การเมืองเพื่อนบ้านกัมพูชากำลังจะมีการถ่ายโอนอำนาจกันอย่างน่าสนใจ
ข่าวหลายกระแสรายงานตรงกันว่านายกรัฐมนตรีฮุน เซน กำลังตัดสินใจว่าจะส่งบังเหียนทางการเมืองให้กับลูกชายคนโต หลังจากปกครองประเทศมายาวนานเกือบ 40 ปี
พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลประกาศเมื่อเดือนมีนาคมว่า ฮุน มาเนต บุตรชายคนโตของนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการกองทัพกัมพูชาจะลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งระดับชาติในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้
เพราะนั่นคือเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้ทายาทการเมืองคนนี้ขึ้นมารั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหากได้รับการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญคือวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมาเพราะวันนั้นฮุน มาเนตได้พักการปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพเพื่อขยับสู่บทบาททางการเมืองอย่างชัดเจนเป็นทางการเสียที
ฮุนเซนเคยบอกไว้ว่าฮุน มาเนตในวัย 45 ปีซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์จากเวสต์พอยต์ จะยังไม่ขึ้นเป็นผู้นำทางการเมืองของประเทศจนกว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2571 หรืออีก 5 ปีจากนี้ไป
แต่ด้วยสุขภาพของฮุนเซนที่ทรุดโทรมลงและสภาพทางการเมืองที่ดูเหมือนจะกำลังเอื้อต่อการเปลี่ยนผ่าน จึงดูเหมือนจะมีการปรับแผนสืบทอดตำแหน่งอย่างกระทันหัน
เพื่อให้ฮุน มาเนตสามารถขึ้นบริหารประเทศในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เร็วขึ้น
ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ด้วยซ้ำไป
แต่การจะให้ฮุน มาเน็ตขึ้นมาคนเดียวไม่น่าจะเพียงพอสำหรับการสร้างฐานอำนาจต่อเนื่อง
จึงจำเป็นต้องให้ลูกหลานของชนชั้นนำในพรรค CPP ขึ้นมาเป็นแผง
เป็นการผลัดใบครั้งใหญ่ทางการเมืองสำหรับกัมพูชา
แน่นอนว่านักวิจารณ์ระบบการเมืองอย่างนี้ย่อมจะมองว่านี้เป็นการเมืองของครอบครัวภายใต้ระบบอุปถัมภ์และการรักษาอำนาจภายใน “ตระกูลฮุน” อย่างปฏิเสธไม่ได้
ทำให้เกิดข่าวหลายกระแสว่าหลังการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกรกฎาคมนี้ หากฮุน มาเนตขึ้นเป็นนายกฯ ก็จะมีการแต่งตั้งรัฐมนตรีชุดใหม่ อายุน้อยที่จะเป็นทีมเดียวกับลูกชายของฮุนเซน
คนรอบ ๆ ตัว หรือ “องครักษ์” เก่าของฮุน เซน หลายคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วันแรกๆ ของการสร้างกัมพูชาหลังการสลายของเขมรแดง จะลงสมัครรับเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมนี้
มีความเป็นไปได้สูงว่าถ้ามาเนตขึ้นมาเป็นนายกฯ ก็ควรตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่
และให้คนรุ่นเก่าไปเล่นบทบาทในสภานิติบัญญัติแห่งชาติแทน
ฮุน เซนเคยพูดไว้เมื่อปีก่อนว่าเขาเห็นด้วยว่าคนวัย 70 ขึ้นควรจะออกจากคณะรัฐมนตรี
ตอนนั้น เขาบอกว่าได้เตรียม “คณะรัฐมนตรีเงา” เพื่อรองรับความเป็นผู้นำของลูกชายแล้ว
สำหรับฮุน เซน แล้ว การตั้งลูกหลานของคู่ปรับเก่าให้เข้ามาอยู่ในแวดวงการเมืองอาจจะเป็นการลดแรงกดดันและความเป็นศัตรูทางการเมืองได้ในระดับหนึ่ง
สองมือขวาของฮุน เซนที่ต้องเตรียมแผนรองรับการผลัดใบครั้งใหญ่คือ เตีย บัญ รัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งดูแลกองทัพและซาร์ เค็ง รัฐมนตรีมหาดไทย ซึ่งควบคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
แต่ทั้งสองก็มีลูกชายที่พร้อมจะรับช่วงต่อเช่นกัน
มีสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่ารัฐมนตรีทั้งสองต้องการให้บุตรชายซึ่งอยู่ในวัย 40 ปีและมีตำแหน่งระดับสูงในรัฐบาลอยู่แล้ว สืบทอดตำแหน่งต่อไป
แต่คู่แค้นของฮุน เซนคือผู้นำฝ่ายค้านที่ถูกเนรเทศไปอยู่ฝรั่งเศสคือ สม รังสีมีความเห็นว่าฮุน เซนคงจะพยายามกอดอำนาจของกระทรวงที่ทรงอิทธฺพลเหล่านั้นเอาไว้เป็นของตนที่จะส่งไม้ต่อให้ลูกชาย
อย่างไรเสียก็คงจะต้องการให้ฮุน มาเนตควบคุมตำรวจ
