ตอนที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯแอนโทนี บลิงเกนบินลงปักกิ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีการลุ้นกันว่าเขาจะได้เจอประธานาธิบดีสี จิ้นผิงหรือไม่
เพราะการได้เจอหรือไม่ได้เจอเบอร์หนึ่งของจีนนั้นมีความหมายอย่างยิ่งต่อการวิเคราะห์ว่าจีนต้องการจะส่งสัญญาณไปยังสหรัฐฯและประชาคมโลกว่าอย่างไร
สองยักษ์ยังจะเผชิญหน้ากันต่อหรือจะเริ่มผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างกันเพื่อเดินหน้าต่อในการสร้างความสัมพันธ์ที่จะไม่เขย่าขวัญโลกมากนัก
ผลก็คือบลิงเกนได้เจอกับรัฐมนตรีต่างประเทศฉิน กังก่อน
ตามมาด้วยการได้จับมือและพูดคุยกับหวัง อี้ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของพรรคว่าด้วยนโยบายต่างประเทศ
จากนั้นไม่กี่ชั่วโมง สี จิ้นผิงก็เปิดประตูให้บลิงเกนเข้าพบ และนั่งลงพูดคุยอย่างเป็นทางการ
เป็นการพูดคุยยาวประมาณ 35 นาที และต่างฝ่ายต่างถ้อยทีถ้อยยืนยันว่าจะไม่ “ข้ามเส้นแดง” ของอีกฝ่ายหนึ่ง
นักวิเคราะห์บางคนชี้ให้เปรียบเทียบการที่สี จิ้นผิงต้อนรับบิล เก็ตส์แห่ง Microsoft ที่เพิ่งไปพบเมื่อสองวันก่อนหน้านั้น
กับพิธีกรรมการต้อนรับบลิง เกนที่ดูเหมือนจะให้ความสนิทสนมที่แตกต่างกัน
กล่าวคือผู้นำจีนให้บิล เก็ตส์นั่งคุยสองต่อสองอย่างสนิทสนม
แต่กับบลิงเกน สี จิ้นผิงนั่งหัวโต๊ะ ให้บลิงเกนนั่งที่ถัดไป เสมือนหนึ่งมีการจัดอันดับความสำคัญเบอร์หนึ่งและเบอร์สอง
สะท้อนถึงการที่ฝ่ายจีนต้องแสดงให้เห็นถึงท่าทีของผู้นำหมายเลขหนึ่งของจีนต่ออาคันตุกะที่อยู่ในระดับรัฐมนตรีเท่านั้น
ทุกอย่างมีลำดับความสำคัญสำหรับจีน อยู่ที่การส่งสัญญาณไปให้ผู้มาเยือนว่ามีความสำคัญต่อแนวทางของจีนเพียงใด
ประเด็นหลักที่สี จิ้นผิงกล่าวกับบลิงเกนพอสรุปหลัก ๆ ได้ว่า
จีนและสหรัฐอเมริกามีความคืบหน้าและข้อตกลงในหลายประเด็นซึ่งดีมาก
จีนเคารพผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และจะไม่ท้าทายวอชิงตัน
อนาคตและชะตากรรมของมนุษยชาติขึ้นอยู่กับว่าจีนและสหรัฐอเมริกาสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างถูกต้องหรือไม่
ปักกิ่งหวังว่าสหรัฐฯจะมีท่าทีที่มีเหตุผลต่อจีน
ส่วนบลิงเกนก็กล่าวในที่ประชุมโดยเน้นประเด็นหลักว่า
สหรัฐอเมริกาไม่สนับสนุนเอกราชของไต้หวันและไม่ได้ตั้งใจที่จะขัดแย้งกับจีน
สหรัฐอเมริกาไม่แสวงหาสงครามเย็นและไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศจีน
ตอนที่พบกับหวัง อี้ในฐานะหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการการต่างประเทศของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนนั้น ภาษาที่ฝ่ายจีนใช้ค่อนข้างจะ “กร้าว” กว่า
เป็นไปได้ว่าเบอร์หนึ่งเล่นเกมเบา...ให้เบอร์สองและเบอร์สามโยนหมัดแรงใส่ตัวแทนจากสหรัฐฯก่อน
หวัง อี้เรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดพูดถึง "ภัยคุกคามจากจีน" และยืนยันหนักแน่นว่าปักกิ่งนจะไม่ยอมอ่อนข้อกับปัญหาไต้หวัน
ตอนเจอกับฉิน กัง บลิงเกนก็เจอกับน้ำเสียงต่อว่าต่อขานวอชิงตันอย่างเป็นทางการเช่นกัน
แต่พอมาเจอกับสี จิ้นผิงก็เหมือนพบกับผู้ใหญ่ฝ่ายจีนที่ต้องการจะสอนให้สหรัฐฯประพฤติตัวเสียใหม่...เพราะโลกต้องการเห็นสองมหาอำนาจมีความสัมพันธ์ที่ไม่มีผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของโลก
สี จิ้นผิงจึงย้ำว่าโลกกำลังพัฒนาและเวลากำลังเปลี่ยนแปลง ด้วยเหตุนี้ประชาคมโลกต้องการความสัมพันธ์โดยรวมระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่มั่นคง
ท่านผู้นำจีนบอกว่าการที่จีนและสหรัฐฯ จะเข้ากันได้ดีหรือไม่นั้นย่อมส่งผลต่ออนาคตและชะตากรรมของมนุษยชาติ
โลกอันกว้างใหญ่รองรับการพัฒนาตามลำดับและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของจีนและสหรัฐอเมริกาอย่างเต็มที่
ตอนหนึ่งสี จิ้นผิงบอกว่า
“คนจีนก็เหมือนกับคนอเมริกัน เป็นคนที่เคารพตนเอง มั่นใจในตนเอง และพึ่งพาตนเอง และประชาชนทั้งสองประเทศมีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ความสนใจร่วมกันระหว่างทั้งสองประเทศควรได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง และความสำเร็จแต่ละอย่างถือ เป็นโอกาสมากกว่าที่จะเป็นภัยคุกคามซึ่งกันและกัน...”
