
บันทึกไว้เลย
พุธ ๑๓ กันยา.๖๖ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๙ ปีเถาะ
เข็มนาฬิกา "รัฐบาลเศรษฐา" ในระบบราชการ
กระดิก นับ ๑ เดินนนน!
ประชุม ครม.นัดแรก "ทำทันที" ตามสัญญาเพื่อไทย ก็กระจุ๋มกระจิ๋มออกมาตามนั้น
ลดค่าไฟ ค่าดีเซล พอขำๆ ส่วนประเด็นน่าคุย มีซัก ๒-๓ ประเด็น เช่น
-แต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ ยึดเอาแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ
โดยใช้ "เวทีรัฐสภา" หารือรูปแบบ-แนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติ
เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนร่วม "ออกแบบกฎกติกา" ที่เป็นประชาธิปไตยร่วมกัน
-ให้เปลี่ยนการจ่ายเงินข้าราชการจากเดือนละ ๑ รอบ เป็นเดือนละ ๒ รอบ คาดว่าจะเริ่มใช้ ๑ ม.ค.๖๗ เป็นต้นไป
เอาเรื่องเหี้ยนกระหือรือ เขียนรัฐธรรมนูญ "ฉบับทักษิณาธิปไตย" กันก่อน
มติ ครม.เศรษฐา มอบ "นายภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ เป็น "แม่งานใหญ่"
ที่อยากรู้กันมาก แก้เพื่อเขียนใหม่ไปในแนวทางไหน?
ทำทั้งหมดในรัฐสภา โดย สส.-สว. เพื่อไม่ต้องเปลืองงบประมาณต่างหากโดยใช่เหตุ
หรือตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เปิดช่องให้คน "คอส้ม-คอแดง" เข้ามาเขียนตามแนวปฏิรูปคือปฏิวัติ ชนิด "ขุดรากถอนโคน"
ซึ่งใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า ๓ หมื่นล้านบาท ภายในระยะเวลาประมาณ ๓ ปี
ตามพิมพ์เขียว "เปลี่ยนประเทศ" ในแผนอำพรางผ่านรัฐธรรมนูญ "ฉบับทักษิณาธิปไตย"!
มติ ครม.เมื่อวาน มีออกมาว่า.......
"ให้ยึดแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญ" เป็นสำคัญ
"เป็นมวย" แฮะ!
เพราะถ้าจำกันได้ ในสมัยที่แล้ว การประชุมรัฐสภา เมื่อ ๙ กุมภา.๖๔
นายไพบูลย์ นิติตะวัน สส.พรรคพลังประชารัฐและนายสมชาย แสวงการ สว.
เสนอรัฐสภาขอมติ ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ
เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม ของสมาชิกรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๒๕๖ (๑)
ประธานรัฐสภาชวน ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย และศาลฯ รับไว้พิจารณา พร้อมให้ผู้เกี่ยวข้อง คือ
-นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ
-นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
-นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ และ
-นายอุดม รัฐอมฤต อดีต กรธ.
ทำความเห็นเป็นหนังสือต่อกรณีปัญหาดังกล่าว เสนอศาลฯ เพื่อนำไปประกอบการวินิจฉัย
และศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก วินิจฉัยว่า
"รัฐสภา มีอำนาจหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องให้ประชาชน ผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ได้ลงประชามติเสียก่อน
ว่าประชาชน ประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่?
และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว
ต้องให้ประชาชน "ลงประชามติ" เห็นชอบหรือไม่ กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง"
นี่ เส้นทางเดินไปสู่การเขียนรัฐธรรมนูญ "ฉบับทักษิณาธิปไตย" ก็ต้องยึดตามขั้นตอนนี้
ก็จะเห็นว่า ศาลฯ ระบุเพียง "รัฐสภามีอำนาจหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้"
แต่ไม่ได้บอกว่า...
"ให้จัดทำโดยรัฐสภา" หรือ "ตั้ง ส.ส.ร.จัดทำก็ได้หรือไม่ได้?"
เพียงบอก ให้ต้องทำประชามติ ถามความต้องการประชาชนก่อนเท่านั้นว่า ต้องการมี หรือไม่ต้องการ
ตรงนี้ ครม.จึงให้ตั้ง "คณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ" ขึ้น
และให้ทำในรัฐสภา หมายถึง "สส.-สว." ๗๕๐ คน ต้องหารือตกลงกันใน ๒ ประเด็น
ประเด็นแรก เรื่องทำประชามติ ถามประชาชนก่อนว่า
"ต้องการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มั้ย?"
