คิชิดะ-โมดี: จิบชาในสวนท่ามกลาง ความปั่นป่วนของการเมืองโลก

ผมชอบรูปนี้...เพราะเป็นภาพที่น่ารักของผู้นำอินเดียกับญี่ปุ่นที่นั่งจิบชาในสวนดอกไม้...เพื่อพูดถึงสันติภาพของภูมิภาคในย่านนี้ของเรา

ในช่วงต้นสัปดาห์ที่เริ่มเมื่อ 20 มีนาคมที่ผ่านมา  ขณะที่สี จิ้นผิง ไปเยือนมอสโกเพื่อพบกับปูติน อีกคู่หนึ่งคือนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่นก็แวะไปหานายกฯ นเรนทรา โมดี ที่อินเดีย

นอกจากญี่ปุ่นจะเชิญอินเดียไปร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ Group of Seven ในเดือนพฤษภาคมแล้ว ที่น่าสนใจคือ

คำประกาศแผนปฏิบัติการของญี่ปุ่นที่เรียกว่า “ความคิดริเริ่มใหม่ในอินโด-แปซิฟิก”

ที่บางคนมองว่าเป็นแผนต้านอิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้

แต่ผมเห็นว่านี่เป็นการแข่งขันระหว่างญี่ปุ่นกับจีน ที่จะเชิญชวนให้ประเทศในแถบนี้ (รวมทั้งไทย) ที่จะร่วมวงในการหาทางสร้างความเป็นปึกแผ่นของประเทศในย่านนี้ ที่ไม่ฟังเสียงเฉพาะจากวอชิงตันเท่านั้น แต่ยังต้องฟังปักกิ่งและโตเกียว และนิวเดลีด้วย

คนไทยเรามักจะลืมว่า ในเอเชียนั้นมีประเทศใหญ่ๆ  ที่เราควรจะต้องสร้างสัมพันธ์และทำความเข้าใจร่วมกันอย่างลึกซึ้งคือ จีน, อินเดีย และญี่ปุ่น

ซึ่งหากหาทางร่วมมือกับอาเซียนให้ได้ครบวงจรแล้ว  เราก็จะสามารถสร้างเครือข่ายแห่งความร่วมมือที่สามารถทำให้ตะวันตกต้องหยุดใคร่ครวญถึงอนาคตโลกที่จะมองข้ามเอเชียไม่ได้เป็นอันขาด

คิชิดะไปอินเดีย 2 วัน โดยไปขายไอเดียที่หวังจะส่งเสริม "วิสัยทัศน์ของอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง” ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มที่นำโดยโตเกียว สำหรับความร่วมมือด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจในระดับที่สูงขึ้น

เพื่อส่งสัญญาณถึงปักกิ่งว่าจะต้องมาตั้งวงสนทนากันให้ใกล้ชิดมากขึ้นในมวลหมู่เอเชียด้วยกัน

คิชิดะบอกว่าญี่ปุ่นพร้อมจะให้ความช่วยเหลือประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่

เตรียมเพิ่มการสนับสนุนด้านความมั่นคงทางทะเล  การจัดหาเรือและอุปกรณ์ลาดตระเวนยามชายฝั่ง และความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติใหม่ของญี่ปุ่นที่นำมาใช้ในเดือนธันวาคม

โตเกียวกำลังติดตั้งขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลเพื่อเสริมศักยภาพในการโจมตีกลับ และใช้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอย่างมีกลยุทธ์มากขึ้นในการสนับสนุนประเทศที่มีแนวคิดเดียวกัน

ที่ทั้งจีนและญี่ปุ่นต้องเพิ่มงบประมาณด้านทางทหารมากขึ้นก็เพราะความระแวงคลางแคลงต่อกัน

หากมีความเข้าใจกันให้ลึกซึ้งขึ้นก็จะแปรการเผชิญหน้าเป็นความร่วมมือได้

อินเดีย ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มประเทศอุตสาหกรรมและตลาดเกิดใหม่ หรือ G-20 ปีนี้ ยอมรับว่าความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นเป็นกุญแจสำคัญสู่เสถียรภาพในภูมิภาค

