กวาดบ้าน 'สตม.'

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ กฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งยศตำรวจชั้นประทวนเป็นกรณีพิเศษ พ.ศ.2566 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 23 (2) และมาตรา 57 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 และมติ ก.ตร.ในการประชุมครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2566 จึงออกกฎ ก.ตร.ไว้ โดยสาระสำคัญอยู่ที่ข้อ 4 ผู้ที่จะได้รับการพิจารณาแต่งตั้งยศตำรวจชั้นประทวนเป็นกรณีพิเศษจะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์อย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ 1.เป็นข้าราชการตำรวจซึ่งได้รับอันตรายหรือป่วยเจ็บถึงเสียชีวิต หรือจนไม่สามารถรับราชการต่อไปได้

เนื่องจากการปฏิบัติการตามหน้าที่หรือจากการได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ 2.เป็นข้าราชการตำรวจซึ่งได้กระทำการจนก่อให้เกิดผลดียิ่งแก่ประเทศชาติ หรือในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 3.เป็นผู้มีความประพฤติดีและเสียสละช่วยเหลือในงานราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจนได้รับอันตรายหรือป่วยเจ็บถึงเสียชีวิต...และข้อ 6 การแต่งตั้งยศตำรวจชั้นประทวนเป็นกรณีพิเศษ ตามข้อ 4 (2) และ (3)  ให้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งเรียกว่า คณะกรรมการพิจารณาแต่งตั้งยศตำรวจชั้นประทวนเป็นกรณีพิเศษ มีหน้าที่พิจารณา ตรวจสอบ ประสานงานหรือดำเนินการอื่นใดที่เห็นสมควร เพื่อมีความเห็นเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พิจารณามีคำสั่งแต่งตั้งยศตำรวจชั้นประทวนเป็นกรณีพิเศษต่อไป ๐

อุ๊ต๊ะ! เห็นสำนวนคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือกลุ่มทุนจีนสีเทา ที่คณะพนักงานสอบสวน สภ.เวฬุวัน จว.ขอนแก่น ทำเสนอต่อเลขาธิการ ป.ป.ช. เห็นควรดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทั้ง 107 คน ในความผิดฐาน ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และสั่งฟ้องอีก 9 คนในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ก็เลยอดร้องอุทานด้วยภาษาวัยรุ่น อุ๊ต๊ะ ไม่ได้จริงๆ เพราะต้องยอมรับว่าน่าจะเป็นครั้งแรกๆ ที่ได้เห็น ตำรวจ มากกว่า 100 นาย เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดจนต้องถูกดำเนินคดีเสียเอง  ทั้งๆ ที่เป็นผู้รักษากฎหมาย แบบนี้เห็นทีประวัติศาสตร์  กรมปทุมวัน คงต้องจารึกไว้ว่า ในยุค บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ กุมบังเหียน ผบ.ตร. เอาจริงเอาจังเก็บกวาดบ้านได้อย่างดี ไม่มีช่วยเหลือพวกพ้องที่กระทำผิดกฎหมาย ๐

นับถอยหลังอีก 3 วัน จะถึงวันที่ ตำรวจ ระดับ รอง ผกก. ขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวนกว่า 13,000 นาย จะได้ใช้สิทธิ์ใช้เสียงในการเลือกตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภท  (ก) และ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท (ข) จำนวน 6 ราย  เข้าไปเป็นคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มีองค์ประกอบ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ. และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ ก.พ.ร. เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง โดย พล.ต.ท.อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ  (ผบช.สง.ก.ตร.) แจ้งเอาไว้ ยอดผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภท (ก) มีทั้งหมด 23 ราย เลือกให้เหลือ 3 ราย ส่วน ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท (ข) ได้รับการสรรหาโดยคณะกรรมการ ก.ตร.โดยตำแหน่งคัดเลือกให้ได้ 6 ราย เลือกให้เหลือ 3 ราย ส่วนใครจะได้รับการเลือกตั้งหลังหย่อนบัตรวันที่ 15 มี.ค.66 เวลา 08.30-16.30  น. คงได้รู้กัน ๐

ตำรวจทำดีต้องชื่นชม หลังเพจเฟซบุ๊กของสถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ได้มีการโพสต์คลิป ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจช่วยเหลือประชาชนที่รถกระบะน้ำมันหมดจอดอยู่กลางทาง พร้อมระบุข้อความว่า “ยินดีรับใช้ครับ  เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 191 ระหว่างที่ออกตรวจในเขตพื้นที่มาถึงบริเวณสามแยกหน้าโรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม พบรถยนต์กระบะจอดกีดขวางลักษณะเสีย ไปต่อไม่ได้ ลูกข่ายจึงหยุดรถลงไปสอบถาม แจ้งว่าน้ำมันน่าจะหมด จึงให้การช่วยเหลือพาเจ้าของรถไปซื้อน้ำมันมาเติมให้ ได้รับความขอบคุณเป็นอย่างมาก” จากนั้นโซเชียลได้มีการนำคลิปดังกล่าวไปแชร์ในสื่อสังคมออนไลน์หลายช่องทาง ก็มีคนเข้ามาชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นายเป็นจำนวนมาก โดยตำรวจน้ำใจงามทั้ง 3 นาย ประกอบด้วย จ.ส.ต.สุทธิรักษ์ สิงหชัย อายุ 37 ปี, ส.ต.อ.ดวงทวี เสาวโค อายุ 27 ปี และ ส.ต.ท.ณัฐกรณ์ ดีเสมอ  อายุ 24 ปี ซึ่งทั้ง 3 นายเป็นตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์ ชุดที่ 4 ต้องปรบมือดังๆ ๐