สีบอกต่อว่าในปัจจุบัน ประชาคมระหว่างประเทศมักกังวลเกี่ยวกับสภาพที่เป็นอยู่ของความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
ดังนั้น โลกจึงไม่ต้องการเห็นความขัดแย้งและการเผชิญหน้าระหว่างสองประเทศ และไม่เต็มใจที่จะเลือกข้างระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
“พวกเขามองไปข้างหน้า เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและความร่วมมือฉันมิตรระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ทั้งสองประเทศควรจัดการกับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อย่างเหมาะสมด้วยท่าทีที่รับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ ผู้คน และโลก มีส่วนร่วมในสันติภาพและการพัฒนาของโลก และอัดฉีดเสถียรภาพ ความมั่นใจ และความสร้างสรรค์เข้าไปในโลกที่ปั่นป่วน...”
สี จิ้นผิงชี้ว่าการแข่งขันระหว่างชาติมหาอำนาจไม่เป็นไปตามกระแสนิยม
นับประสาอะไรกับการแก้ปัญหาที่สหรัฐฯ เผชิญอยู่เองและความท้าทายที่โลกต้องเผชิญ
เขาเน้นว่าจีนเคารพผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และจะไม่ท้าทายหรือแทนที่สหรัฐฯ
ในทำนองเดียวกัน สหรัฐฯ ต้องเคารพจีนและไม่ทำลายสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของจีน
ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถกำหนดรูปแบบอีกฝ่ายหนึ่งได้ตามความต้องการของตนเอง
นับประสาอะไรกับการลิดรอนสิทธิอันชอบธรรมในการพัฒนาของอีกฝ่าย
สีย้ำว่าจีนหวังเสมอว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะแข็งแรงและมั่นคง
และเชื่อว่าสองประเทศใหญ่สามารถเอาชนะความยากลำบากทั้งหมดและหาทางที่เหมาะสมในการอยู่ร่วมกัน โดยมีความเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
สีบอกบลิงเกนว่าเขาหวังว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะใช้ทัศนคติที่มีเหตุผลและจริงจัง พบกับจีนครึ่งทาง ทำงานร่วมกัน ยึดมั่นในฉันทามติที่ได้รับระหว่างการประชุมกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนในบาหลี
และนำถ้อยแถลงเชิงบวกที่เกี่ยวข้องไปใช้ในการดำเนินการเพื่อสร้างเสถียรภาพและปรับปรุงจีน-สหรัฐฯ ความสัมพันธ์
เห็นไหมว่านี่คือภาษาแห่งเหตุและผลของผู้นำที่เตือนสติคู่แข่งและคู่กรณีที่นิ่มนวลแต่ยืนหยัด
ทำให้บลิงเกนต้องรับปากว่าสหรัฐฯจะไม่ช่วยไต้หวันประกาศเอกราช และไม่มีความประสงค์ใด ๆ ที่จะคุกคามจีน
ข้อสรุปที่นำไปสู่ความหวังว่าการสื่อสารระหว่างสองประเทศจะกระเตื้องขึ้นก็คือการที่ฉิน กังรับปากว่าจะไปเยือนวอชิงตันในเร็ว ๆ นี้
อย่าเพิ่งคิดว่าสองยักษ์จะจูบปากกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันครับ
นี่เป็นเกมของมหาอำนาจที่จะต้องกดปุ่ม “หยุดชั่วคราว” เพื่อประเมินขุมกำลังของอีกฝ่ายหนึ่งก่อนที่จะควักเอาอาวุธร้ายแรงของตนออกมา
โปรดติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


