เอสเอ็มอีใช้“มาร์เทค”อัปสกิลธุรกิจ

ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าไปมาก และเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันของผู้คน ทำให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ธุรกิจต่างๆ ต้องปรับตัวตามเพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที ทางด้านการตลาดก็มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงยุค 4.0 ซึ่งเป็นยุคการตลาดดิจิทัล มีการใช้โซเชียลมีเดียมากขึ้น และได้พัฒนามาสู่ยุค 5.0 ที่มีการนำเทคโนโลยีและข้อมูลจำนวนมหาศาลมาช่วยในการวิเคราะห์ เพื่อตอบสนองและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค ถือเป็นยุคของการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยดาต้า โดยเรียกว่า “Technology for Humanity”

ในช่วงที่ผ่านมา วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือซีเอ็มเอ็มยู (CMMU) ได้เผยผลสำรวจมุมมองของเอสเอ็มอีไทยต่อเครื่องมือ MarTech พบว่ามีเอสเอ็มอีถึง 68% ที่เคยได้ยินคำว่า MarTech แต่มีเพียง 29% เท่านั้นที่เคยนำ MarTech มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ

โดยเครื่องมือ MarTech ที่เอสเอ็มอีนิยมใช้ 5 อันดับแรกคือ Meta Business Suite, Google Analytics, Google Ads, Line Official Account และ CHOCOCRM โดยในช่วงระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมานั้น พบว่าเครื่องมือ MarTech เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดกว่า 7,000% อีกด้วย

บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ระบุว่า ข้อมูล หรือ Data ต่างๆ ที่อยู่ในมือผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภค การจับจ่ายใช้สอย สถานที่ที่ลูกค้าซื้อของ และอื่นๆ อีกมากมาย ถือเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจและถือเป็นหัวใจหลักของการทำธุรกิจ โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาร่วมกับการทำการตลาด กลายเป็น “Marketing Technology” หรือเรียกย่อๆ ว่า “MarTech” ซึ่งมีคำนิยามว่า เป็นชุดของเทคโนโลยีที่มีการบูรณาการ เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้งานด้านการตลาด 

จะเห็นได้ว่า ธุรกิจเอสเอ็มอีไทยในยุคนี้มีการเติบโตค่อนข้างสูง หรือมีจำนวนมากถึง 3.178 ล้านราย คิดเป็น 99.57% ของจำนวนวิสาหกิจทั้งประเทศ ทำให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น 71.86% และทำให้จีดีพีของเอสเอ็มอีมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 35.2% ของจีดีพีรวมของประเทศ จากตัวเลขทั้งหมดเห็นได้ว่าธุรกิจมีความน่าสนใจและสามารถเติบโตอีกได้ โดยใช้ MarTech เข้ามาสนับสนุนเพื่อพัฒนาเอสเอ็มอีไทยให้ก้าวทันธุรกิจในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับนานาชาติ ซึ่งในการศึกษาครั้งนี้ได้ศึกษาผ่านกลุ่มตัวอย่างเอสเอ็มอี 51 ราย แบ่งเป็นภาคการค้า 40% ภาคการบริการ 38% และภาคการผลิต 22%

ขณะเดียวกันยังมีการศึกษาจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้าน MarTech ทั้งหมด 16 ราย โดยแบ่งเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ 43.75% และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องมือ MarTech 56.25% จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า MarTech มีประโยชน์ต่อเอสเอ็มอีเป็นอย่างมาก โดยสามารถแบ่งได้เป็น 4 ด้าน คือ 1.การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำการตลาด 2.การลดระยะเวลาในการทำงาน ทำให้งานเร็วขึ้น และลดความผิดพลาดจาก Human Error 3.การพัฒนาธุรกิจ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และเพิ่มการลงทุนขยายธุรกิจ 4.การสร้างระบบการทำงานให้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ MarTech จะช่วยเชื่อม Customer Journey ของลูกค้าในจุดต่างๆ ที่เราสามารถเจอลูกค้าได้ เพียงแค่ต้องรู้ว่าลูกค้าอยู่ในขั้นไหนของ Journey

โดยการเดินทางบนเส้นทางการตลาดของลูกค้าหลักๆ มีอยู่ 5 ขั้นตอน คือ Aware สร้างการรับรู้ถึงสินค้าและบริการ Appeal ดึงดูดความสนใจจนอยากทำความรู้จัก Ask นำเสนอคำตอบของคำถามเพื่อให้ตัดสินใจ Act ตัดสินใจซื้อ และ Advocate แนะนำให้เกิดการบอกต่อ แต่ละจุดสามารถนำ MarTech Tools มาใช้ประกอบการทำการตลาดได้ตามความสามารถของแต่ละเครื่องมือ เมื่อลูกค้ามีความสนใจจะเกิดการถามหาข้อมูลในขั้น Ask การมีแชตบอตเข้ามาจะช่วยตอบคำถามและวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งจะช่วยทุ่นแรงในการทำงานได้เป็นอย่างดี 

แน่นอนว่าการเลือกเครื่องมือ MarTech มาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสมกับธุรกิจก็มีส่วนสำคัญ โดยจะต้องสำรวจธุรกิจของตนเองเพื่อให้ทราบถึงปัญหา (Pain Point) และความจำเป็นในการใช้ MarTech เปรียบเสมือนเป็นการวินิจฉัยโรค ถ้าวิเคราะห์ได้ตรงจุดก็สามารถรักษาได้ถูกต้อง พร้อมกับเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง เพื่อให้แก้ปัญหาที่วิเคราะห์ออกมาให้ได้อย่างตรงจุดมากที่สุด และควรเลือกเครื่องมือที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เตรียมความพร้อมทั้งในด้านทีมงานที่มีความสามารถและเข้าใจการใช้เครื่องมือ MarTech เพื่อทำให้การใช้เครื่องมือเกิดประโยชน์กับธุรกิจมากที่สุด และในด้านงบประมาณซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในช่วงที่กำลัง Transform ธุรกิจ และต้องทดลองใช้งานเครื่องมือเพื่อดูความเหมาะสมในการใช้งาน ตรวจสอบดูระหว่างทดลองใช้ว่าเครื่องมือที่หยิบมา เหมาะกับบริบทขององค์กรมากน้อยเพียงใดก่อนนำมาใช้งานจริง.

 

รุ่งนภา สารพิน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผนึกพลังพัฒนากำลังคน

ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว และการแข่งขันด้านต้นทุนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คำถามสำคัญของอุตสาหกรรมไทยไม่ใช่เพียง “จะผลิตอย่างไรให้ได้มากขึ้น” แต่คือ “จะสร้างคนและองค์ความรู้แบบใดให้ยืนระยะในเวทีสากลได้จริง”

ปีใหม่เป้าลดอุบัติเหตุ 5%

ช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ประชาชนจำนวนมากออกเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และมักตามมาด้วยความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุทางถนน

เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่

ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน

องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน

ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)

แรงงานคืนถิ่น:ทางเลือกที่เป็นโอกาส

‘การเคลื่อนย้ายแรงงาน’ จากภูมิลำเนาเข้าสู่จังหวัดเศรษฐกิจเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม

ดันไทย-ญี่ปุ่นปักธงอุตสาหกรรม

ในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ความสามารถของประเทศในการปรับตัวและสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ที่เน้นมูลค่าสูงและมาตรฐานที่เข้มงวด