ผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว แม้ กกต.จะยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ เราก็รู้แล้วว่าพรรคก้าวไกลได้จำนวน ส.ส.มากที่สุด ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ก็ยอมรับผลการเลือกตั้ง ไม่มีใครกล่าวหาว่าโกง หรือไม่มีใครออกมาโวยวายให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง สรุปก็คือ ไม่มีใครคัดค้านชัยชนะของผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรคก้าวไกล แต่คนของพรรคก้าวไกลไม่ควรอ้างว่าเป็นฉันทามติของประชาชนหมู่มากของประเทศ ทั้งนี้เพราะชัยชนะของพรรคก้าวไกลเป็นเพียง 30% ของจำนวน ส.ส. 500 คนในสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นจะอ้างว่าเป็นฉันทามติของคนทั้งประเทศคงจะไม่ได้ ที่อ้างเช่นนี้ไม่ได้ก็เพราะคนที่ไม่เลือกพรรคก้าวไกลมีจำนวนถึง 70%
ของประเทศ พรรคก้าวไกลอ้างชัยชนะได้ ไม่ผิดอะไร แต่อ้างเป็นฉันทามติของคนทั้งประเทศไม่ได้การที่ประชาชนอีก 70% ไม่ได้เลือกพรรคก้าวไกลนั้น ก็เป็นเพราะพวกเขาไม่เอาด้วยกับพรรคก้าวไกลที่ประกาศนโยบายหลักว่าจะแก้หรือจะยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 คนที่มีวิสัยทัศน์เขามองไปไกลกว่าการแก้หรือการยกเลิกมาตรา 112 พวกเขากลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับประเทศหลังจากการแก้ไขหรือการยกเลิกมาตรา 112 พวกเขาเชื่อว่าการแก้หรือการยกเลิกมาตรา 112 ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง มันเป็นแค่ทางผ่านสู่ปลายทาง การที่พวกเขาคิดเช่นนี้ เพราะเขาเก็บรวบรวมการพูด การให้สัมภาษณ์ การเขียน การอภิปราย การปาฐกถา และการปราศรัย รวมทั้งการชุมชุมของเยาวชนที่มีประเด็นการออกมาชุมนุมสอดคล้องกับแนวความคิดของคุณ พวกเขาก็พอจะอนุมานได้ว่าจุดหมายปลายทางของพวกคุณคืออะไร และพวกเขาก็ไม่เอาด้วย แม้บางคนอยากจะเห็นประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลง เขาไม่ได้ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่พวกเขามุ่งมาดปรารถนาจะให้เป็น
การที่พรรคก้าวไกลเผชิญปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลเวลานี้ นอกจากนโยบายที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แล้ว ปัญหาอีกอย่างหนึ่งเกิดจากการที่สมาชิกหรือติ่งของพรรคออกมากดดัน ข่มขู่ให้พรรคการเมืองอื่นๆ และ ส.ว.ยกมือให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยการพูดจาก้าวร้าว หยาบคาย ด่าทอต่อว่าคนที่คิดต่างเสียๆ หายๆ แทนที่จะสร้างความร่วมมือ กลายเป็นการสร้างความขัดแย้ง หลายคนเขารับไม่ได้ คนถูกกดดัน โดนด่าโดนว่าก็รับไม่ได้ ประชาชนที่ติดตามความเคลื่อนไหวเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาลก็รับไม่ได้ พรรคก้าวไกลเรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องการเคารพสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ผู้คนเขายอมรับและเคารพชัยชนะของพรรคก้าวไกลที่ได้ ส.ส.มาเป็นจำนวนมากที่สุด แล้วทำไมคนของพรรคก้าวไกลจึงจะไม่ยอมรับการตัดสินใจของ ส.ส.พรรคอื่น และ ส.ว.ที่เขาก็มีวิจารณญาณ มีเหตุผล มีหลักการในการพิจารณาของเขา ถ้าหากเขาพิจารณาแล้ว เขาไม่อาจจะสนับสนุนหัวหน้าพรรคก้าวไกลให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้ คนของพรรคก้าวไกลก็ควรจะเคารพการตัดสินใจของพวกเขาไม่ใช่หรือ พวกเขาไม่ได้ผิดอะไร เขาใช้สิทธิของเขาตามที่ให้ไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี 2560 ที่ผ่านการลงประชามติมามากกว่า 16 ล้านเสียง มากกว่า 14 ล้านเสียงที่เลือกพรรคก้าวไกล