ประเด็นที่สอง สมมุติว่า มติส่วนใหญ่ ต้องการให้มี
ที่ประชุมรัฐสภา ก็ต้องหารือตกลงกัน
จะเอารูปแบบ-แนวทางไหน ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ก.จัดทำกันเองในรัฐสภา หรือ
ข.ตั้ง ส.ส.ร.เขียนแทน?
สมมุติ รัฐสภามีมติให้ตั้ง ส.ส.ร.เขียน ก็ร่าง "กฎ-กติกา" การได้มาซึ่ง ส.ส.ร. จากนั้น ก็ให้เขาเขียนกันไป
เรา-ชาวบ้าน ก็มีหน้าที่ก้มหน้า-ก้มตาเสียภาษีให้เขาเอาไปกิน-ไปนอนร่างกัน ไม่หนี ๒-๓ หมื่นล้านบาท
สมมุติ ส.ส.ร.เขียนเสร็จแล้ว ก็ต้องนำร่างรัฐธรรมนูญ "ฉบับทักษิณาธิปไตย" นี้ ไปทำประชามติอีก
คือ เผยแพร่ให้ประชาชนอ่านทั่วๆ กัน อ่านแล้วถูกใจ-พอใจ หรือไม่ถูกใจ-ไม่พอใจ ก็ให้ประชาชน "ลงประชามติ"
ว่า....จะเอาหรือไม่เอา?
นี่คือเส้นทาง, วิธีการไปสู่การเขียนรัฐธรรมนูญ "ฉบับทักษิณาธิปไตย" เพื่อนำมาใช้แทน รัฐธรรมนูญ "ฉบับปราบโกง" ณ ปัจจุบัน
ประเด็นที่อยากรู้กันมาก ว่าจะแก้ไขคือเขียนใหม่ในรัฐสภา หรือจะตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมาเขียน คำตอบก็เป็นดังนี้
จะให้ตั้่ง ส.ส.ร.ผลาญอีก ๒-๓ หมื่นล้าน เพื่อเขียนรัฐธรรมนูญ "ฉบับทักษิณาธิปไตย" หรือไม่?
คำตอบ จึงอยู่ที่ใจ สส. ๕๐๐ และ สว. ๒๕๐ คนนั่นแล!
ทีนี้ มาถึงเรื่อง.......
ครม.เศรษฐา จะเปลี่ยนการจ่ายเงินข้าราชการจากเดือนละ ๑ รอบ เป็นเดือนละ ๒ รอบ ตั้งแต่ ๑ ม.ค.๖๗ เป็นต้นไป
ผมไม่เคยอยู่ในระบบราชการ จึงไม่ทราบวงจร "ชีวิตเงิน-ชีวิตงาน" ของข้าราชการ
ทราบแต่ว่า "เงินเดือน" คือเงินที่ข้าราชการจะได้รับตอบแทนการทำงาน ตอนสิ้่นเดือน เดือนละครั้ง
เมื่อต้องคุย.......
ก็จะใช้ประสบการณ์ "เสี่ยใหญ่ไทยโพสต์" ที่ต้องจ่ายเงินเดือนพนักงาน จนพอรู้ "วงจร" การใช้เงินของมนุษย์เงินเดือน
เข้าใจว่า คงไม่ต่างวงจรกันซักเท่าไหร่
จะต่างก็ตรง บริษัทที่มีคนไม่เกิน ๒๐๐ ซึ่งไม่ยาก แต่กับข้าราชการและคนในระบบราชการ ที่มีมากระดับ ๒-๓ ล้านคนนี่
การจะเปลี่ยนจาก "สิ้นเดือน-เงินเดือนออก" ที่ใช้กันมานานเป็นร้อยๆ ปี จนเป็น "วงจรชีวิต" ข้าราชการ เป็น "๑๕ วันครั้ง" ในหนึ่งเดือน นั้น
คนสั่ง "สั่งง่าย"
แต่คนทำใน "ระบบเงิน-ระบบบัญชี" พูดได้คำเดียว "ยุ่งตายห่ะ"!
ต้องเข้าใจว่า เงินแต่ละก้อนที่ใช้แต่ละกรณีในแต่ละเดือนนั้น มันมี "เทอม" ที่มา-ที่ไปของมัน
และมันมี "ต้นทุนที่ต้องจ่าย" เหมือนเพื่อไทยพูดนั่นแหละว่า "การตั้งรัฐบาลข้ามสายพันธุ์ มันเป็นต้นทุนที่ต้องจ่าย"!
กว่าค่อนของงบประมาณแต่ละปี จะเป็นเงินเดือน เงินก้อนนี้ มีเทอมจ่ายตอน "สิ้นเดือน" แต่ละเดือน
เมื่อเขยิบมาจ่าย ๑๕ วันครั้ง เขยื้อนทั้งระบบประเทศเลยละ!
