การบ้าน 'ผบ.คนใหม่'

"กรมปทุมวัน" ผลัดใบใหม่เริ่มต้นสู่ยุค บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กุมบังเหียนผู้นำสีกากี นั่งเก้าอี้ "ผบ.ตร." คนที่ 14 อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ซึ่งโจทย์ใหญ่ที่สำคัญของ ผบ.ตร.คนใหม่ นอกจากต้องดำเนินการตามคติตำรวจ "เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่ กรุณาปรานีต่อประชาชน อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักมากในลาภผล มุ่งบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ดำรงตนในยุติธรรม กระทำการด้วยปัญญา รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต" อีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ที่ "ผบ.ต่อ" ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนคือ การกู้ภาพลักษณ์ "สีกากี" ในสายตาประชาชนให้กลับมาศรัทธา หลังจากมีแต่เรื่องเสื่อมเสีย เรื่องผลประโยชน์ จนชาวบ้านส่ายหน้า โดยเฉพาะอัคคีลูกใหญ่ที่ถูกโยนเอาไว้ "...ผมมีข้อมูลอยู่มาก ถ้าเปิดเผยเมื่อไหร่ก็ตายกันหมดทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ" ตรงนี้ "บอส" ต้องรีบทำความจริงให้ปรากฏ ไม่เช่นนั้นชาวบ้านจะยิ่งสงสัย...มีอะไรที่ซุกใต้พรมกรมปทุมวันกันแน่ ๐

เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ต้องปรบมือดังๆ ให้ บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ อดีต ผบ.ตร. ที่ทิ้งไว้ให้เหล่าสีกากีได้เฮ! สำหรับการลงนามอนุมัติหลักเกณฑ์และวิธีการประเมิน เพื่อแต่งตั้งข้าราชการตำรวจทำหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์ให้แก่สถานีตำรวจทั่วประเทศ ตามที่ อ.ก.ตร.บริหารทรัพยากรบุคคลเสนอ รวมทั้งสิ้น 1,938 ตำแหน่ง แบ่งเป็น สว.(ป้องกันปราบปราม) ทำหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์ หรือ สวป.(ชส.) 487 ตำแหน่ง ในสถานีตำรวจขนาดใหญ่จำนวน 437 สถานี และสถานีตำรวจขนาดกลางในพื้นที่ตำรวจนครบาลอีก 50 สถานี และรอง สว.(ป้องกันปราบปราม) ทำหน้าที่ชุมชนสัมพันธ์ หรือ รอง สวป.(ชส.) 1,451 ตำแหน่ง เพื่อไปดำรงตำแหน่งโรงพักขนาดกลางและเล็กในสังกัด ภ.1-9 เพื่อให้เป็นแม่งานหลักในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยการใช้งานด้านชุมชนสัมพันธ์ ประสานงานชุมชนทุกภาคส่วน เข้าไปร่วมแก้ไข นำข้อมูลมาให้สายงานที่รับผิดชอบไปดำเนินการเพิ่มเติมในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด อาชญากรรมออนไลน์ ตลอดจนการป้องกันและลดอุบัติเหตุ รวมถึงโครงการสำคัญๆ ๐

โบกมืออำลาชีวิตราชการอีกล็อตใหญ่สำหรับตำรวจที่เข้าโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล รุ่น 24 หรือ เออร์ลีรีไทร์ ประจำปี 2567 เมื่อ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. ลงนามคำสั่ง ตร.ที่ 556/2566 เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2566 อนุญาตให้ข้าราชการตำรวจลาออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 เป็นต้นไป โดยตำรวจที่สมัครใจเข้าโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล รุ่น 24 มียศตั้งแต่ พล.ต.ท.ลงไปถึงดาบตำรวจ จำนวนทั้งสิ้น 1,407 ราย อาทิ พล.ต.ท.โพธ สวยสุววรณ จตร. พล.ต.ต.กล้าณรงค์ เผือกคุ้มกฤษ ผบก.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ ผบก.ภ.จว.กระบี่ พล.ต.ต.สรวุฒิ เหล่ารัตนวรพงษ์ รอง พตร. พล.ต.ต.เชาวรัช สมแก้ว นายแพทย์ (สบ 6) รพ.ตำรวจ ๐