แต่ในระยะสั้น เขาก็อาจจะยอมให้ทายาทของมือขวาสองสามคนมีตำแหน่งที่มีอำนาจในการบริหารอย่างเป็นรูปธรรมบ้าง
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าฮุน มาเนตต้องการจะคุมกองทัพเอง
เขาเคยให้ความเห็นว่า “หน้าที่ของกองกำลังทหารคือการปกป้องหัวหน้ารัฐบาล”
ฮุน เซนเองก็เคยยืนยันว่าอำนาจตัดสินใจสูงสุดเหนือกองทัพต้องอยู่ในมือของนายกรัฐมนตรี
ฮุน มาเนตได้รับการเลื่อนขั้นในกองทัพอย่างรวดเร็ว
เขามียศเป็นนายพลสี่ดาวในช่วงก่อนที่จะโอนย้ายตัวเองเข้าสู่การเมืองพลเรือน
ส่วนทายาทคนอื่น ๆ ของฮุน เซนก็ได้สร้างสมกลุ่มก้อนที่มีอิทธิพลในแวดวงต่าง
ฮุน มานิธ น้องชายได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้บัญชาการทหารบกในเดือนมีนาคม
และฮุน เมนี สมาชิกรัฐสภาที่ได้รับการเลือกตั้งและเป็นผู้นำกลุ่มเยาวชนของพรรค CPP มีบทบาทที่ได้รับการสนับสนุนเท่าๆ กันจากพี่ชาย
ฮุน มานา และ ฮุน มาลี บุตรสาวของฮุน เซน บริหารอาณาจักรธุรกิจ
นักการเมืองและนักเคลื่อนไหวหลายคนที่ถูกฮุน เซนจับเข้าคุกกำลังได้รับความกรุณาเป็นพิเศษจากฮุน เซนเพื่อลดระดับของความเป็นศัตรูจากฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมาตลอด
แต่สมาชิกนักเคลื่อนไหวที่เป็นกลุ่มฝ่ายค้านที่แข็งแกร่งที่สุดที่เหลืออยู่อย่าง Candlelight Party ก็ยังถูกไล่ล่าและทุบตีด้วยท่อนเหล็กโดยชายที่ไม่ปรากฏชื่อ
อีกทั้งยังถูกรถ SUV พุ่งชนในอุบัติเหตุที่น่าสงสัยว่าเป็นแผนทำลายล้างฝ่ายตรงกันข้ามของรัฐบาล
ไม่แต่เท่านั้น นักการเมืองฝ่ายค้านที่มาจากการเลือกตั้งหลายคนและอีกกว่าสิบคนที่น่าจะเป็นศัตรูทางการเมืองถูกจับขังในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ล่าสุด พรรค Candlelight ก็ถูก กกต. เขมรสั่งถอนสิทธิ์การสมัครรับเลือกตั้งเพราะ “ส่งเอกสารลงทะเบียนช้าเกินไป”
ก่อนหน้านั้น ศาลสั่งยุบพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ในปี 2560 ทำให้พรรค CPP ได้ที่นั่งในสภาทั้งหมด 125 ที่นั่งในการเลือกตั้งระดับชาติครั้งล่าสุดของประเทศในปี 2561
การเมืองกัมพูชากำลังเข้าสู่ฉากใหม่ที่มีตัวละครเป็นทายาทของผู้กุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จมาหลายสิบปี
เป็นอีกตัวอย่างของสมาชิกอาเซียนที่มีระบบการเมืองแบบ “รวมศูนย์อำนาจ” ที่ยังไม่เปิดกว้างให้กับประชาชนมีสิทธิมีเสียงในการมีส่วนร่วมในการบริหารประเทศอย่างแท้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พม่าจะเดินตามรอยเกาหลีเหนือ? ทำไมจึงมีนักวิเคราะห์บางสายตั้งคำถามนี้?
เพราะมีข่าวหลายกระแสที่บ่งบอกไปในทิศทางที่ว่า ผู้นำทหารพม่ากำลังมองคิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือเป็น “แม่แบบ” ของการสร้างอำนาจต่อรองกับประเทศที่พยายามจะกดดันให้ต้องยอมเสียงเรียกร้องให้กลับไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย
สงครามพม่า: ไทยอาจมีสภาพเหมือน ‘โปแลนด์’ ของสงครามยูเครน?
ข้อสังเกตของอาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข ว่าไทยอาจกลายเป็น “โปแลนด์” ในกรณีสงครามกลางเมืองพม่า เป็นประเด็นที่น่าสนใจสำหรับการวางยุทธศาสตร์ของไทยต่อสถานการณ์รอบบ้านเรา
ทำไม IMF กับ Apple ของจีนกันคนละมุม?
สองคนมองสองมุม ผู้อำนวยการ IMF เตือนว่าเศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงมาถึง “ทางสองแพร่ง” ต้องเลือกระหว่างนโยบายในอดีตหรือ “การปฏิรูปตลาด” เพื่อปลดล็อกการเติบโต
ปูติน-เซเลนสกีแลกหมัด กรณีเหตุก่อการร้ายมอสโก
ตกลงใครอยู่เบื้องหลังเหตุก่อการร้ายต่อโรงคอนเสิร์ตชานเมืองมอสโกที่มีคนตายกว่า 130 คนเมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา จนกลายเป็นเหตุการณ์ระดับโลก?
คำเตือนก่อเหตุร้ายมอสโก มาจากตะวันตกก่อน 2 สัปดาห์
สองสัปดาห์ก่อนเกิดเรื่องใหญ่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯเตือนคนของตนในรัสเซียให้หลีกเลี่ยงที่ชุมนุมชนในกรุงมอสโกเพราะอาจจะมีการโจมตีของผู้ก่อการร้าย
จีนกับบทบาทผู้ไกล่เกลี่ย ในสงครามกลางเมืองพม่า
ปฏิเสธไม่ได้ว่า แนวทางของจีนต่อสงครามกลางเมืองพม่าถูกกำหนดโดยผลประโยชน์ของตนเอง