ตรวจสอบตำรวจ

น่าจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการแก้ปัญหา ตำรวจโจร หรือ โจรปลอมเป็นตำรวจ มาหลอกลวง มารีดไถประชาชน สำหรับ แอปแทนใจ เวอร์ชันล่าสุดที่ กรมปทุมวัน ปรับปรุงแก้ไขแอปพลิเคชันแทนใจ นวัตกรรมเพื่อการสื่อสารภายในองค์กรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเวอร์ชันแรก ซึ่งเปิดตัวใช้งานเมื่อเดือนตุลาคม 2564 ในยุค บิ๊กปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร. เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาแอปนี้ขึ้น ครั้งนี้ บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการแอปพลิเคชันแทนใจ เพื่อพัฒนาให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ผู้ใช้งาน มี บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน บิ๊กแรก-พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบช.สกพ.

ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการขับเคลื่อนการพัฒนาแอปพลิเคชัน (Chief Operating Officer) ได้ยกระดับแอปแทนใจ เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกแก่ตำรวจและประชาชนได้ใช้ เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว

บิ๊กแรก-พล.ต.ท.ยิ่งยศ ได้อธิบายแอปแทนใจเวอร์ชันใหม่ มีการยกเครื่องปรับโฉมครั้งใหญ่ พร้อมเปิดตัว 5 ฟีเจอร์ใหม่ โดยมีการปรับเปลี่ยนให้ตอบโจทย์การใช้งานและมีประโยชน์มากยิ่งขึ้น 1.หน้า Home โฉมใหม่ ปรับรูปแบบเพื่อให้แสดงผลเป็นข้อมูลส่วนบุคคล 2.สมุดโทรศัพท์ตำรวจ เพื่อง่ายต่อการค้นหาและติดต่อสื่อสารภายในองค์กร 3.ร้านค้าออนไลน์ เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและเสริมรายได้ให้แก่ข้าราชการตำรวจและครอบครัว 4.จับคู่ย้าย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้พี่น้องตำรวจที่อยู่ไกลบ้าน 5.บัตรข้าราชการตำรวจดิจิทัล เพื่อทดแทนบัตรกระดาษในรูปแบบเก่า มีความทันสมัยและเป็นเครื่องมือยืนยันตัวตนของข้าราชการตำรวจ สร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ให้ประชาชน และในฟีเจอร์นี้ประชาชนยังได้รับประโยชน์จากแอปแทนใจ โดยสามารถตรวจสอบว่าคนนี้เป็นตำรวจจริงหรือไม่ เพียงสแกนคิวอาร์โค้ดผ่านแอปแทนใจ ก็รู้ผลได้ภายใน 3 วินาที...ใครสนใจลองเข้าไปโหลดกันดู

เป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์ที่ต้องสนับสนุนและทำให้เดินหน้าต่อไป โครงการสุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย ที่มี บิ๊กจวบ-พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศจร.ตร.) ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ประชาชนมีความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน นอกจากนี้ยังเป็นการแก้ไขปัญหาภาพลักษณ์ และพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร เช่น การทุจริต การข่มขู่ บุคลิกท่าทางที่ไม่เหมาะสม มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานให้แก่ตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่งานจราจร และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชน ภาคีเครือข่าย และตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนสร้างขวัญกำลังใจให้ตำรวจและหน่วยงานที่ปฏิบัติ ได้ดำเนินการมาระยะหนึ่ง ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ สถิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุบนท้องถนนลดน้อยลง กิจกรรมต่างๆ ได้รับความร่วมมือและการตอบรับจากประชาชนและสังคมเป็นอย่างดี
ทำดีก็ต้องชื่นชม บิ๊กเด่น มอบเกียรติบัตรโครงการ ทำดี มีรางวัล ตำรวจสายตรวจ สภ.สาขลา จากกรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 พ.ค.66 มีคนร้ายเป็นชายไม่ทราบชื่อขับขี่รถจักรยานยนต์และใช้อาวุธปืนพก ขนาด 9 มม. ก่อเหตุชิงทรัพย์ที่ห้างทองเยาวราชบางกอก จังหวัดสมุทรปราการ โดยได้ทรัพย์สินเป็นแหวนทองจำนวนกว่า 600 วง มูลค่าประมาณ 5,600,000 บาท หลังก่อเหตุคนร้ายได้ยิงปืนเพื่อเปิดทางหนีออกจากร้านเนื่องจากประตูนิรภัยล็อกอยู่ และขณะกำลังขึ้นรถจักรยานยนต์เพื่อทำการหลบหนี ส.ต.ท.ตฤณ ทรงการุณย์ และ ส.ต.ต. พิพัฒน์ ธรรมไข ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.สาขลา ได้รับแจ้งเหตุ เมื่อมาถึงจึงได้ตัดสินใจทำการสกัดการหลบหนี และระงับเหตุตามหลักยุทธวิธีสากล จนสามารถระงับเหตุได้ในที่สุด ก่อนประสานมูลนิธิกู้ชีพเพื่อมารักษาคนร้ายที่ได้รับผู้บาดเจ็บในที่เกิดเหตุ จนได้รับคำชื่นชมจากทั้งผู้บังคับบัญชาและประชาชน