อีกเรื่องหนึ่งที่ประชาชนบางคนไม่เลือกพรรคก้าวไกล ว่าที่ ส.ส.บางพรรค และ ส.ว.บางคนอาจจะใช้ในการพิจารณาตัดสินใจในการลงคะแนนครั้งนี้ก็คือ พฤติกรรมของหัวหน้าพรรคก้าวไกลที่มีการพูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอยหลายครั้งหลายครา จนคนบางคนเขาคิดว่าพวกเขาไม่อาจจะเชื่อถือหรือไว้วางใจคนที่พูดจาเช่นนี้ได้ เพราะพวกเขาไม่อาจจะรู้ว่าเรื่องไหนเท็จ เรื่องไหนจริง และก็มีคนจำนวนมากเคยได้ยินและเชื่อว่าคนโกหกไม่ทำชั่วไม่มี ก็เลยทำให้พวกเขาไม่อาจจะไว้วางใจพรรคก้าวไกล คนเราเมื่อมีความระแวงแล้วก็ไม่อยากจะอยู่กับความระแวง อยากจะอยู่กับความไว้วางใจมากกว่า
หลายคนมองไปข้างหน้าแล้วเกรงว่าถ้าหากให้พรรคก้าวไกลเข้ามาบริหารประเทศแล้ว ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมนั้น มันจะไม่เหมือนเดิมอย่างไร จะไม่เหมือนเดิมที่เป็นไปในทาง "เสื่อม" หรือว่าจะไม่เหมือนเดิมในการ "พัฒนา" ทั้งด้านระบอบการปกครอง การดำรงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของวัฒนธรรมไทย การร่วมกันอย่างสันติระหว่างคนต่างวัยและระหว่างคนที่ต่างความคิด
ที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ นโยบายการต่างประเทศที่รัฐบาลลุงตู่ทำมาดีโดยตลอด เป็นมิตรกับทุกฝ่าย ไม่เป็นศัตรูกับใคร ไม่แทรกแซงกิจการภายในของใคร ดำรงตนอย่างมีศักดิ์ศรีเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จะมีความเอียงไปข้างหนึ่งข้างใดจนเป็นผลเสียกับประเทศทั้งทางการทูต การค้าขาย การลงทุน และการท่องเที่ยวหรือไม่ ทุกอย่างที่เดินหน้ามาด้วยดี จะดำเนินต่อไปหรือไม่อย่างไร และประเทศไทยเราจะรักษาอธิปไตยและทรัพยากรของประเทศเอาไว้ได้หรือไม่ ทั้งหมดนี้มันเป็นคำถามที่อยู่ในใจคนอย่างมาก มันไม่ใช่การมโน แต่มันเป็นการเก็บข้อมูลจากพฤติกรรมของพรรคก้าวไกล ทั้งทางวาจาและการกระทำ ประชาชนจำนวนหนึ่งที่ติดตามข่าวสารบ้านเมือง เขาเก็บรวบรวมข้อมูลไว้มากมาย จนพออนุมานได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนโยบายการต่างประเทศของไทยในวันข้างหน้า
ความวิตกกังวลของนักธุรกิจ ของนักลงทุนเห็นได้ชัดเจนจากกระดานหุ้น 3 วันติดกันหลังจากการเลือกตั้ง มันแดงทั้งกระดานต่อเนื่อง สถานการณ์เช่นนี้พอจะอนุมานได้ไหมว่าบริษัทใหญ่ๆ ในตลาดหลักทรัพย์และนักลงทุนไม่มั่นใจทิศทางของประเทศภายใต้การบริหารของรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ SME ก็ไม่ต่างกัน หลายรายบอกแล้วว่าถ้าหากค่าแรงขึ้นตามที่พรรคก้าวไกลประกาศหาเสียงไว้ พวกเขาก็รับไม่ไหวเหมือนกัน อาจจะมีความจำเป็นต้องปลดคนงานออกบางส่วน ปัญหาการตกงานก็จะเกิดขึ้น และอาจจะเกิดปัญหาเงินเฟ้อตามมา เจ้าของนิคมอุตสาหกรรมเขาก็บอกแล้วว่าโรงงานจะอยู่ยาก รายที่อยู่ปัจจุบันอาจจะย้ายฐาน รายที่คิดว่าจะมาอาจจะเปลี่ยนใจไปที่อื่นที่ค่าแรงถูกกว่า บางรายอาจจะต้องปิดนิคมอุตสาหกรรมไปเลยนะ เอาละ ขอสรุปว่าคนเขาเคารพชัยชนะของพรรคก้าวไกล แต่เขาก็มองว่าจำนวนคนที่เลือกพรรคก้าวไกลก็ไม่ใช่คนหมู่มากที่เกิน 50% ดังนั้นพรรคก้าวไกลและติ่งของพรรคอย่ากดดัน อย่าข่มขู่ให้คนอื่นต้องทำตามความต้องการของพรรคด้วยการด่าทอต่อว่าด้วยวาจาหยาบคาย เราต้องเคารพการตัดสินใจของกันและกันนะ มันจึงจะเป็นสังคมประชาธิปไตยที่ให้สิทธิเสรีภาพกับทุกฝ่ายทัดเทียมกัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
ดร.เสรี ลั่นรังเกียจ วาทกรรมแซะสถาบัน
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า เกิดวาทกรรมใหม่ "ใบอนุญาตที่ 2"
เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร
ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง
'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้
ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง
ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2
ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
'ดร.เสรี' กรีดเหวอะ! ใครมีลูกสาวเก่งพอที่จะเป็นนายกฯ ต้องบอกลูกให้มีผัว 9 คนอยู่ใน 9 ภาค
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า ใครมีลูกสาวที่เก่งพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องบอกลูกนะคะ