มีโอกาสได้พูดคุยกับตำรวจระดับ “นายพัน” หลายๆ คน ซึ่งไม่ใช่พวกมีเส้น มีสายอะไรมากนัก จะเรียกเป็นพวก “เอางาน” เข้าสู้ก็ไม่ผิดนัก ถึงคำสั่งแต่งตั้ง สารวัตร (สว.)-รองผู้กำกับการ (รอง ผกก.) ที่เพิ่งคลอดออกมาเมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา
เกือบทั้งหมดก็เข้าใจสัจธรรมแวดวง “สีกากี” ที่หนีไม่พ้นระบบอุปถัมภ์ ใครมีเส้น มีสาย มีชาติตระกูล มีตั๋วระดับบิ๊กๆ ก็ได้รับการแต่งตั้งไปอยู่ตำแหน่งดีๆ เก้าอี้สำคัญๆ หน่วยงานระดับเกรดเอ
ใครพลาดเป้าหมายในการขอแต่งตั้งโยกย้าย ก็อาจถูกแต่งตั้งไปอยู่ในตำแหน่งเยียวยาจิตใจ หรือได้อยู่ที่เดิม ในฐานะที่อุตส่าห์มีตั๋ว พวกนี้ไม่ต้องพูดถึง เพราะต่างสมหวังกันไปไม่มากก็น้อยตามขนาดตั๋ว
ส่วนใครไม่มีเส้น ไม่มีสาย แต่มีผลงาน นายอยากเอาไว้ใช้ทำงาน (เฉพาะงานล้วนๆ) หรือกฎระเบียบบังคับให้ต้องได้รับการแต่งตั้งสูงขึ้น ก็ไปอยู่ในตำแหน่งที่พวกมีเส้นมีสายไม่อยากไปอยู่
เป็นวัฏจักรที่ดูเหมือนทุกคนจะเข้าใจและยอมรับชะตากรรม!!!
แต่สิ่งที่ตำรวจไร้เส้น ไร้สาย ไม่เข้าใจ ไม่อยากจะยอมรับ และอยากสะท้อนให้ “ผู้บังคับบัญชา” ได้รับรู้ ได้รับฟังบ้าง
คือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตำรวจที่อยู่ในตำแหน่งธรรมดา ที่แทบจะไม่มีผลประโยชน์อะไรเป็นพิเศษ แต่ต้องถูกเตะออกจากตำแหน่ง เนื่องจากต้องใช้ตำแหน่งนี้เยียวยาพวกที่โดนเตะออกจากตำแหน่งเดิม เนื่องจากถึงจะไม่ใช่ตำแหน่งที่มีผลประโยชน์ แต่ก็ยังมีที่ตั้งของที่ทำงาน อยู่ในทำเลที่ใกล้บ้าน ใกล้นาย หรือเพื่อที่จะมาเอาอาวุโสในหน่วยงาน
ตำรวจเหล่านี้ต่างไม่รู้ตัวและไม่เคยรู้ปลายทางว่าจะต้องถูกส่งออกไปดำรงตำแหน่งที่ใด หลายคนถูกแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งในงานที่ตนเองไม่ถนัด หลายคนถูกแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งในพื้นที่ที่อยู่ไกลออกไปจากภูมิลำเนา
“ไอ้ที่ป่าวประกาศว่าเป็นตำรวจอยู่ที่ใดก็ทำงานได้ มันเป็นแค่คำพูดสะกดจิตที่เอาไว้พ่นใส่หน้าลูกน้อง เพราะคนที่มีอำนาจที่ทำอย่างนี้ไม่เคยโดนกับตัวเอง เอาแค่ความเดือดร้อนของครอบครัวที่ต้องพรากจากพ่อแม่ลูกเมียก็หนักแล้ว ไหนจะค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไหนจะความเสี่ยงในการเดินทางกลับบ้านที่มีเพิ่มขึ้นมาอีก แบบนี้ถึงจะไม่ผิดกฎ ไม่ผิดระเบียบ แต่ก็ถือว่าได้ทำบาปให้กับชีวิตตำรวจคนหนึ่ง
ยิ่งในกรณีที่เตะคนออกจากตำแหน่งเดิม ทั้งๆ ที่เขากำลังจะมีอาวุโส สามารถแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสูงขึ้นได้ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า แล้วส่งออกไปในหน่วยที่ต้องไปมีอาวุโสต่อท้ายลงมาอีกหลายปี แบบนี้คนที่โดนเตะออกมาเขาจะมีสภาพจิตใจอย่างไร
