ไม่รู้ที่ควรรู้...คือโง่ รู้แล้วพูดจาบิดเบือน...คือชั่ว

ถ้าหากใครติดตามการพูดจาหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ในเวลานี้ เราจะพบว่ามีข้อความที่ไม่เป็นความจริงอยู่มากมาย การที่พวกเขาพูดเรื่องที่ไม่จริงนั้นเป็นเพราะเขาเป็นคนที่ไม่ติดตามข่าวสารบ้านเมือง ในฐานะที่เขาต้องการมาเป็นผู้แทนราษฎร มีเรื่องหลายเรื่องที่พวกเขาควรจะรู้ แต่พวกเขากลับสำรอกออกมาอย่างคนที่ไม่รู้สี่รู้แปด เหมือนคนที่ไม่สนใจอะไรที่ควรเป็นความรู้รอบตัวของคนที่อาสาจะมาเป็นผู้แทนราษฎร เหมือนพวกเขาสนใจแต่เรื่องที่ใกล้ตัวของพวกเขาเท่านั้น ปัญหาของประเทศชาติทั้งภาพรวมทั้งประเทศ และปัญหาของแต่ละพื้นที่ เป็นสิ่งที่คนที่คิดจะเป็นผู้แทนราษฎรควรจะต้องรู้ จึงจะเป็นตัวแทนที่ดีของประชาชนในการแก้ปัญหาที่ควรแก้ให้ถูกทิศถูกทางตามบริบทของสังคม

และขณะเดียวกันก็จะได้นำเสนอโครงการพัฒนาประเทศที่เป็นไปได้ และเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน ดังนั้นอย่าว่างั้นว่างี้เลยนะ สำหรับเรื่องที่พวกเขาควรรู้ แต่พวกเขาไม่รู้ ถือว่า “โง่” ที่ไม่คิดจะเรียนรู้สิ่งที่ควรรู้

อย่างไรก็ตาม เราไม่อาจจะกล่าวหาใครว่าโง่ไปเสียทั้งหมด เพราะพวกเขาที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในคราวนี้หลายคนมีการศึกษาดี เคยมีการงานที่ดี มีบทบาททางสังคมมานานพอสมควร ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าเขาน่าจะรู้ว่าสถานการณ์ที่เป็นความจริงเกี่ยวกับประเทศไทยของเรามีอะไรบ้าง แต่พวกเขากลับพูดจาที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงเชิงประจักษ์อย่างน่าละอาย พวกเขาสร้างวาทกรรมบิดเบือน หมายที่จะด้อยค่ารัฐบาลปัจจุบัน มีทั้งด้อยค่าทั้งคณะ และที่ชัดเจนก็คือด้อยค่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าหากเขารู้ว่าความจริงคืออะไรแต่ยังจงใจบิดเบือน ให้ข้อมูลแก่ประชาชนด้วยเรื่องที่ไม่จริง โดยที่พวกเขาก็รู้ความจริง แบบนี้ไม่เรียกว่า “โง่” แต่ต้องเรียกว่า “ชั่ว” เพียงเพื่อต้องการเอาชนะการเลือกตั้ง พวกเขาพร้อมที่จะทำชั่ว ทำผิดศีลธรรม ด้วยการโกหกประชาชนอย่างหน้าด้านๆ ไร้ความละอาย คนเช่นนี้พวกเราควรจะเลือกให้เขามาเป็นผู้แทนของเราได้อย่างไร ยังไม่ได้เป็นผู้แทนเลยก็โกหกพวกเราแล้ว หากวันใดพวกเขาได้อำนาจในการบริหารบ้านเมือง เราจะไว้ใจคนพวกนี้ได้อย่างไร