อินเดียและญี่ปุ่นพร้อมด้วยสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย รวมกันเป็นพันธมิตรในอินโด-แปซิฟิกที่เรียกว่า Quad

การอ้างสิทธิเหนือดินแดนของจีนในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านขนาดเล็กของปักกิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สั่นคลอน

เช่นเดียวกับญี่ปุ่น ซึ่งกำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

ในขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างนิวเดลีและปักกิ่งก็เลวร้ายลงเช่นกันตั้งแต่ปี 2020 เพราะเป็นช่วงเวลาที่ทหารอินเดียและจีนปะทะกันตามชายแดนที่ลาดักห์ ซึ่งยังไม่ได้กำหนดในเขตหิมาลัย ทำให้ทหารอินเดีย 20  นายและจีน 4 นายเสียชีวิต

คิชิดะชวนโมดีคุยเรื่องกระชับความร่วมมือทวิภาคีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และพูดถึงการบริหารจัดการเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร และการจัดหาเงินทุนเพื่อการพัฒนา

ผู้นำทั้งสองแสดงความพร้อมที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิด ในการจัดการกับความท้าทายระดับโลกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาพลังงานและเสบียงอาหารที่พุ่งสูงขึ้นตั้งแต่สงครามรัสเซียกับยูเครน

คิชิดะบอกว่า โมดีรับคำเชิญที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G-7 ของประเทศอุตสาหกรรมหลัก ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองฮิโรชิมาในเดือนพฤษภาคม

ญี่ปุ่นดำรงตำแหน่งประธาน G-7 ในปีนี้ และบอกว่าจะแสวงหาความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับประเทศกำลังพัฒนา เพื่อวางรากฐานสำหรับการประชุมสุดยอดที่ประสบความสำเร็จ

อินเดียและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง การค้าระหว่างทั้งสองประเทศมีมูลค่า 20.57 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2021-22

การลงทุนของญี่ปุ่นในอินเดียแตะ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ระหว่างปี 2000-2019

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในอินเดีย รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง

สัญญาณว่าญี่ปุ่นกำลังจะทุ่มงบก้อนใหญ่เพื่อเสริมบทบาทของตนในภูมิภาคให้โดดเด่นเคียงคู่จีน คือคำประกาศของคิชิดะที่ว่า ภาครัฐและเอกชนญี่ปุ่นจะใช้งบประมาณ 75,000 ล้านดอลลาร์ (2.5 ล้านล้านบาท)  ภายในปี 2030 เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

และเขาไม่ลืมที่จะอ้างถึงสงครามยูเครน ในคำปราศรัยของเขา คิชิดะกล่าวว่า การรุกรานยูเครนของรัสเซีย “ทำให้เราเผชิญความท้าทายพื้นฐานที่สุดในการรักษาสันติภาพ”

แผนปฏิบัติการที่ญี่ปุ่นประกาศจะ “นำประชาคมระหว่างประเทศไปสู่ความร่วมมือมากกว่าการแตกแยกและการเผชิญหน้า”

คิชิดะบอกว่าแผนปฏิบัติการมี 4 เสาหลัก ได้แก่ หลักการเพื่อสันติภาพและกฎเกณฑ์เพื่อความเจริญรุ่งเรือง  แนวทางอินโด-แปซิฟิกเพื่อจัดการกับความท้าทาย การเชื่อมต่อหลายระดับ และความปลอดภัยที่แผ่ขยายจากทะเลสู่ท้องฟ้า

คิชิดะอธิบายหลักการเพื่อสันติภาพและกฎเพื่อความเจริญรุ่งเรือง เพื่อต่อต้าน “ความพยายามฝ่ายเดียวในการเปลี่ยนแปลงสถานะที่เป็นอยู่โดยใช้กำลังและการบีบบังคับทางเศรษฐกิจ”

