ปุ่นคนที่มีบทบาทสำคัญที่สุดของประเทศนี้ก็ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มความสัมพันธ์ของญี่ปุ่นกับประเทศอื่น ๆ อีกด้วย
พอวางตลาดเมื่อสัปดาห์ก่อน หนังสือ Abe’s Memoir เล่มนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ยอดขายพุ่งพรวดพราด สูงเกินกว่าที่ผู้จัดพิมพ์ประมาณเอาไว้ถึง 3 เท่า
นั่นสะท้อนว่าคนญี่ปุ่นยังมีความรำลึกถึงอดีตผู้นำที่โดดเด่นคนนี้อย่างกว้างขวาง
ในหนังสือเล่มนี้ อาเบะเล่าเกร็ดเกี่ยวกับการได้พบปะพูดคุยกับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์, ประธานาธิบดีจีนสี จิ้น ผิง และนายกฯอินเดีย นรินทรา โมดี
อาเบะ เล่าถึงการได้นั่งรถยนต์สีสันสดใสกับอดีตโดนัลด์ ทรัมป์
เล่นหมากรุกเชิงจิตวิทยากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
คนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วบอกว่าในบันทึกความทรงจำส่วนตัวนี้ อาเบะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่ไม่เหมือนใครในโลกของการทูตทีเดียว
ทำให้ยอดขายหนังสือพุ่งเกินความคาดหมายของผู้จัดพิมพ์ Chuokoron-Shinsha
เพียงแค่ในสองวันแรกหลังจากบันทึกความทรงจำของอาเบะที่ชื่อ "Abe Shinzo Kaikoroku" วางจำหน่ายเมื่อวันพุธก่อนก็เกลี้ยงแผง
บริษัทสั่งพิมพ์เพิ่มถึงสองครั้ง
ประมาณ 9.00 น. ของวันแรกที่เปิดตัว หนังสือนี้ก็ถูกสั่งซื้อใน Amazon หมดสต็อกเลย
หนังสือเล่มนี้รวบรวมบทสัมภาษณ์ 18 รายการที่จัดทำโดยนักข่าวหนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun ที่เป็นที่รู้จักดีชื่อ Goro Hashimoto และ Hiroshi Oyama
ได้นั่งลงสัมภาษณ์อาเบะรวม 36 ชั่วโมง
“เราเริ่มต้นด้วยยอดพิมพ์ 30,000 เล่ม แต่สั่งพิมพ์ครั้งที่ 2 ทันที 30,000 เล่มในวันนั้น วันต่อมา เราสั่งอีก 40,000 เล่ม รวมเป็น 100,000 เล่ม” มากกว่าแผนเดิมถึงสามเท่า ตัวแทนของ Chuokoron กล่าว
หนึ่งในไฮไลท์ของหนังสือคือข้อสังเกตของอาเบะเกี่ยวกับทรัมป์ ซึ่งเขาเห็นว่าไม่ปกติ
แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นไปในเชิงลบ
เหตุเกิดเดือนพฤษภาคม 2019 อาเบะนั่งรถ The Beast ซึ่งเป็นรถกันกระสุนของทรัมป์ไปตามท้องถนนในโตเกียว
ทั้งสองได้ดูซูโม่ที่ National Sumo Arena และนั่งรถคันเดียวกันไปทานอาหารเย็นเพื่อประหยัดเวลา
เมื่อสังเกตเห็นคนจำนวนมากกำลังโบกรถจากริมถนน ทรัมป์จึงถามเจ้าภาพว่า
"ชินโซะ พวกเขากำลังโบกมือให้คุณหรือผม?"
อาเบะตอบว่า “แน่นอน พวกเขากำลังโบกมือให้ท่าน”
ว่าแล้วผู้นำอเมริกันจึงเปิดไฟภายในรถเพื่อให้ฝูงชนเห็นเขาโบกมือกลับ
แต่หน่วย รปภ. หรือที่วอชิงตันเรียก Secret Service ที่นั่งอยู่ข้างหน้าตกใจ กลัวจะไม่ปลอดภัย
ขอให้ปิดไฟทันที เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ไม่หวังดีรู้ว่ารถ The Beast คันไหนเป็นคันจริง และคันไหนเป็นคันจำลอง
“ชินโซะ ไม่ต้องกังวลนะ รถคันนี้จะไม่ปล่อยให้กระสุนทะลุเข้ามาได้แม้ว่าจะถูกยิง 200 นัดในจุดเดียวกันก็ตาม” ทรัมป์ยืนยันกับอาเบะ
สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เมลาเนีย ทรัมป์ แทรกแบบติดตลกทันทีว่า
"จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเจอกระสุนนัดที่ 201?"