โผทหาร กลางปี ยังไม่มีการรื้อฐานอำนาจของเหล่าทัพใด ให้เกิดแรงกระเพื่อมมากในช่วงใกล้เลือกตั้งโดยใช่เหตุ โดยเฉพาะกองทัพเรือ ในกรณีของ “เครื่องยนต์เรือดำน้ำจีน-เรือหลวงสุโขทัยอับปาง” พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เลือกที่จะไม่ฟันให้เลือดสาด ทำให้ชื่อของ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กับ พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ยังนั่งในตำแหน่งต่อไป โดยเฉพาะ ผบ.ทัพเรือ "ล้อ" ที่น่าจะอยู่จนครบวาระเกษียณอายุราชการ เพราะกว่าจะกู้เรือเสร็จสิ้น คณะกรรมการลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ต้องใช้เวลาพักใหญ่ ย่างเข้าโผปรับย้ายปลายปี เป็นจังหวะที่ “บิ๊กจ๊อด” เกษียณอายุราชการพอดี เลือกที่จะกลับบ้านได้แบบสบายใจไม่ต้องมีเรื่องให้ต้องปวดหัว ๐

แต่ที่มีฮือฮาเล็กๆ ก็คงเป็นโผของ ทบ. ที่มีชื่อของ  ผบ.กอล์ฟ-พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) ได้ขยับเข้าไลน์รองแม่ทัพภาคที่ 1 จนเป็นที่โจษจันกันว่าปลายปีนี้น่าจะเป็นศึกชิงเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 ของเตรียมทหารรุ่น  28 (ตท.28) ด้วยกันเอง ระหว่าง ผบ.กอล์ฟ กับ รองไก่-พล.ต.วรยส เหลืองสุวรรณ ตท.28 อีกคนที่ขึ้นมาเป็นรองฯ ก่อนหน้าเมื่อโผเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา แต่แว่วว่างานนี้คงต้องดูกันยาวๆ เพราะเอาเข้าจริงสูตรการดัน  กอล์ฟ-สราวุธ ขึ้นมาเป็นการประนีประนอม ระหว่างสงครามตัวแทนในแผงอำนาจเงาที่อยู่หลังกองทัพ ที่สำคัญเมื่อแรงดันขึ้นมาเร็ว การใช้ ตท.24-26 ให้เกิดความสมดุลยังต้องใช้ต่อไปอยู่ ไม่เช่นนั้นกองทัพจะอยู่ในสภาพ  แลนด์ไถล ไม่ต่างจากการเมือง เพราะหากโผนี้มีการขยับระดับเทียบเท่าแม่ทัพออกไป แล้วเปิดทางให้ใครขึ้นไปได้เปรียบ ปัญหาของ “นักวิ่ง” ก็จะสร้างความน่าปวดหัวในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

จึงทำให้ชื่อ รองหมี-พล.ต.ไกรภพ ไชยพันธุ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ถูกส่งไปเป็น ผบ.โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า แทน พล.ท.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ที่ขึ้นพลเอก  ตำแหน่งจเรสำนักงานปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงภายในกองทัพบก ในขณะที่การขยับหน่วยคุมกำลัง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ก็ทำเท่าที่จำเป็นและเกลี่ยให้สมดุล โดยมีชื่อของ พ.อ.ไพบูลย์ พุ่มพิเชฏฐ์ ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (ผบ.พล.ปตอ.) พ.อ.ธีรพล ศรีเกษม เป็น ผู้บัญชาการกองพลทหารช่าง พ.อ.เวชยันต์ แว่นไธสงค์ เป็น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 15 พ.อ.ชินวิช เจริญพิบูลย์ เป็น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 พ.อ. วิทยา แก้วพรม เป็น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 35   พ.อ.ปกรณ์ จันทรโชตะ เป็น ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 แต่ที่น่าจับตามองคือการขึ้นมาของ เสธ.คิ้ว-พล.ต.ชาคริต อุจะรัตน ตท.28 ดาวรุ่งอีกคน ที่ขึ้นเสนาธิการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (เสธ.นสศ.)  เป็นผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 (ผบ.พล.รพศ.1).

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ กำชับตำรวจก้าวข้าม 'ต่อ-โจ๊ก' ลั่นไม่ขอยุ่งแล้ว ให้เป็นหน้าที่คกก.ตรวจสอบ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 2/2567 ว่า ในที่ประชุมได้กำชับเรื่องความขัดแย้งระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

'บิ๊กต่าย' ไม่รู้ข้อเท็จจริง 'ทนายตั้ม' แฉปมส่วยเว็บพนัน แต่ต้องรับผิดชอบคำพูด

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวว่า ไม่ได้ให้ผู้ใต้บังคับการบัญชาที่เป็นนายตำรวจระดับผู้กำกับการโทรศัพท์ไปขอข้อมูลกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่เกี่ยวพันกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก่อนที่ทนายตั้ม

คณะสอบ 2 นายพล เตรียมเรียก 'โจ๊ก-ต่อ' เข้าให้ข้อมูล ยันไม่มีเกี้ยเซียะ

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฏหมาย กรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ตามคำสั่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดัง