"สั่งงานวันนี้ เสร็จเมื่อวาน"

"สั่งงานวันนี้ เสร็จเมื่อวาน" ถือเป็นวลีเด็ดและต่อมากลายไวรัล ที่โลกออนไลน์กำลังกล่าวถึง  หลัง  "มท.หนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) ตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับวิธีการทำงานของตัวเองระหว่างเข้ากระทรวงมหาดไทยครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ก.ย. หลังได้รับโปรดเกล้าฯดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี 

โดยมีธงใหญ่การทำงานคือ "ทันโลก ทันสมัย และทันท่วงที" 

  "ผมเป็นคนทำงานวันนี้ สั่งงานวันนี้ ต้องเสร็จเมื่อวาน เพราะงั้นก็ขอให้ทุกคนได้มีความมั่นใจ" 

วลีดังกล่าวนี้  สะท้อนมาจากตัวตนของเขา  ที่เปรียบเปรยกันว่า "ใจเย็นเป็นไฟ"  ดูเหมือนจะใจเย็น แต่เวลาติดตามงานใจจะร้อนเหมือนดังไฟที่ร้อนแรง   

ไม่เพียงแค่ติดตามงานเท่านั้น  ภารกิจต่างๆที่มอบหมายไปแล้ว จะต้องเสร็จโดยเร็ว หรือ เสร็จก่อนกำหนดที่จะเอยปากทวงถามด้วยซ้ำ   หรือหากเจออุปสรรคก็ต้องไปหาวิธีแก้ไขให้สำเร็จ  และ ที่สำคัญต้องพร้อมทำงานตลอดเวลา 7 วัน 24 ชั่วโมง

ผู้ที่เคยผ่านงานมากับ "อนุทิน"จะ เข้าใจวลีคำพูดนี้ดี และเมื่อฝ่ายปฏิบัติเล็งเห็นปัญหา หรือ อ่านสถานการณ์ข้างหน้าอะไรจะเกิดขึ้นแล้ว  ก็จะรีบไปแก้ไขสถานการณ์ทันที  โดยไม่ต้องรอให้ถาม  หรือรอสั่งการแต่อย่างใด  หรือ เรียกได้ว่า "เห็นหน้าก็รู้ใจ"ทันที   ไม่ต้องรอให้พูดเยอะเจ็บคอ      

ขณะที่ "ปลัดเก่ง" หรือ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยตีความวลีดังกล่าวของมท.1 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศได้ฟัง เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา  โดยถือเป็นเครื่องเตือนใจว่า “ต้องทำงานเชิงรุกด้วยความรวดเร็ว"

" คนมหาดไทย ยุคใหม่นี้  ต้องเร่งรัด ติดตามการขับเคลื่อนงาน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกภาคส่วนได้ช่วยกันทำหน้าที่ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน และพวกเราในฐานะข้าราชการประจำ จะต้องมุ่งมั่นทุ่มเททำงานแบบรองเท้าสึกก่อนกางเกงขาด มีใจ มี Passion ในการทำงานโดยไม่ยึดถือเรื่องเวลา และอุปสรรคเป็นข้อจำกัดของการทำงาน "  

 

  ใครรู้ใจ  และ รู้ทาง  "มท.หนู" เช่นนี้ รับรองทำงานร่วมกันได้สบาย (อิอิ)

 

ช่างสงสัย.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อำลา‘ก.ท่องเที่ยวฯ’

เป็นช่วงเวลาของการอำลาตำแหน่งและการย้ายกระทรวงของบรรดารัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่บางคนต้องออกไปถาวร หรือบางคนแค่ย้ายกระทรวง ทำให้ช่วงนี้เห็นบรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นของบรรดาข้าราชการกระทรวงต่างๆ ที่จัดงานอำลาให้กับเจ้ากระทรวงของตัวเอง

ไม่ได้หมายถึงเรื่องใด

ช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นั้นเป็นที่วิพาษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อ อ. ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ ศาสตราภิชานประจำคณะนิติศาสตร์

สายล่อฟ้า

ปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐา1/1 เกิดเหตุตามหลังมากกมาย ที่กล่าวขานกันมากก็กรณี “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ลาออกจากการเป็นรมว.ต่างประเทศ เรียกว่าทุกสายตาคอการเมืองพุ่งเป้าไปที่นั่น

“วันสบายๆ”

การเมืองช่วงนี้ร้อนแรงไม่แพ้กับอากาศจริงๆ เพราะนอกจากจะร้อนแล้วยังระอุไปทั่ว ทั้งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงรายชื่อรัฐมนตรี ทั้งพ้นความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยมีชื่อที่คุ้นหน้าคุ้นตากันหลายชื่อ

บันทึกหน้า 4

ควันหลงการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 เกิดดรามามากมาย โดยเฉพาะจากคนที่ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่พ้นกระทรวงสาธารณสุข กลับไปทำงาน สส. รวมถึงกรณี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่หลุดจากตำแหน่งรองนายกฯ

นิ่งแบบนี้มีลุ้น

ช่วงตั้ง ครม.เศรษฐา 1 ใหม่ๆ หลายคนคาดการณ์ สมศักดิ์ เทพสุทิน คงนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่ทำเนียบรัฐบาลไม่นาน เพราะถนัดงานกระทรวงมากกว่า