ทุกคนหัวเราะกันใหญ่
อาเบะเปิดเผยว่าการคุยโทรศัพท์กับทรัมป์บางครั้งอาจนานถึง 90 นาที
“หัวข้อหลักจะกินเวลาประมาณ 15 นาที หลังจากนั้น 70% หรือ 80% ของการสนทนาจะเกี่ยวกับกอล์ฟหรือการวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำโลกคนอื่นๆ”
อาเบะบอกว่าเคมีของเขากับทรัมป์เข้ากันได้ดี
แต่อาเบะยอมรับว่าเขาประสบปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับบารัค โอบามา
เดือนเมษายน 2014 อาเบะพาโอบามาไปที่ร้านสุกิยาบาชิ จิโระ ร้านซูชิชื่อดังระดับโลกในย่านกินซ่า
โอบามานั่งลงที่เคาน์เตอร์ และเริ่มด้วยการบอกเจ้าภาพว่า
"ชินโซะ รัฐบาลของคุณมีคะแนนนิยม 60% ของผมแค่ 45% ฐานทางการเมืองของคุณแข็งแกร่งกว่าของผม ดังนั้นคุณจะยอมประนีประนอมไม่ได้หรือ"
เป็นคำถามที่โอบามาโยงกับการหารือเกี่ยวกับหุ้นส่วนข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก หรือ TPP
ในบันทึก อาเบะไม่ได้บอกว่าตอบโอบามาไปอย่างไร
ในกรณีการทูตกับจีน อาเบะกล่าวว่ามันเหมือนเป็นการแข่งขันหมากรุกเสมอ
“ในช่วง 7 ปี 9 เดือนของการบริหารประเทศครั้งที่สอง ผมได้เดินทางไปต่างประเทศ 81 ครั้ง”
“ในการประชุมกับผู้นำต่างประเทศทุกครั้ง ผมพูดถึงจีนและพูดถึงความจำเป็นในการเฝ้าดูการสร้างกำลังทหารหรือการขยายอาณาเขตทางทะเลในเชิงรุก ผู้นำบางคนเห็นด้วยกับผมและบางคนไม่เห็นด้วย หากประเทศนั้นอยู่ใกล้กับจีน พวกเขาก็อาจจะพูดถึงปักกิ่งในแง่ดีหน่อย แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่คาดหมายได้อยู่แล้ว”
อาเบะบอกว่าเขาเชื่อว่าจีนเคารพญี่ปุ่นในแง่ที่เราเรามีใจสู้เต็มร้อย และจีนอาจจะไม่ได้มองว่าญี่ปุ่นเลวร้ายเกินไปนัก ดูเหมือนจีนก็วางกลยุทธ์ตามนั้น"
อาเบะเสริมว่า "และเพื่อให้จีนเปลี่ยนพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ผมต้องชนะการเลือกตั้งต่อไป และทำให้จีนเห็นว่ารัฐบาลอาเบะที่อาจมีปัญหายุ่งยากกับจีนนั้นยังไง ๆ ก็จะยังอยู่ต่อไป"
เกี่ยวกับอินเดีย อาเบะบอกว่าญี่ปุ่นมีสถานที่พิเศษในใจคนอินเดีย
เขาเล่าเกร็ดของเหตุการณ์ปี 1957 อันเป็นปีที่ปู่ของเขา อดีตนายกรัฐมนตรีโนบุสุเกะ คิชิ ไปเยี่ยมนายกรัฐมนตรีเยาวหราล เนห์รู
"ผมได้ยินมาจากล่ามที่มากับคุณปู่ของผมภายหลังว่าผู้คนรวมตัวกันนอกสำนักงานนายกรัฐมนตรี เนห์รูบอกกับคิชิว่า: "ผมจะไปกล่าวสุนทรพจน์กับคนข้างนอก ดังนั้นผมจะใช้โอกาสนี้แนะนำคุณให้ประชาชนได้รู้จัก”
พอเริ่มปราศรัย เนห์รูบอกกับฝูงชนว่า "คิชิคือนายกรัฐมนตรีของประเทศที่ชนะสงครามต่อจักรวรรดิรัสเซีย ญี่ปุ่นให้ความกล้าหาญแก่เราในการต่อสู้กับอังกฤษเพื่อให้เราได้เอกราช"
ฝูงชนคนอินเดียส่งเสียงโห่ร้องยินดีกันดังก้องไปทั่ว
อาเบะเล่าว่าในช่วงแรกที่ขึ้นมาเป็นผู้นำของประเทศ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2006 ถึงกันยายน 2007 เขาได้เสนอต่ออดีตนายกรัฐมนตรีอินเดีย มันโมฮัน ซิงห์ เพื่อจัดตั้งกลุ่มใหม่ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย และออสเตรเลีย ซึ่งก็คือ Quad ในปัจจุบัน แต่ท่านลังเลเพราะนายกฯซิงห์กลัวจะทำลายความสัมพันธ์กับจีน
อาเบะบอกว่านายกฯโมดีปัจจุบันมีความเข้าใจมากขึ้น
“จุดยืนของโมดีคืออินเดียจะไม่เข้าร่วม Quad ถ้ามีแค่สหรัฐฯ และออสเตรเลีย” อาเบะบอก “แต่ถ้าญี่ปุ่นเป็นแกนนำ เขาจะตอบตกลง”
เกร็ดการเมืองเหล่านี้จากอดีตนายกฯอาเบะของญี่ปุ่นย่อมมีความสำคัญต่อการตีความประวัติศาสตร์โลกในวันข้างหน้าเช่นกัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว