ผมตั้งวงสนทนาหลายวงในช่วงหลังนี้เกี่ยวกับเรื่อง “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ AI กับความสัมพันธ์กับมนุษย์
หนึ่งในคำถามสำคัญคือเจ้า AI จะมาแย่งอาชีพอะไรของคนบ้าง?
มีความเห็นทำนองว่าอาชีพต่อไปนี้จะไม่มีวันถูกทดแทนโดยปัญญาประดิษฐ์เพราะเป็นความสามารถพิเศษของมนุษย์ที่หุ่นยนต์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไม่มีทางเอาชนะคนได้
เช่นอาชีพครู, ทนายความ, ซีอีโอ, นักการเมือง, ผู้จัดการทรัพยากรมนุษย์, นักร้อง, ศิลปิน, นักเขียน, นักจิตวิทยา, จิตแพทย์, พระหรือผู้นำด้านจิตวิญญาณ, หมอผ่าตัด, นักกีฬาอาชีพ, นักวิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์
แต่มาถึงวันนี้ผมชักจะไม่ค่อยแน่ใจเสียแล้วว่าอาชีพทั้งหมดที่ว่านั้นจะยัง “ปลอดจากภัยคุกคามของ AI” หรือไม่เพียงใด
โดยเฉพาะเมื่อเจ้า ChatGPT มาประกาศศักดาอย่างคึกคักในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้
ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายเริ่มตั้งข้อสังเกตว่าตำแหน่งหน้าที่งานรูทีนหรืองานประจำกำลังจะถูกแย่งงานค่อนข้างแน่นอน
เช่นมนุษย์เงินเดือนคนทำงานออฟฟิศ
เพราะ AI ที่กำลังพัฒนาให้ฉลาดขึ้นทุกทีนั้นพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยเขียนจดหมายสมัครงาน เขียนเรียงความ ร่างบทความ
อีกทั้งยังช่วยผลิตหนังสือเด็ก ช่วยแต่เพลง และแม้แต่คิดมุกตลกได้
เพราะมันเข้าไปค้นหาเนื้อหาต่าง ๆ เหล่านี้ได้จากแหล่งข้อมูลมโหฬารที่สามารถ generate หรือสร้างเนื้อหาได้อย่างรวดเร็วฉับพลัน
เก่งกว่าคล่องกว่าและรวดเร็วกว่ามนุษย์
ChatGPT อาจจะยังมีข้อบกพร่องและจุดอ่อนอยู่ในช่วงที่กำลังอยู่ระหว่างทดลอง
แต่หากมีการพัฒนาและแก้ไขข้ออ่อนด้อยไปเรื่อย ๆ อีกหน่อยมันอาจทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิดก็ได้
อย่างน้อยมีข่าวว่า Google (ซึ่งกำลังถูกท้าทายโดย ChatGPT โดยตรง) ก็ยอมรับเข้าทำงานหากเจ้า ChatGPT มาสมัครงาน
เพราะหากดูจากศักยภาพของมันในช่วงนี้ หากมาสอบสัมภาษณ์ Google อาจรับเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานเขียนโค้ดมือใหม่ได้เลย
เพราะมันเก่งกว่าเด็กจบมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ ส่วนใหญ่ในเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป
เท่านี้ก็ทำให้หลายวงการหนาวแล้ว
ถ้าเอามาใช้ตอบโต้กับลูกค้า ก็มีร่องรอยว่ามันมีความสามารถที่น่าสนใจทีเดียว
พนักงาน Amazon บอกว่าเท่าที่ได้ลองใช้ ChatGPT ในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าก็ทำงานได้ไม่เลว
เรียกว่าเก่งกว่า chatbot ปัจจุบันที่นำมาใช้ในการตอบคำถามของลูกค้าอย่างชัดเจนเลยทีเดียว
หากเป็นเช่นนี้ อาชีพอะไรกำลังถูกคุกคามหากมนุษย์ในตำแหน่งเหล่านั้นไม่รีบปรับตัวและเพิ่มทักษะของตนเองให้ยังมีคุณค่าต่อองค์กร?
