ผู้นำภูมิภาคถามหาบทบาท อาเซียนในวิกฤตภูมิรัฐศาสตร์

ผู้นำเอเชียหลายท่าน รวมทั้งคุณดอน ปรมัตถ์วินัย รักษาการรองนายกฯ   และรัฐมนตรีต่างประเทศ ไปร่วมแสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์โลกเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ความเห็นร่วมกันน่าจะเป็นการหาทางให้เอเชียจับมือกันเพื่อสร้างอำนาจต่อรองและพยายามหลีกเลี่ยงการถูกดึงเข้าความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ

คุณดอนบอกว่าพูดในฐานะคนของรัฐบาลรักษาการ จึงจะพยายามรักษามารยาททางการเมือง

เราจึงไม่ได้ยินว่าทิศทางนโยบายต่างประเทศของไทยหลังการเลือกตั้งจะเป็นเช่นไร

เพราะคุณดอนไม่ได้แตะประเด็นที่อ่อนไหวทั้งหลายที่ไทยต้องเผชิญจากนี้ไป

หรือที่มีเสียงเรียกร้องว่าประเทศไทยต้องหาทาง “กลับสู่จอเรดาร์ของโลก”    หลังจากที่ถูกมองว่าได้ลดบทบาทในอาเซียนและเวทีระหว่างประเทศไปมากพอสมควร

บนเวทีหัวข้อ Future of Asia จัดโดยสื่อ Nikkei Asia ที่โตเกียว คุณดอนบอกว่าภายใต้ความเสี่ยงของความขัดแย้งทางทหาร เอเชียต้องรวมตัวกันและทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมสันติภาพ

คุณดอนชี้ว่า สงครามยูเครน "แสดงให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนสถานภาพที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2"

ความคิดริเริ่มที่สร้างขึ้นหลังสงครามเพื่อรักษาสันติภาพก็ไม่ได้ผลตามเป้าประสงค์

ขณะเดียวกัน การแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ กับจีนได้ทำให้ระเบียบโลกขั้วเดียวแบบเดิมก็มีอันต้องพลิกผัน

คุณดอนตั้งข้อสังเกตว่าวันนี้ประเทศต่างๆ ได้เพิ่มงบประมาณกลาโหมอย่างเห็นได้ชัด

และต่างก็หันไปใช้สกุลเงินและการค้าเป็นอาวุธในการต่อรอง

“แนวทางตาต่อตา ฟันต่อฟัน กำลังทำให้ทุกคนตาบอด”

(The eye for an eye, tit for tat approach is turning everyone blind)

และแนวทางการปรับนโยบายของหลายประเทศเป็น re-shoring และ friend-shoring อย่างต่อเนื่องของห่วงโซ่อุปทาน สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นคงของประเทศมหาอำนาจที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชาติของตนมากขึ้น

ตอนหนึ่ง คุณดอนบอกว่า  "สหรัฐฯ และยุโรปตะวันตกไม่สามารถกำหนดเจตจำนงทางเศรษฐกิจเพียงฝ่ายเดียวต่อประเทศใหญ่ๆ ในเอเชียได้อีกต่อไป"

รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยยืนยันว่า เอเชียมี "สินทรัพย์" ที่สามารถใช้ประโยชน์เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายระดับโลกในปัจจุบัน

เขายืนยันว่า ในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ภูมิภาคนี้ "มีพลังมากขึ้น"

โดยเป็นทั้งศูนย์กลางการผลิตของโลกและตลาดผู้บริโภคที่สำคัญ

รัฐมนตรีดอนกล่าวว่า นี่หมายความว่าภูมิภาคนี้อยู่ในฐานะที่ดีกว่าเดิมในการช่วยแก้ปัญหาระหว่างประเทศโดยไม่ต้องหันไปใช้กำลัง

จึงเสนอให้เอเชียร่วมกันหาออกแบบทางเลือกทางการเมืองแทนความขัดแย้งทางทหาร

และสร้างหนทางแห่งความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมแทนวาทกรรมที่อ้างความเหนือกว่าด้านมาตรฐานศีลธรรมหรือนโยบายคว่ำบาตร

จะเป็นการ “แซะ” สหรัฐฯ กับยุโรปหรือไม่ ไม่ชัดเจนนัก

คุณดอนบอกว่า เพื่อสนับสนุนการค้าเสรี ประเทศไทยกำลังพิจารณาเข้าร่วม CPTPP

“ไม่ต้องสงสัยว่าเราจะเข้าร่วมหรือไม่ เรายินดีเข้าร่วม” คุณดอนเน้นย้ำ

แต่ก็ยอมรับว่ารัฐบาลไทย "ไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่ควรจะเป็น” เพราะยังไม่ได้รับฉันทามตินอกเหนือจากหน่วยงานของรัฐ

ฟังแล้วคงตีความได้ว่าคุณดอนกำลังบอกว่าหน่วยราชการไทยนั้นตัดสินใจแล้วว่าไทยควรจะเข้าร่วม CPTPP แต่ยังมีเสียงคัดค้านจากหน่วยอื่นๆ นอกเหนือระบบราชการ