ปรากฏการณ์ความปลิ้นปล้อนของนักการเมืองที่น่ารังเกียจ น่าสมเพชเวทนายิ่งนักคือ เมื่อเวลาย้ายพรรคออกไปก็จะด่าว่าพรรคเก่าที่เคยอยู่ด้วย ทั้งๆ ที่ตนเองตอนอยู่กับซีกรัฐบาลนั้นก็มีตำแหน่งเป็นหนึ่งในผู้บริหาร เมื่อมาด่าว่ารัฐบาลหลังจากที่ย้ายออกไปเช่นนั้น มันก็ตั้งคำถามกันหน่อยว่า ตอนที่อยู่ร่วมรัฐบาลและมีตำแหน่งนั้น เมื่อเห็นว่าเรื่องอะไรที่มันไม่ดี ไม่เข้าท่าเข้าทาง ทำไมไม่ท้วงติงให้มีการปรับปรุงแก้ไขล่ะ และถ้าหากผลักดันให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการไม่ได้ ทำไมไม่ลาออกไปล่ะ จะนั่งกอดเก้าอี้ไว้ทำไมตั้งเกือบสี่ปี คนแบบนี้เราจะมองเขาอย่างไร คงมองว่าเป็นคนดีไม่ได้แน่ๆ และเราจะเชื่อได้อย่างไรว่าเขาออกจากพรรคนี้ ไปเข้าพรรคโน้นด้วยอุดมการณ์ มันคงจะมีเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องอุดมการณ์เป็นแน่แท้ คนแบบนี้สมควรหรือที่เราจะให้โอกาสพวกเขาเป็นผู้แทนราษฎรที่บางทีอาจจะได้เป็นรัฐมนตรี เป็นฝ่ายบริหารประเทศ อย่าลืมคำกล่าวที่ว่า “นักการเมืองชั่ว ไม่น่ากลัวเท่ากับประชาชนโง่ ที่ยังคงเลือกนักการเมืองชั่วๆ เข้ามาเป็นผู้แทนราษฎร” นะ การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งควรรู้จักการใช้ข้อมูลที่ถูกต้องในการพิจารณาว่าเราควรจะเลือกใคร อย่าเลือกคนโกง คนชั่ว เพราะความเห็นแก่ตัว อยากได้สิ่งที่เขาสัญญาว่าจะให้

สิ่งที่เขาควรรู้ แต่ไม่รู้ (โง่) หรือสิ่งที่เขารู้ แต่ก็ยังบิดเบือนพูดจาโกหกแย้งกับความจริงเชิงประจักษ์ (ชั่ว) มีมากมายหลายเรื่องจนพื้นที่ในการเขียนบทความวันนี้มีไม่พอ ขอเลือกมาแต่เรื่องที่ชัดๆ เขาบอกว่า “8 ปีไม่มีผลงาน” ถ้าตาไม่บอด หูไม่หนวก ย่อมเห็นว่าประเทศชาติมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่พวกเขาใจบอด และเป็นคนชั่วที่พร้อมที่จะโกหกในการหาเสียง

เขาบอกว่า “รัฐบาลจัดการเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้แย่มาก” เขาไม่เคยอ่านข่าวเลยหรือว่าองค์การอนามัยโลกชมเราอย่างไร เรียกร้องให้ประเทศอื่นๆ มาเรียนรู้จากไทยเราในการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี อีกทั้งกล่าวว่าเราจะเป็นประเทศที่เศรษฐกิจฟื้นได้เร็ว และเวลานี้สถานการณ์ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ พวกเขาไม่รู้จริงๆ หรือมีความชั่วเป็นสันดานจึงสร้างวาทกรรมบิดเบือนความจริง

เขาบอกว่า “เศรษฐกิจประเทศไทยย่ำแย่ ประเทศไทยกำลังจะลงเหว ประเทศไทยอยู่ใน ICU กำลังต้องปั๊มหัวใจ” เขาไม่ติดตามข่าวสารจริงๆ หรือว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทุนสำรองมากแค่ไหน มีทองสำรองมากแค่ไหน มีการลงทุนจากต่างประเทศมากแค่ไหน การส่งออกกำลังเติบโต การท่องเที่ยวกำลังเติบโต รักษาระดับเงินเฟ้อได้ดีกว่าหลายประเทศ และ IMF คาดการณ์ว่าประเทศไทยในปี 2566 จะมี GDP เติบโตเป็นบวก ซึ่งมีไม่กี่ประเทศในโลก