จะหมายความถึงใครถ้าไม่ใช่จีน

และยังเอาใจอาเซียนด้วยการเสนอเงินเพิ่มเติม 100  ล้านดอลลาร์ (3,400 ล้านบาท) แก่กองทุนบูรณาการญี่ปุ่น-อาเซียน

เราจึงเห็นการพบปะระหว่างผู้นำญี่ปุ่นกับอินเดียที่น่าจะมีความหมายสำคัญต่ออนาคตของ “ภูมิรัฐศาสตร์” ในภูมิภาคนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้

แม้ว่าอินเดียจะเล่นบท “ประเทศเป็นกลาง” ไม่ถือหางข้างใดในความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน หรือแม้แต่ในกรณีสงครามยูเครน

แต่ขณะเดียวกัน โมดีก็จับมือกับสหรัฐฯ, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่นในการตั้งกลุ่ม Quad

แต่ก็เป็นสมาชิกสำคัญของ BRICS ที่ร่วมมือกับจีนและรัสเซียอย่างใกล้ชิดสนิทสนมเช่นกัน

นี่คือโฉมหน้าการทูตภารตะที่มีความคล่องแคล่วในภาวะความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งอย่างหนักหน่วงมากขึ้นทุกวัน

ภาพการนั่งจิบชาในสวนของคิชิดะกับโมดีจึงสื่อความหมายที่น่าวิเคราะห์ในมิติของ “ความเป็นเอเชีย” อย่างยิ่ง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บทเรียนสีหนุวิลล์สำหรับไทย

ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของจีนกับกัมพูชามาในหลายรูปแบบ...และหนึ่งในนั้นคือการสร้างสีหนุวิลล์เป็นศูนย์กลางด้านความบันเทิง หรือที่เรียกว่า Entertainment Complex

อิหร่าน-อิสราเอล: ทุกฉากทัศน์ล้วนเสี่ยงสูง

คณะรัฐมนตรีสงครามหรือ War Cabinet ของอิสราเอลประชุมกันเคร่งเครียดมาหลายรอบ...สรุปได้เพียงว่าจะต้องตอบโต้อิหร่านแน่...แต่ไม่ระบุว่าเมื่อไหร่และด้วยยุทธการแบบใด

สิงคโปร์ผลัดใบการเมืองครั้งสำคัญ ‘หลี่’ (72) ส่งไม้ต่อ ‘หว่อง’ (52)

นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสิงคโปร์ Lawrence Wong ที่จะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ต้องถือว่ามาจากครอบครัวชนชั้นทำงานจริง ๆ

“เซฟโซน” ฝั่งเมียวดีอาจจะเป็น ก้าวเล็กๆ ของกระบวนการเจรจา?

ความเคลื่อนไหวตรงข้ามชายแดนไทยฝั่งพม่ามีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา และความไม่แน่นอนนี้เองที่ทำให้รัฐบาลไทยต้องให้ความสำคัญกับการสร้างกลไกติดตามอย่างมีประสิทธิภาพ

ไบเดนควงคิชิดะ มาร์กอสประกาศสกัดการขยายอิทธิพลจีน!

ผมเห็นนายกฯฟูมิโอะ คิชิดะของญี่ปุ่นปราศรัยต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯเป็นภาษาอังกฤษปลายสัปดาห์ที่ผ่านมากล่าวหาจีนว่าเป็น “ภัยคุกคามต่อภูมิภาคนี้อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน” แล้วก็พอจะรู้ว่าความตึงเครียดจะต้องถูกยกระดับขึ้นมาอย่างแน่นอน

ปูติน-คิม: ยิ่งโลกยุ่ง สองสหายยิ่งแน่นแฟ้น

ยิ่งนับวันเกาหลีเหนือก็ยิ่งขยับใกล้รัสเซียมากขึ้น...หลักฐานอาวุธจากเปียงยางไปปรากฏในสมรภูมิยูเครนตอกย้ำว่า “คิม จองอึน” กับ “วลาดิมีร์ ปูติน” กำลังสานสัมพันธ์ใกล้ชิดมากขึ้นทุกวัน