เลื่อนออกไปก่อนสำหรับการประชุมสภากลาโหมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพราะ บิ๊กช้าง-พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ติดเข้าเวร ขณะที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ยังอยู่ที่ประเทศสหรัฐฯ ตามกำหนดการประชุม และการเยือนหน่วยงานสำคัญทางการทหารของสหรัฐฯ ขณะที่สภากลาโหมก็ไม่มีวาระอะไรเร่งด่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานสภากลาโหม ก็เลยรอให้ทุกคนพร้อมค่อยเรียกประชุมอีกครั้ง ส่วน โผทหาร ตอนนี้เริ่มดำเนินการกันตามช่วงเวลาปกติ คาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงต้นเดือนสิงหาคม โดยมี รมว.กลาโหมคนเดิมยังนั่งหัวโต๊ะเคาะโผรอบนี้ไปก่อน

เป็นอันชัดเจนว่า สหรัฐฯ ยังไม่ขายเครื่องบินขับไล่ เอฟ-35 ให้กองทัพอากาศไทยตามความต้องการที่เราได้เสนอไป ด้วยเหตุผล 4-5 ข้อตามที่มีข่าวออกไปก่อนหน้านี้ จะด้วยเหตุผลเรื่องการที่สหรัฐฯ พยายามมัดไม่ให้ไทยแตะมือกับจีน หรือเพราะความคลางแคลงใจในเรื่องมาตรการความปลอดภัยการเข้าถึงเทคโนโลยีของอากาศยานตระกูล F ซึ่งอดีตเคยเกิดกรณีระหว่างการฝึกร่วมผสมไทย-จีน FALCON STRIKE การจัดแสดงฝูงบินผาดแผลงเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเป็นเรื่องของธรรมเนียมปฏิบัติที่ชาติมหาอำนาจตะวันตกเคร่งครัด แต่เมื่อย้อนดูแล้วก็จะเห็นว่า แนวทางด้านการทหารของไทยจะให้น้ำหนักพันธมิตรทางทหารอย่างสหรัฐฯ มากกว่าด้วยซ้ำ และพยายาม บาลานซ์ ด้วยการแบกเพื่อนจีนไว้ด้วย ยิ่งตอนหลังจีนให้น้ำหนักเรื่องการทหารเพิ่มขึ้น จากเดิมที่ใช้ยุทธศาสตร์ วัฒนธรรม-เศรษฐกิจเป็นตัวนำ เวลานี้กองทัพของเราจึงต้องระมัดระวัง และเด้งเชือกให้ถูกจังหวะเวลามากขึ้น จึงเชื่อว่าน่าจะมีหลายเหตุปัจจัยมาเป็นองค์ประกอบ โดยเฉพาะศักยภาพด้านงบประมาณของเราเองที่มีแนวโน้มจะถูกตัดทอนอีกในอนาคต อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานและส่วนภาคพื้นสนับสนุน ที่คาดว่าจะยุ่งยากซับซ้อน ซึ่งไทยเองก็มีกรอบบางอย่างที่คงยอมสหรัฐฯ ในการแลกเปลี่ยนไม่ได้เหมือนกัน