เขาบอกว่า “การท่องเที่ยวของไทยแย่มาก” เขาไม่ได้ติดตามการจัดการฟื้นฟูการท่องเที่ยวของไทยที่เริ่มต้นด้วย Phuket Sandbox และขยับเรื่อยมาจนเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวปีที่แล้วมากกว่า 11 ล้านคน ปีนี้น่าจะถึง 30 ล้านคน และประเทศไทยได้รับรางวัลด้านการท่องเที่ยวอันดับต้นๆ หลากหลายมิติ ทั้งเมืองที่น่าเที่ยว เกาะที่น่าเที่ยว อาหารอร่อย ค่าครองชีพถูก การท่องเที่ยวหลากหลายประเภท ทั้งด้านวัฒนธรรมและด้านสุขภาพ

เขาบอกว่า “พวกที่ต่อต้านเขา คิดอะไรไม่ออก ก็จะพูดเรื่องจำนำข้าว” เขาไม่เห็นหรอกหรือว่ามีคนเอาเรื่องการทำผิดคิดชั่วของพวกเขามาเตือนความจำประชาชนตั้งมากมายหลายสิบเรื่อง หลายเรื่องศาลตัดสินให้พวกเขามีความผิด ติดคุกไปกันตั้งหลายคน และแต่ละคนตั้งหลายปี เรื่องเหล่านี้เป็นความจริงเชิงประจักษ์ที่คนเขาเอาเผยแพร่กันตั้งมากมาย จะมาแกล้งพูดทำไมว่าไม่มีเรื่องอื่นจะพูด เอาแต่พูดเรื่องจำนำข้าว (ที่พวกเขาทำความเสียหายให้แก่ประเทศหลายแสนล้าน”

แค่นี้ยังไม่ถึงเศษเสี้ยวการพูดจาที่แสดงว่าเขาไม่รู้เพราะโง่ หรือการพูดจาโกหกที่ยืนยันว่าพวกเขาชั่ว ถ้าหากทำรายการวิทยุโทรทัศน์ก็พูดได้เป็นวัน ถ้าเขียนเป็นบทความหนังสือพิมพ์ก็ต้องใช้พื้นที่ทั้งเล่ม จึงจะสามารถเล่าความโง่หรือความชั่วของพวกเขาได้ครบถ้วน ก็ไม่รู้ว่าเมื่อรู้เช่นนี้แล้วยังจะมีคนกาบัตรเลือกตั้งเลือกเขาอีกไหม สิ่งที่ทำให้กังวัลคือคำกล่าวที่ว่า “นักการเมืองชั่ว ไม่น่ากลัวเท่าประชาชนโง่ที่เลือกคนชั่ว”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อยากช่วย...อยากเชียร์...แต่เพลียแล้วนะ

ในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เราตกใจเมื่อเห็นผลของการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งมาเป็นที่ 1 ได้ สส. 151 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยมาเป็นที่ 2 ได้ สส. 141 ที่นั่ง ส่วนพรรคที่เขาเรียกขานกันว่าเป็นพรรคอนุรักษ์หรือพรรคหนุนเผด็จการนั้น ได้จำนวน สส.ห่างไกลจาก 2 พรรคนี้มาก ภูมิใจไทยที่ได้จำนวน สส.มาเป็นที่ 3

ยุคพระอาทิตย์ 7 ดวง

ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่...แต่เผอิญไปป่วย หรือ อาพาธ อยู่ประมาณ 3 เดือน คือระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ปีพุทธศักราช 2535 หรือประมาณ 35 ปีมาแล้ว

หึ่ง! เชือด 'นายพล' อีก

ดูเหมือนจะเป็นหน่วยงานแห่งความหวัง หน่วยงานที่พึ่งสำคัญ ในการจะกลับเข้ารับราชการตำรวจอีกครั้งของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. หลังจาก บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์

ดร.เสรี ชำแหละดิจิทัล 10,000

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า แจกเงินดิจิทัล 10,000 แก่คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปที่รายได้น้อยกว่า 840,000 หรือเงินเก็บไม่เกิน 500,000 บาท ยังมีคำถามมากมาย

จะมาจากแหล่งไหน....ก็ไม่สบายใจทั้งนั้น

ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อมีการหยั่งเสียงคะแนนนิยมว่าก้าวไกลมีคะแนนชนะเพื่อไทย ความร้อนรนกลัวแพ้ บนเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยก็มีการประกาศทันทีว่าจะแจกเงินดิจิทัล