ซึ่งคงจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ที่จะต้องสร้างความกระจ่างในเรื่องสำคัญ ๆ ต่างๆ เหล่านี้

อีกคนหนึ่งที่แสดงความเห็นบนเวทีเดียวกันที่น่าสนใจคือ รองนายกฯ  รัฐมนตรีสิงคโปร์ Lawrence Wong ซึ่งก็คือทายาททางการเมืองของนายกฯ หลี่เสียนหลง

ประเด็นหลักของเขาคือ หากมีการ “ลดความเสี่ยง” (de-risking แทน decoupling) จากความตึงเครียดทางการเมืองมากเกินไป “เราจะจบลงด้วยเศรษฐกิจโลกที่กระจัดกระจายและแยกส่วนมากขึ้น”

หว่องบอกว่า เขาเข้าใจดีว่าทำไมประเทศและบริษัทต่างๆ ต้องการป้องกันตนเองจากความเสี่ยงท่ามกลาง "ความหวาดระแวงซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง และความไม่ไว้วางใจพื้นฐาน" ระหว่างสหรัฐฯ และจีน

“ไม่มีใครต้องการพึ่งพาซัพพลายเออร์รายเดียวมากเกินไปสำหรับวัตถุดิบ ส่วนประกอบหลัก หรือเทคโนโลยี” เขากล่าว

แต่หว่องย้ำว่า แนวทางนี้อาจนำไปสู่ "ผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจ"

แนววิเคราะห์จากสิงคโปร์เช่นนี้มีขึ้นไม่กี่วันหลังจากกลุ่ม G-7 ประกาศแนวทาง “ลดความเสี่ยงจากจีน” ในการประชุมสุดยอดที่ฮิโรชิมาของประเทศญี่ปุ่น

เป็นแนวทาง “พบกันครึ่งทาง” ระหว่างการแยกขั้วกันโดยเด็ดขาดระหว่างตะวันตกกับจีนที่เรียกว่า decoupling และการพยายามคงไว้ซึ่งระเบียบโลกเดิม

คำว่า de-risking ถูกนำเสนอครั้งแรกโดยแกนนำของสหภาพยุโรปที่พยายามลดระดับการเผชิญหน้ากับจีน

และลดความเสี่ยงที่จะทำให้โลกแยกเป็นสองขั้วอย่างน่ากังวล

แต่รองนายกฯ หว่องแสดงความเป็นห่วงว่าความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจจะ "พัวพันเราเข้าสู่ความขัดแย้งและการเผชิญหน้าอีกครั้ง"

มหาอำนาจ "บอกว่านโยบายของพวกเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลง" หว่องกล่าว

แต่ในความเป็นจริง "พวกเขากำลังโยนบาปให้กันและกัน"

ซึ่งก็เกิดจากแรงหนุนจากแรงกดดันทางการเมืองภายในประเทศของมหาอำนาจเอง

จึงทำให้เกิดการเดินสวนทางกันอย่างที่เห็นอยู่

ด้วยเหตุนี้ หว่องเห็นว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้อาเซียนจะต้อง "เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรด้านการป้องกันและความมั่นคง ทั้งภายในภูมิภาคเอง และกับหุ้นส่วนภายนอกของเราด้วย"

หว่องบอกว่าเขายินดีกับความตั้งใจของญี่ปุ่นที่จะเล่น "บทบาทที่แข็งขันมากขึ้น" ในภูมิภาค รวมถึงความมั่นคงในภูมิภาค ภายใต้แผนเสรีและเปิดกว้างอินโดแปซิฟิกของนายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ

นอกจากนี้ เขายังเสนอว่าเอเชียมีโอกาสที่จะ "พัฒนากลไกระดับภูมิภาคของตนเอง แทนที่จะพึ่งพาสถาบันระดับโลกเพียงอย่างเดียว"

โดยเน้นไปที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียและธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชียที่นำโดยจีน

แต่ก็ต้องมีเรื่องที่ต้อง "ตระหนักว่าสถาบันเหล่านี้ไม่สามารถแทนที่สถาบันระดับโลกที่กำลังพยายามจะฟื้นตัวได้"

และความพยายามของเอเชีย "ต้องเสริมการปฏิรูปในวงกว้างเพื่อเสริมสร้างระเบียบเศรษฐกิจโลก"

สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์กลายเป็นอันตรายมากขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยช่องแคบไต้หวันกลายเป็น “จุดวาบไฟที่อันตรายที่สุดในภูมิภาค” มากขึ้น

ผมนั่งฟังคำปราศรัยของเหล่าผู้นำเอเชียหลายคนบนเวทีเอเชียแห่งนี้แล้ว ก็ยิ่งทำให้เห็นว่าไม่มีใครพูดถึงบทบาทที่จีนพยายามจะเล่นเป็น “ผู้ไกล่เกลี่ยยุติสงคราม” เท่าไหร่นัก

สะท้อนว่าผู้นำในเอเชียยังเห็นโอกาสจะเกิดสงครามครั้งใหม่มากกว่าสันติภาพ

นี่คือประเด็นน่าห่วงที่สุดในวันนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’

ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon  โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