ที่เศรษฐาบอก เพื่อไม่ต้องกู้หนี้ยืมสิน ระหว่างรอสิ้่นเดือน ก็เข้าใจว่าเจตนาดี
แต่อย่าลืม ไม่ว่าพนักงานเอกชน ไม่ว่าข้าราชการ ทุกวันนี้ พูดได้เลย ๕๐-๖๐% ขึ้นไป เป็น "มนุษย์เงินผ่อน"
เงินเดือนออกปุ๊บ ไม่ได้รับเต็มหรอก ถูกหักค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ผ่อนแบงก์ เผลอๆ บางคนที่เบี้่ยวเงินกู้ ถูกศาลสั่งให้หักเงินส่งศาลอีก
สมมุติเงินเดือน ๑ หมื่น ได้รับสดๆ ซัก ๔-๕ พัน ก็เก่งแล้ว
ฉะนั้น ที่เป็นจริง สมมุติเดือนกันยา.นี้ เงินที่กิน-ที่ใช้ ส่วนมาก ดึงเงินอนาคตของเดือนตุลา.มาใช้ก่อนแล้ว
พอถึงตุลา.ก็โน่น....
ดึงเงิน "เดือนพฤศจิกา." มาใช้ล่วงหน้า วงจรเป็นอย่างนี้
นายกฯ เศรษฐา สอบถามความต้องการข้าราชการดูก่อนดีมั้ย อย่าเพิ่งรีบ เดี๋ยวจะกลายเป็น "ทำคุณบูชาโทษ"
เอาละ...ขอแก้ข่าวหน่อย
เมื่อวาน ผมบอกไป "คุณเปรมชัย กรรณสูต" ที่ติดคุกอยู่ทองผาภูมิ พ้นโทษออกมาแล้ว เมื่อ มิ.ย.๖๖
ทางญาติคุณเปรมชัยแจ้งมา ยังอยู่ในคุกขณะนี้ ยังไม่ได้ออกมาตามที่เป็นข่าว
โปรดทราบกันตามนี้นะ โทษท่าน ๒ ปี ๔ เดือน ท่านก็อยู่ในคุกมาร่วม ๒ ปีแล้ว ขณะนี้ โรคเบาหวานรุมเร้า เข้าขั้นเสี่ยงต่อการต้อง "ตัดขา"
แต่คุณเปรมชัยไม่เคยได้รับสิทธิ์ไปรักษาที่โรงพยาบาลไหนเลย ป่วยปานนั้น ท่านไม่ปริปากบ่น ญาติไปเยี่ยมก็ได้แต่แอบร้องไห้
ผมขออภัย ที่บอกว่าท่านพ้นโทษ ออกมาเมื่อ มิ.ย.
ท่านยังอยู่ในคุก
ท่านเป็น "สุภาพบุรุษคนจริง" ของสังคมยุค "นิติธรรม-นิติรัฐ" ไทย
ในอุ้งมือเทวดา.!
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เพื่อไทย' นี่ 'เพื่อใคร'
"ขึงขัง-จริงจัง-ฉับไว" ต้องยกให้ "เศรษฐา" นายกฯ "คิดใหญ่-ทำเป็น" ของพรรคเพื่อไทย หนึ่งเดียวคนนี้!
"บิ๊กโจ๊ก" ดัชนี "๓ สถาบัน"
หนีไปเที่ยวมาวัน กลับมา "พระจันทร์" ข้างขึ้น ยิ้มแฉ่ง! จะไม่ยิ้มได้ไงไหว เพราะ "ขนมไหว้พระจันทร์" เพียบ!
‘บิ๊กตุ๋ย’ ลุยแหลก!! ราคาพลังงาน ต้องเป็นธรรมกับประชาชน
สัมภาษณ์ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค / รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ติดตามรายการ "อิสรภาพแห่งความคิด กับ สำราญ รอดเพชร" ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00 น.
'คนไทย' คือ 'ศรีเทพ'
"เมืองโบราณศรีเทพ" ได้ชื่อเป็นทางการจากยูเนสโกโดย "คณะกรรมการมรดกโลก" ที่ขึ้นทะเบียน "เมืองโบราณศรีเทพ" เป็นมรดกโลก เมื่อ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๖ ว่า
'ก้าวไกล..ไปสุดก็แค่นี้'
ใครก็อย่าว่า "ปิยบุตร" ครอบงำ "พรรคก้าวไกล" นะ
'แลนด์บริดจ์' สุริยะเบี้ยว?
ถ้าปรารถนาได้....ผมขอปรารถนา ชาติหน้า ขอเกิดเป็น "สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ" ซักร้อยชาติ! คนอาไร้....ช่างน่าอิจฉา...ชิบ