Business Insider อ้างว่าจากการสำรวจความเห็นของผู้รู้ในวงการต่าง ๆ น่าจะสรุปได้ว่าตำแหน่งต่อไปนี้อาจจะเสี่ยงกับการถูกทดแทนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เช่น ChatGPT
หรือเทคโนโลยีด้านนี้ที่อาจจะ “ฉลาด” มากขึ้นกว่าวันนี้อีก
อาชีพที่โดนกระทบในกลุ่มแรก ๆ น่าจะเป็นงานด้านเทคโนโลยีอันได้แก่พนักงานเขียนโค้ด โปรแกรมเมอร์คอมพิวเตอร์ วิศวกรซอฟต์แวร์ นักวิเคราะห์ข้อมูล
การเขียนโค้ดและโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นทักษะที่เป็นที่ต้องการ แต่ ChatGPT และเครื่องมือ AI ที่คล้ายกันอาจเติมเต็มช่องว่างนี้ได้ในอนาคตอันใกล้
ยุ่งแน่ถ้า ChatGPT สามารถเขียนโค้ดได้เร็วกว่าและแม่นยำกว่าคน
นั่นแปลว่าบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ก็ต้องการพนักงานด้านนี้น้อยลง
แปลต่อไปว่าสถาบันการศึกษาที่สอนเรื่องเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในทุกระดับชั้นก็หมดสภาพ ถ้าไม่ปรับหลักสูตรหรือเปลี่ยนแนวทางการสอนก็มีอันต้องปิดตัวลงไป
ตำแหน่ง “วิศวกรซอฟต์แวร์” ที่เคยเฟื่องฟูและเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมากก็กำลังจะกลายเป็นอดีต
เหมือนกับครั้งหนึ่งใครต่อใครก็ต้องเรียนนิเทศศสตร์และ MBA เพราะเป็นอาชีพที่เป็นที่ต้องการอย่างยิ่ง
แต่วันนี้เพราะ “ความป่วน” ของเทคโนโลยีที่มา disrupt อาชีพทั้งสองนี้จึงกลายเป็นวิชา “อาทิตย์อัสดง” หรือ (Sunset industries) ไป
แต่นักวิเคราะห์บางคนก็แย้งว่าความเปลี่ยนแปลงในด้านนี้อาจจะไม่หนักหน่วงรุนแรงและฉับพลันอย่างที่คิด
ในช่วงแรกนั้น AI อาจจะสวมบทเป็น “ผู้ช่วย” คนเขียนโค้ดก่อน ยังไม่มาทดแทนได้ทั้งหมด
แต่แม้จะมองว่า AI มาช่วยงานเท่านั้นก็ประมาทไม่ได้เป็นอันขาด
เพราะนั่นหมายความว่าทักษะที่เคยเป็นที่ต้องการอย่างมากของตลาดนั้นกำลังจะเปลี่ยนทิศทางไปแล้วอย่างชัดเจน
ใครยังฝืนกระแสด้วยการยืนกระต่ายขาเดียวว่า “ฉันยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่” ก็คงจะกลายเป็นคนตกยุคตกสมัย...และตกงานได้ในไม่ช้านี้
งานอีกด้านหนึ่งที่เข้าข่ายถูกทดแทนได้คืองานด้านสื่อที่ผมเคยคุ้นเคย
ไม่ว่าจะเป็นด้านโฆษณา, ประชาสัมพันธ์, หรืออาชีพผลิตเนื้อหา งานเขียนสาระด้านเทคนิค รวมถึงสื่อสารมวลชน
ทั้งนี้เพราะ AI สามารถอ่าน เขียน และเข้าใจข้อมูลในรูปข้อความ
และยังสามารถวิเคราะห์และตีความข้อมูลจำนวนมหาศาลในเวลาไม่กี่วินาที
ตรงนี้แหละที่มนุษย์ต้องยอมพ่ายเพราะคนมีช่วงเวลาที่เหนื่อย, เพลีย, มีอารมณ์ขึ้นลง
แต่เจ้า AI ทำงานโดยไร้อารมณ์ผันแปร และทำได้ตลอด 24 ชั่วโมงเพราะมันไม่ต้องหลับไม่ต้องนอนเหมือนคน
แต่ตรง “ตีความ” นี่อาจจะยังเป็นประเด็นที่ต้องถกเถียงกันว่า AI ทำได้ดีกว่ามนุษย์จริงหรือ
แต่ก็เกิดคำถามต่อมาว่าทุกวันนี้มนุษย์ใช้สมองในการ “วิเคราะห์-ตีความ” มากน้อยเพียงใด
ถ้าใช้สมองเพื่อการนี้เพียง 10-20% ก็แปลว่าอาจจะถูก AI ยึดครองอิทธิพลไปถึง 80-90%
นั่นคือสัญญาณอันตราย!
นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล Paul Krugman เขียนในนิวยอร์ก ไทมส์ว่า ChatGPT อาจรายงานข่าวและเขียนข่าวได้ดีกว่าคนข่าวที่เป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ
ผมในฐานะคนข่าวไม่อยากจะเชื่อ และหากจะหาเหตุผลมาโต้แย้งได้จะต้องออกมาคัดค้านแนวคิดเช่นนี้ทันที
ต้องยอมรับว่าถึงวันนี้ผมยังไม่สามารถหาเหตุผลที่น่าเชื่อได้มาแย้งเขาได้
ที่ยิ่งทำให้คนในวงการสื่อต้องตกใจกว่านั้นก็คือข่าวที่บอกว่า เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยี CNET ได้เริ่มใช้เครื่องมือ AI ที่คล้ายกับ ChatGPT เขียนบทความออกมานับสิบชิ้น
จริงที่ว่าบทความเหล่านั้นยังมีข้อผิดพลาดบกพร่องอยู่ แต่ก็สามารถแก้ไขหรือ edit ได้
นั่นแปลว่าคุณภาพของงานของ AI ในการเขียนบทความสำหรับสื่อนั้นเริ่มจะดีขึ้นตลอดเวลา
BuzzFeed ก็เพิ่งประกาศว่า จะใช้เทคโนโลยีจากผู้พัฒนา ChatGPT สร้างเนื้อหารูปแบบเนื้อหาใหม่ ๆ ตามมา
งานตำแหน่งอื่น ๆ ที่ต้องเตรียมตัวตั้งรับการรุกรุกคืบของ ChatGPT คือด้านกฎหมาย, การเรียนการสอน, งานด้านการเงินเช่นนักวิเคราะห์ทางการเงินหรือที่ปรึกษาด้านการเงินส่วนตัว
อาชีพนักบัญชีก็ใช่ว่าจะปลอดจากภัยคุกคามเพราะหากเกี่ยวกับตัวเลขและการประเมินผลข้อมูลเกี่ยวกับสถิติ AI ย่อมมีความคล่องแคล่วและช่ำชองกว่าคนในหลาย ๆ ด้าน
ยกเว้นการ “วิเคราะห์และตีความ” ซึ่งยังเป็นศิลปะที่สำคัญสำหรับมนุษย์
หากมนุษย์ตั้งใจจะพัฒนาความสามารถด้านนี้อย่างจริงจัง
อาชีพกราฟิกดีไซเนอร์ก็ใช่ว่าจะรอดปลอดภัย เพราะมีมากมายหลายกรณีที่ AI สามารถวาดภาพและออกแบบได้อย่างคล่องแคล่ว
คุณภาพอาจจะยังเทียบไม่ได้กับคนที่เก่งจริง ๆ บางคน แต่ถ้าผลงานกราฟฟิกดีไซน์ของ AI อยู่เหนือ “มาตรฐานเฉลี่ย” ก็ย่อมจะทำให้คนในวงการนี้ต้องเริ่มกังวลอย่างจริงจังแล้ว
นี่เป็นเพียงบางส่วนของการวิเคราะห์จากเวทีต่าง ๆ ที่ผมเฝ้ามองและศึกษา
สัญญาณทั้งหมดบอกว่านี่คือ Wake-up Call หรือเสียงปลุกให้เราตื่นดังกระหึ่มสำหรับทุกอาชีพที่ยังคิดว่า “ยังไง ๆ ก็ไม่มีอะไรมาทดแทนฉันได้”
เพราะนั่นคือความเข้าใจผิดอันใหญ่หลวงของชีวิตมนุษย์วันนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


