น้ำเสียงและท่าทีของผู้นำจีนกร้าวขึ้นทุกวัน...ล่าสุดประธานาธิบดีสี จิ้นผิงประกาศว่าจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความมั่นคงที่ 'ซับซ้อนมากขึ้น'
และส่งเสียงเตือนกองทัพจีนว่าปักกิ่งกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ 'เลวร้ายที่สุด'
แปลว่าจีนกำลังมองเห็น “ฉากทัศน์ที่ร้ายแรงที่สุด” ที่เรียกว่า worst-case scenario
และต้องเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เช่นนั้น
เป็นคำเตือนจากสี จิ้นผิงต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งชาติของพรรคคอมมิวนิสต์ที่เด่นชัดที่สุด
นั่นย่อมแสดงว่าจีนไม่หลอกตัวเองและยอมรับว่าการแข่งขันระหว่างจีนกับอเมริกานั้นกำลังวิ่งเข้าสู่ทางตีบตัน
ความหวังที่ความสัมพันธ์ของสองยักษ์จะกระเตื้องขึ้นจากปัจจุบันค่อนข้างริบหรี่เต็มที
เสียงดุดันจากผู้นำจีนล่าสุดมีขึ้นในขณะที่จีนและสหรัฐฯ ยังคงประลองกำลังกันในหลายด้าน
หากตีความหมายของแต่ละวลีของสี จิ้นผิงจะสะท้อนถึงความกังวลของจีนด้านความมั่นคงของชาติที่เขาบอกว่ามัน “ซับซ้อนและหนักหน่วงขึ้น”
เพราะมันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบดำกับขาว แต่มีสีเทาเต็มไปหมด ทำให้การปรับยุทธศาสตร์ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป
นี่คือคำกล่าวของสี จิ้นผิงต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งชาติอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขาได้รับตำแหน่งผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นสมัยที่ 3
ตำแหน่งของสี จิ้นผิงนั้นนอกจากกุมบังเหียนของพรรคและรัฐบาลแล้วก็ยังคุมกองทัพทั้งหมดผ่านคณะกรรมาธิการทหารและเหล่าทัพจีนโดยตรงอีกด้วย
ผู้นำจีนย้ำว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศจำเป็นต้อง “ตระหนักรู้อย่างลึกซึ้งที่สุด” ถึงสถานการณ์ที่ซับซ้อนและท้าทายที่ความมั่นคงของชาติกำลังเผชิญอยู่
ประเด็นความมั่นคงแห่งชาติที่จีนเผชิญอยู่นั้น “ซับซ้อนกว่ามากและยากกว่ามาก” ที่จะบริหารจัดการ
ในขณะที่เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมรับมือกับ “กรณีที่เลวร้ายที่สุดและสถานการณ์ที่รุนแรงที่สุด”
เพื่อสามารถตั้งรับและทนทานต่อ “ลมและคลื่นสูงหรือแม้แต่พายุที่เป็นอันตราย”
สี จิ้นผิงประกาศแนวทางร้อนแรงอย่างนี้ขณะที่จีนกำลังเผชิญหน้ากับสหรัฐฯและประลองฝีมือกันในหลายแนวรบ
ทั้งสองฝ่ายได้เพิ่มการตรวจสอบด้านความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเทคโนโลยี
โดยสหรัฐฯ ได้คว่ำบาตรบริษัทจีนหลายแห่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาโดยอ้างถึงความกังวลด้านความปลอดภัย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ จีนห้ามผู้ประกอบการโครงสร้างพื้นฐานหลักไม่ให้ซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยผู้ผลิตชิปหน่วยความจำของสหรัฐ Micron Technology
โดยอ้างถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ “ค่อนข้างร้ายแรง”
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงของจีนบุกค้นบริษัทที่ปรึกษาและข่าวกรองธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศสองสามแห่ง
รายงานการประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อนที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวซินหัว ระบุว่า จีนจำเป็นต้องเร่งปรับปรุงระบบและขีดความสามารถด้านความมั่นคงของชาติให้ทันสมัย
เพื่อให้แน่ใจว่าใช้งานได้จริงและมีประสิทธิภาพ
เครื่องมือรักษาความปลอดภัยของประเทศได้รับการกระตุ้นให้ปรับปรุงการกำกับดูแลข้อมูลอินเทอร์เน็ตและปัญญาประดิษฐ์
ที่ประชุมยังอนุมัติการดำเนินการอย่างรวดเร็วของระบบการติดตามความเสี่ยงด้านความมั่นคงทั่วประเทศและระบบเตือนภัยล่วงหน้า
หากตีความให้ชัด คำว่า“สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด” อาจรวมถึงสงครามนิวเคลียร์ สงครามทำลายล้างเขตเศรษฐกิจชายฝั่งของจีน
หรือการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกต่อพลังงาน การเงิน และการจัดหาอาหารของจีน
สี จิ้นผิงลังเลที่จะระบุว่าสหรัฐฯ คือต้นเหตุของปัญหาจีน
ที่ส่งสัญญาณว่าการประชุมครั้งนี้มีความหมายเป็นพิเศษเพราะมีสมาชิกสามคนของคณะกรรมการประจำกรมการเมืองหรือโพลิทบิวโรซึ่งเป็นแกนนำหลักของพรรคเข้าร่วม
เช่นนายกรัฐมนตรี Li Qiang, ประธานรัฐสภา Zhao Leji และผู้อำนวยการสำนักงานทั่วไปของคณะกรรมการกลางของพรรค Cai Qi
ส่วนหนึ่งของมาตรการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ทางการจีนได้กำหนดเป้าหมายพลเมืองและผู้ไม่มีสัญชาติที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการจารกรรม
ในเดือนกรกฎาคมนี้ จีนจะบังคับใช้กฎหมายต่อต้านจารกรรมฉบับแก้ไขที่ขยายคำจำกัดความของคำว่า “สอดแนม”
โดยภายใต้กฎหมายใหม่ บุคคลและองค์กรต่างๆ จะถูกดำเนินคดีหากสงสัยว่ามีการรวบรวมหรือแบ่งปันเนื้อหา "ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงหรือผลประโยชน์ของชาติ"
ถือเป็นการกระชับความเคร่งครัดของกฎหมายเพื่อปิดช่องโหว่ทั้งหลายอันพึงมีไม่ให้กลายเป็นจุดเปราะบางของการรักษาความมั่นคง
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสี จิ้นผิงต้องการจะส่งสัญญาณไปสหรัฐฯว่าปักกิ่งจะไม่ยอมถอยเพราะแรงกดดันของสหรัฐฯ และจะพยายามเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งทั้งภายในจีนเองและขยายสมาชิกของ BRICS ที่กำลังจะมีการประชุมสุดยอดที่อัฟริกาใต้ในเดือนสิงหาคมนี้
ซึ่งอาจจะย้ายที่ประชุมมาปักกิ่งเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียอาจจะถูกจับตามหมายของศาลอาญาระหว่างประเทศ
เดิมที รัฐบาลอัฟริกาใต้แนะนำว่าปูตินมาร่วมประชุมผ่านออนไลน์เพื่อหลบเลี่ยงปัญหานี้
ต่อมา ปูตินยืนยันว่ายังไง ๆ ก็จะไปร่วมประชุมตัวเป็น ๆ
รัฐบาลอัฟริกาใต้จึงกำลังพยายามจะหาทางออกที่ดีที่สุดในฐานะเจ้าภาพ
จีนและรัสเซียกำลังพยายามใช้ BRICS เป็นเวทีสร้างความแข็งแกร่งเพื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มก้อนของประเทศทางตะวันตก
ถึงขั้นอาจจะมีการออกเงินสกุลเฉพาะกลุ่มนี้ขึ้นมาใช้ในการทำธุรกิรรมระหว่งกัน
การเรียกประชุมนัดพิเศษของคณะกรรมการธิการทหารโดยสี จิ้นผิงครั้งนี้มีอะไรที่ทำให้ต้องวิเคราะห์กันอย่างลึกซึ้งมากกว่าปกติ
เพราะเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ปกติค่อนข้างแน่นอน
พรุ่งนี้จะพูดถึงระดับความหมางเมินชัดขึ้นระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯและจีนในจังหวะอ่อนไหวนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเวียดนามลุยปลูกข้าว คาร์บอนต่ำ, ไทยเราอยู่ไหน?
ข่าวที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยมาจากเวียดนามหลายเรื่อง
ตัวเลขเศรษฐกิจปีหน้า ยังต้องลุ้นการแจกเงินหมื่น!
ขณะที่เรารอว่ามาตรการ “ปั๊มหัวใจ” ด้วยการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่าน digital wallet ของรัฐบาลเศรษฐานั้น การประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจจากแบงก์ชาติก็ส่งสัญญาณอะไรหลายอย่าง
เริ่มพรุ่งนี้: มาตรการ CBAM ที่กระทบส่งออกไป EU
เส้นตายสำหรับการเริ่มต้นมาตรการของยุโรปอันเกี่ยวกับมาตรฐาน “โลกร้อน” ที่จะกระทบผู้ส่งออกไทยใกล้เข้ามาแล้ว
พักหนี้เกษตรกรรอบนี้จะได้ผล ดีกว่า 13 ครั้งที่ผ่านมาอย่างไร?
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมาตรการ “พักหนี้เกษตรกร” 3 ปีทั้งต้นทั้งดอกแล้ว
ไฉนจาก ‘เลือกตั้งผู้ว่าฯ’ วันนี้ กลายเป็น ‘ผู้ว่าซีอีโอ’?
หนึ่งในนโยบายรัฐบาลที่กำลังได้รับการกล่าวขวัญอย่างกว้างขวางคือ “ผู้ว่าซีอีโอ”
Hard skills, Soft skills ไม่ใช่ Soft power
พอรัฐบาลเศรษฐาประกาศนโยบาย One Family One Soft Power (OFOS) หรือ “หนึ่งครอบครัว หนึ่งซอฟต์เพาเวอร์” คนในหลายๆ วงการก็มีคำถามว่า