กรอบปฏิบัติตำรวจ

น่าจะเป็นอีกหนึ่งกฎ หนึ่งระเบียบ ที่เข้ามาดูแลพฤติกรรมการปฏิบัติงานของ ตำรวจ ให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม สำหรับ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยจรรยาบรรณของตำรวจ พ.ศ. 2566 ที่ราชกิจจานุเบกษาเพิ่งประกาศเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อให้ "ตำรวจ" มีความประพฤติดี สำนึกในหน้าที่ มีคุณธรรม และจริยธรรม ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่ราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล เนื้อหาหลักๆ มีทั้งหมด 6 ข้อ แต่ที่น่าสนใจ ที่น่าจะขยายความ บันทึกไว้ให้ทั้ง ตำรวจ และ ประชาชน รับทราบ เพราะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย คือ "ข้อ 3 ให้ใช้กฎ ก.ตร.นี้ เป็นกรอบแห่งการประพฤติปฏิบัติของข้าราชการตำรวจ ที่มีทั้งหมด 12 ข้อ ดังนี้

(1) ข้าราชการตำรวจพึงยึดถือคุณธรรม จริยธรรม และอุดมคติของตำรวจ เป็นแนวทาง การประพฤติตนและปฏิบัติหน้าที่เพื่อบรรลุถึงปณิธานของการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ อุทิศตนให้แก่ การปฏิบัติหน้าที่ มีความภาคภูมิใจในวิชาชีพตำรวจและกล้ายืนหยัดกระทำในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม เพื่อเกียรติศักดิ์และศักดิ์ศรีของความเป็นตำรวจ

(2) ข้าราชการตำรวจพึงหลีกเลี่ยงและละเว้นจากอบายมุขทั้งปวงหรือกระทำการอื่นใด ที่อาจนำไปสู่ความเสื่อมเสียต่อตนเอง ครอบครัว และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

(3) ข้าราชการตำรวจพึงวางตนให้เหมาะสมและครองตนอย่างพอเพียงสมฐานานุรูป

(4) ข้าราชการตำรวจพึงใฝ่หาความรู้ เพิ่มพูนความรู้ และทักษะในการทำงานอย่างสม่ำเสมอ

(5) ข้าราชการตำรวจต้องยึดถือและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายอย่างเคร่งครัด และยืนหยัดเจตนารมณ์ในการรักษากฎหมายให้ถึงที่สุด

(6) ข้าราชการตำรวจต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และไม่แสวงหาประโยชน์ โดยมิชอบ รวมทั้งไม่ใช้ตำแหน่ง อำนาจหรือหน้าที่ หรือยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่ง อำนาจหรือหน้าที่ของตน แสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือใช้ไปในทางจูงใจ หรือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ การใช้ดุลพินิจ อันเป็นผลให้สูญเสียความยุติธรรม

(7) ข้าราชการตำรวจต้องรักษาความลับของทางราชการ และความลับที่ได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือจากประชาชนผู้มาติดต่อราชการ เว้นแต่เป็นการเปิดเผยเพื่อประโยชน์ในกระบวนการยุติธรรม หรือ การตรวจสอบตามที่กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ กำหนด

(8) ข้าราชการตำรวจต้องถนอมรักษาทรัพย์สินของทางราชการให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย และสามารถใช้การได้ตลอดเวลา โดยระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายหรือสิ้นเปลืองเยี่ยงวิญญูชน จะพึงปฏิบัติต่อทรัพย์สินของตนเอง

(9) ข้าราชการตำรวจต้องตระหนักว่าการใช้อาวุธ กำลัง หรือความรุนแรง เป็นมาตรการ ที่รุนแรงที่สุด โดยอาจใช้อาวุธ กำลัง หรือความรุนแรงได้ต่อเมื่อมีความจำเป็นภายใต้กรอบของกฎหมาย และระเบียบแบบแผน

(10) ในการรวบรวมพยานหลักฐาน การสืบสวนสอบสวน การสอบปากคำหรือการซักถาม ผู้กระทำความผิด ผู้ต้องหา ผู้ที่อยู่ในความควบคุมตามกฎหมาย ผู้เสียหาย ผู้รู้เห็นเหตุการณ์ หรือบุคคลอื่น ข้าราชการตำรวจต้องแสดงความเป็นมืออาชีพโดยใช้ความรู้ความสามารถตามหลักวิชาการ ตำรวจ รวมทั้งใช้ปฏิภาณไหวพริบและสติปัญญาอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง อันธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม และไม่ใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อให้ได้มาซึ่งพยานหลักฐาน

(11) ข้าราชการตำรวจต้องอำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชนอย่างเต็มกำลัง ความสามารถ ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นธรรม เอื้อเฟื้อ มีน้ำใจ และใช้กิริยาวาจาที่ สุภาพอ่อนโยน เพื่อให้ประชาชนมีความเลื่อมใส เชื่อมั่นและศรัทธา

(12) ข้าราชการตำรวจซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ดูแลเอาใจใส่ ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งในด้านการปฏิบัติงาน ขวัญกำลังใจ และสวัสดิการ ตลอดจนปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยหลักการและเหตุผลและเป็นไปตามระบบคุณธรรม ข้าราชการตำรวจต้องเคารพเชื่อฟัง และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยชอบ ด้วยกฎหมาย รักษาวินัยและความสามัคคีในหมู่คณะ และพึงปฏิบัติต่อผู้ร่วมงานด้วยความสุภาพ มีน้ำใจ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี รวมทั้งร่วมแรงร่วมใจในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ประเทศชาติ และประชาชน"

เดินหน้าดำเนินการตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) ประกอบด้วย กรรมการ 7 ท่าน มี พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น, นางสมศรี หาญอนันทสุข, พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม, น.ส.สุกลภัทร ใจจรูญ, นายสุนทร พยัคฆ์, นางอริยา แก้วสามดวง และ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน โดยมี พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม อดีต ผบช.ภ.8 นรต.รุ่น 35 ทำหน้าที่ประธานกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ ซึ่ง ก.ร.ตร. ชุดนี้ จะทำหน้าที่เป็นไม้เป็นมือให้ประชาชนที่ทำการร้องเรียนพฤติกรรมตำรวจต่างๆ มีผลเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.66 เป็นต้นมาแล้ว

ณ วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ รมว.กลาโหม ยังไม่ได้สั่งการให้เหล่าทัพส่ง “โผทหาร” จึงคาดว่าขั้นตอนขบวนการจึงไม่น่าเร็วกว่าเดิมมากนัก แต่หาก กกต.ประกาศรับรองผลตามเกณฑ์จำนวน ส.ส.ได้เร็ว การเดินเข้าสู่ขั้นตอนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รวมถึงการเกาะติดคดีหุ้นไอทีวีของว่าที่นายกฯ ก็อาจจะเร็วขึ้นตามไปด้วย ถึงตอนนั้นสถานการณ์การเมืองคงเข้มข้น พอๆ กับ “โผทหาร" ขึ้นอยู่กับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้สูตรยืดเวลาไปจนถึงเดือน ก.ย.เพราะคาดการณ์ไม่ได้ว่าสถานการณ์จะวุ่นวายหรือไม่ หรือจะปิดบัญชีเร็วก่อนที่คณะบริหารชุดใหม่จะเข้ามา เพราะเกมหลังม่านมีทิศทางที่ดี แต่ดูเหมือนว่าช่วงนี้ ผบ.เหล่าทัพ โดยเฉพาะ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. เลือกที่จะ “สแตนด์บาย” อยู่ กทม. งดภารกิจเดินทางเยือนยุโรป และให้เสนาธิการเดินทางไปเยือนรัสเซียแทน

ขณะที่ “กองทัพเรือ” เกิดคลื่นใต้น้ำลูกมหึมาจากปัญหา แคนดิเดต ที่จะได้ขึ้นเป็น ผบ.ทร. เนื่องจากอายุราชการคู่คี่สูสีกัน ถึงขนาดมี “ใบปลิว” เป็นข้อความส่งต่อผ่านไลน์เปิดแผลกันไปมา เจาะลึกปมประเด็นต่างๆ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงโยกย้ายยุคของ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ซึ่งในตอนนั้นได้สร้างความไม่พอใจให้รุ่นที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก กลายเป็นตำนานศึกในวังเดิมที่ต้องหยิบยกขึ้นมาพูดในวงการทหาร แต่สำหรับ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็น ผบ.ทร.ที่มีลักษณะความเป็นผู้นำสูง กล้าที่จะสื่อสารกับสังคมในทุกกรณี แม้จะถูกวิจารณ์จากสิ่งที่ได้ให้สัมภาษณ์ไป ก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่โยนความผิดให้ใคร ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่า ความความกล้าหาญ และตรงไปตรงมา จะเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจเลือก ผบ.ทร.ที่มีความพร้อมจะปฏิรูปกองทัพให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และตรงตามนิยาม “คนดี” ที่ได้บอกไว้ กล่าวคือมีความรู้ ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ เพื่อดูแลกองทัพเรือต่อไป 

ขณะที่ “กองทัพอากาศ” โผจะนิ่งอยู่ที่สัญญาใจระหว่าง อดีต ผบ.ทอ. กับ พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ.คนปัจจุบัน และน่าจะทำให้ พล.อ.อ.อลงกรณ์ ไม่อยากตอบคำถามสื่อในเรื่องนี้ หลังจากแถลงข่าวทัพฟ้าคู่ไทยเพื่อ “ชัยพัฒนา” เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จึงเร่งฝีเท้าเดินหนีผู้สื่อข่าวขึ้นห้องทำงานไปโดยไว แต่ในงานแถลงข่าว ผบ.ทอ.ชี้แจงความเป็นมาของงานได้ละเอียดยิบ เนื่องจากได้เลือกนักร้องเอง โดยเฉพาะแรงจูงใจในการเลือก “กัน” นภัทร อินทร์ใจเอื้อ หนึ่งในกรรมการของรายการ “เดอะ โกลเดน ซอง” รายการประกวดเพลงลูกกรุงยุคเก่ายอดฮิต พร้อมทั้งกำหนดธีมงานให้มีละครเพลง เดอะมิวสิเคิล เข้ามาอยู่ในรายการแสดงด้วย ในงานแถลงข่าวยังมีการแสดง “มินิคอนเสิร์ต” ขับร้องเพลงฮิตโดยนักร้องรับเชิญ “กบ” เสาวนิตย์ นวพันธ์ ซึ่ง พล.อ.อ.อลงกรณ์ ได้นำโทรศัพท์มือถือเปิดไฟฉาย เชิญชวนผู้ร่วมงานแถลงข่าว โบกไปทางซ้าย-ขวา ตามจังหวะเพลง โดย กบ เสาวนิตย์ ยังเชิญบุตรสาวของ ผบ.ทอ.มาร่วมร้องเพลงช่วงหนึ่งด้วย เรียกน้ำย่อยความสุข สนุกสนานก่อนวันแสดงจริง

สำหรับคอนเสิร์ตทัพฟ้าคู่ไทยเพื่อ ชัยพัฒนา ครั้งที่ 14 นี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Happiness Air Force  โดยเป็นการแสดงศักยภาพทางดนตรีของวงซิมโฟนีออร์เคสตรา กองทัพอากาศ ซึ่งประกอบด้วย นักดนตรี และคณะนักร้องหมู่ประสานเสียงกว่า 80 คน พร้อมกับการแสดงในชื่อชุด สวรรค์บนม่านเมฆ Kingdom in The Sky นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากศิลปินรับเชิญที่มีชื่อเสียง  นอกจาก เสาวนิตย์ นวพันธ์, นภัทร อินทร์ใจเอื้อ ยังมี นภ-นภ พรชำนิ และ ผิงผิง-สรวีย์ ธนพูนหิรัญ ร่วมคอนเสิร์ตด้วย โดยกำหนดจัดการแสดง ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จำนวน 2 รอบ คือวันอังคารที่ 4  ก.ค.66 เวลา 19.00 น. เป็นรอบสื่อมวลชนและบุคคลทั่วไป ผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบัตรได้ที่ กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2534-2103 พร้อมทั้งมีการถ่ายทอดสดทาง www.rtaf.live รอบที่สอง วันพุธที่ 5 ก.ค.66 เวลา 19.00 น. ในการนี้ กองทัพอากาศได้รับพระกรุณาธิคุณจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เสด็จมาทรงเป็นประธาน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เด้ง สารวัตรหญิง ตม. หลัง 'ทนายตั้ม' แฉ!

พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 (ผบก.ตม.3) มีหนังสือคำสั่งกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3

'บิ๊กต่าย' ชี้ตำรวจไซเบอร์ยังต้องทำงานหนัก แม้ภาพรวมจับเว็บพนันได้เยอะขึ้น

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังไม่พอใจผลการปฏิบัติงานของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ก.ตร. ไฟเขียวแต่งตั้ง 43 นายพลสีกากี 'สุรพงษ์ ชัยจันทร์' ผงาดที่ปรึกษาพิเศษตร.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เป็นประธานเพื่อประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 3/2567 โดยมีวาระการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ

ไฟไหม้ห้องทำงาน รองผอ.รร.เมืองตลุงพิทยาสรรพ์  คาดอากาศร้อนทำเบรกเกอร์ช็อต

เกิดเหตุไฟไหม้ห้องรอง ผอ.โรงเรียนมัธยม อ.ประโคนชัย  จ.บุรีรัมย์ ลามไหม้ห้องวิชาการ  เสียหายทั้ง 2 ห้อง  ตรวจสอบพบเบรกเกอร์เครื่องปรับอากาศในห้องรอง ผอ. มีรอยไหม้ คาดไฟฟ้าลัดวงจร บวกกับอากาศที่ร้อนจัด