อีกกรณีหนึ่งที่ต้องพูด คือการแต่งตั้งคนมาลงในงานอำนวยการต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมามักจะมีคำพูดหวานๆ จากพวกนายๆ ว่างานอำนวยการถือเป็นงานที่มีความสำคัญ ถือเป็นหัวใจของผู้บังคับบัญชา แต่การแต่งตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา ตำแหน่งในงานอำนวยการ คือที่แก้ไขปัญหาในการแต่งตั้งของผู้บังคับบัญชา การจัดคนมาลงไม่เคยคำนึงถึงความรู้ความสามารถ หรือความสมัครใจของคนที่จะมาดำรงตำแหน่งต่อภารกิจหน้าที่ในงานนั้นๆ ทำให้เกิดการผิดฝาผิดตัวขึ้นเป็นประจำ”
เป็นตำรวจอยู่ที่ไหนก็เป็นตำรวจ ต้องทำงานได้ทุกที่ ตำรวจไร้เส้น ไร้สาย ได้ยินทุกปี และก็อยากถาม “นาย” กลับ ทำไมเด็กเส้น เด็กนาย ลูกหลานผู้มีอำนาจ ไม่คิดเช่นนี้กันบ้าง
เฮ้อ...รับรู้ รับฟัง แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เอวัง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หรือทิ้งทวน?
ดูเหมือนสำนวนไทยที่ว่า "ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา" กำลังถูกนำมาค่อนแคะ เหน็บแนม การแต่งตั้งโยกย้าย "ตำรวจ" ทั้งในระดับ "นายพล" และระดับ "นายพัน" ที่ผ่านมา
ตำรวจไม่เลวไปหมด
ใครจะว่า ใครจะกล่าวหา "ตำรวจ" เป็นองค์กรอาชญากรรม คนพูด คนกล่าวหาก็รู้อยู่แก่ใจ เพราะตัวเองก็เคยอาศัยชายคา อาศัยร่มเงาองค์กร "ตำรวจ" มาเกือบครึ่งค่อนชีวิต
'200 สีกากี' หนาว!
มาพร้อมกับอากาศเย็นๆ ปลายเดือนพฤศจิกายน อาการ "หนาวสะท้าน" ในแวดวง "สีกากี" ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการแต่งตั้ง "นายพัน" วาระประจำปี 2568
ขยายเก้าอี้ 'นายพัน'
หากไม่มีเรื่อง "สาวไส้ให้กากิน" อย่างกรณี "ตำรวจ" แฉ "ตำรวจ" บางกลุ่ม บางพวก บางคน เข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับผลประโยชน์ เกี่ยวข้องกับการรับส่วย
องค์กรอาชญากรรมหรือ?
เห็นด้วยกับท่าที ผบ.ตร.-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ที่ไม่ออกมาตอบโต้ ออกมาโต้เถียง กับข้อกล่าวหาของ "อดีตตำรวจใหญ่" ที่บอกผ่านสื่อว่า "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" เป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย!!!
ตั้ง 'นายพล-นายพัน'
น่าจะต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ "กรมปทุมวัน" อีกครั้ง การแต่งตั้ง "สีกากี" จะมีทั้ง "นายพล" และ "นายพัน" เกิดขึ้นภายในเดือนเดียว