แต่ในการฝึกร่วมผสมระดับทวิภาคี “ไทย-จีน” ยังคงเดินหน้าต่อไป โดยเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีการประชุมวางแผนการฝึกผสม Falcon Strike 2023 เบื้องต้น ที่กองบิน 23 จ.อุดรธานี โดยมี น.อ.ณัฏฐ์ คําอินทร์ รองผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกฯ ฝ่ายไทย และ  น.อ.พิเศษ กู่ เฉินตง (Sr.Col.Gu Shengdong) ผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกฝ่ายจีน เป็นประธาน กำหนดการฝึกจะมีขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งที่ผ่านมาก็รับรู้กันว่าไม่มีเครื่องบินของสหรัฐฯ เข้าร่วมฝึกด้วย อีกทั้งการฝึกร่วมผสมขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ภายใต้รหัสคอบร้าโกลด์ ที่ ไทย-สหรัฐฯ เป็นหัวเรือหลัก ก็แค่เปิดโอกาสให้จีนส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมกิจกรรมเฉพาะโครงการช่วยเหลือประชาชน ยังไม่ได้เข้ามาเป็นผู้ร่วมการฝึก-ผู้สังเกตการณ์เหมือนชาติอื่นแต่อย่างใด

เมื่อพูดถึงจีน ทำให้นึกถึง เรือดำน้ำ S26T ที่ต่อให้กองทัพเรือไทย ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องเครื่องยนต์ ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงการทดสอบเครื่องยนต์ CHD620 รุ่นที่ผลิตในจีน จำกันได้ว่า พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้สัมภาษณ์ว่า 3 ข้อสำคัญที่ต้องยึดหลักให้มั่น และเป็นข้อพิจารณาว่าจะเดินหน้าต่อหรือยกเลิกข้อตกลงคือ 1.เครื่องยนต์ต้องมีความปลอดภัย 2. กองทัพเรือจีนต้องให้การรับรองเรื่องนี้ กับกองทัพเรือไทย 3.ต้องมีการชดเชย ในการเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้เหมาะสม ที่กองทัพเรือไทยควรจะได้รับจากการเสียโอกาสที่ได้รับเรือดำน้ำล่าช้า กระบวนการขั้นตอนใกล้เสร็จสิ้น ผู้บัญชาการทหารเรือยังบอกว่า โครงการซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 กับ 3 ต้องชะลอไปก่อน โดยในปี 2567 จะเสนอโครงการจัดหาเรือฟรีเกตสมรรถนะสูงซึ่งถือเป็นลำที่ 2 วงเงินผูกพันงบประมาณ 1.5 หมื่นล้านแทน

หลังจากรับเรือยกพลขึ้นบก ช้าง เข้าประจำการแล้ว วันจันทร์นี้จะมีการทดสอบขีดความสามารถ ในการร่วมฝึกในทะเลของหน่วยต่างๆ ประกอบด้วยการเคลื่อนกำลังจากเรือสู่ฝั่งในปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก การจัดกำลังประกอบด้วย รถสะเทินน้ำสะเทินบก (AAV) ยานเกราะโจมตีแบบ VN16 เฮลิคอปเตอร์ลำเลียง เรือระบายพล (LCM, LCVP) กำลังรบยกพลขึ้นบก  ชุดปฏิบัติการชายหาด นอกจากนั้น ยังมีการทดสอบจัดตั้งโรงพยาบาลสนามบนเรือและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ชุดแพทย์เคลื่อนที่ โดยผู้บัญชาการทหารเรือจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมการฝึกด้วยตัวเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักการเมืองไม่ทำชั่ว...ไม่ต้องกลัวรัฐประหาร

นายกรัฐมนตรี 2 คนที่มาจากตระกูลชินวัตรต้องถูกยึดอำนาจจากการทำรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ทำให้นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นหมายเลข 1 ของตระกูลชินวัตรมีความประหวั่นพรั่นพรึงการทำรัฐประหารของทหารเป็นอย่าง

'หิริ-โอตตัปปะ'คือวาระแห่งชาติ!!!

คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า...ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ความอาย หรือจะเรียกภาษาพระ ภาษาบาลี ประมาณว่า หิริ-โอตตัปปะ ก็คงพอได้ นับวันมันชักเป็นอะไรที่ ขาดแคลน

'เห็นลิ้นไก่' แก้ กม.กลาโหม

ป่วนกันทั้ง "กรมปทุมวัน" หลังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. มีคำวินิจฉัยกรณีตำรวจยศ พ.ต.อ. ตำแหน่งนักบิน (สบ 5) รายหนึ่ง

ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568

ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ

'บิ๊กอ้อ' ลุยปราจีนฯ คุมสางคดีฆ่า 'สจ.โต้ง' มั่นใจหลักฐานพอ ไม่พึ่งวงจรปิด

'บิ๊กอ้อ' บินสางปมยิง 'สจ.โต้ง ปราจีน' เชื่อชนวนเหตุสังหารจากการเมืองท้องถิ่น มั่นใจหลักฐานเพียงพอ แม้วงจรปิดที่เกิดเหตุเสีย