สังเวยไปอีกหนึ่งโรงพัก สำหรับ 5 เสือ สน.ร่มเกล้า หลังชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง ออกปฏิบัติการ ทลายบ่อนพนันไฮโล ตั้งอยู่กลางตลาด เขตพื้นที่ สน.ร่มเกล้า ทำให้ พล.ต.ต.สราวุธ จินดาคำ ผบก.น.3 ลงนามในคำสั่ง บก.น.3 ให้ข้าราชการตำรวจ สน.ร่มเกล้า ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ บก.น.3 โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่เดิม ได้แก่ พ.ต.อ.กฤษณ์พนธ์ เพ็ชรสดศิลป์ ผกก.สน.ร่มเกล้า, พ.ต.ท.ศักดิเมธ ปรารถนา สวป.สน.ร่มเกล้า รักษาราชการแทน รอง ผกก.ป.สน.ร่มเกล้า, พ.ต.ท.ณัชญ์พิจักษณ์ รุ่งสว่าง รอง ผกก.สส.สน.ร่มเกล้า, พ.ต.ท.วัชรพล คงพุนพิน สวป.สน.ร่มเกล้า, พ.ต.ท.ธีร์ธวัช สวัสดิสาร สว.สส.สน.ร่มเกล้า นอกจากนี้ให้ตำรวจรักษาราชการแทนในตำแหน่ง ประกอบด้วย พ.ต.อ.สมศักดิ์ เอี่ยมอิ่ม ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 รักษาการ ผกก.สน.ร่มเกล้า, พ.ต.ท.ธนาวินท์ กาญจนวิภาส รอง ผกก.สส.บก.น.3 รักษาการ รอง ผกก.สืบสวน สน.ร่มเกล้า, ร.ต.อ.พลากร อมรมุนีพงศ์ รอง สวป.สน.ร่มเกล้า รักษาการ สวป.สน.ร่มเกล้า, ร.ต.อ.เอกรวีล์ ระเบียบโพธิ์ รอง สวป.สน.ร่มเกล้า รักษาการ สวป.สน.ร่มเกล้า และ ร.ต.อ.บุญณรงค์ คล้ายสง รอง สว.สส.สน.ร่มเกล้า รักษาการ สว.สส.สน.ร่มเกล้า ๐

29 ก.ย.ที่ผ่านมา หน่วยทหารจัดพิธีรับส่งหน้าที่ให้ผู้รับตำแหน่งใหม่เข้าทำงานในวันเปิดทำการจันทร์นี้กันตั้งแต่ช่วงเช้าถึงช่วงบ่าย ที่กองทัพไทย “บิ๊กออฟ” พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี  รับหน้าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จาก พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ที่เกษียณอายุราชการ ยังไม่มีการแถลงเรื่องนโยบายในการทำงานหลังพิธี และแนวทางการประชาสัมพันธ์ข้อมูลได้มีการจัดทีมพีอาร์สาวสวยของกองทัพในการสื่อสารแต่ละด้านไว้ โดยในช่วง 2 ปีที่อยู่ในตำแหน่ง เจ้าตัวประกาศไม่ขอพูดหรือให้สัมภาษณ์ ปล่อยให้ทีมโฆษกได้ใช้ศักยภาพในการนำเสนอการทำงานของหน่วยต่างๆ ไม่โฟกัสที่ตัวผู้บัญชาการทหารสูงสุดอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจคือ กองทัพไทยในยุคนี้จะมีการทำงานประสานกับเหล่าทัพในนโยบายสำคัญ เช่น การสมัครใจเป็นทหารกองประจำการ การปรับลดจำนวนพลทหาร รวมถึงทหารอาสา และเดินไปในทิศทางเดียวกัน ๐

ทางด้านกองทัพเรือ “บิ๊กดุง” พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือคนใหม่ แถลงนโยบายสั้นๆ 7  ข้อ พร้อมมอตโต "เทิดทูนสถาบัน ยึดมั่นระเบียบวินัย ประชาชนภูมิใจ ทะเลไทยมั่นคง" พร้อมยืนยัน 2 เรื่องร้อนของกองทัพเรือต้อง "จบ" ในยุคที่ตนเองเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ ทั้งเรื่องเครื่องยนต์ติดตั้งในเรือดำน้ำ และการกู้เรือหลวงสุโขทัยที่จะได้เห็นบางส่วนขึ้นจากผิวน้ำในเดือน ก.พ.ปีหน้า สานต่อที่ “บิ๊กจ๊อด” พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือคนเก่า สรุปเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำ ส่งไปให้กองบัญชาการทหารสูงสุด ก่อนพ้นตำแหน่ง ปูทางให้น้องๆ ได้สานต่อและเดินหน้าทำงานไปอย่างไร้รอยต่อ และเชื่อว่าในยุคของ “บิ๊กดุง” น่าจะมีข่าวและความคืบหน้าในหลายเรื่อง จึงต้องมีทีมโฆษกช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารอยู่ตลอด โดยมีชื่อ พล.ร.ต.วีรุดม ม่วงจีน ว่าที่โฆษกนำทีม รับไม้ต่อจาก “บิ๊กคลื่น" พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด โฆษกคนเก่าที่ครบเครื่อง ๐

ขณะที่ “บิ๊กไก่” พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ รับหน้าที่เรียบร้อย โดยกล่าวหลังรับธงประจำตำแหน่งว่า “จะทำให้กองทัพอากาศที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ  ดำรงอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความเจริญก้าวหน้า เพื่อปกป้องเอกราช อธิปไตย และราชบัลลังก์” แต่ภายใต้ข้อจำกัดงบประมาณ ก็ต้องติดตามต่อไปว่ากองทัพอากาศจะมีวิธีการอย่างไร ในการปรับแนวทางการพัฒนากองทัพอากาศจากยุค One of the best มาสู่ยุค The Unbeatable Airforce จะเป็นแบบไหน แต่เชื่อว่าด้วยระยะเวลา 2 ปีที่ทำหน้าที่ถือว่า “พอมีเวลา” ได้หายใจในการทำอะไรได้มากขึ้น เพราะเมื่อย้อนกลับไปดูผู้บัญชาการทหารอากาศปีเดียว ที่ต่อเนื่องยาวนานมา 5 คน 5 ปี เจอทั้งมรสุมโควิดกับการเมือง หลายโครงการไม่ผ่านการพิจารณาต้องคืนงบฯ รวมแล้วร่วมหมื่นล้าน ในสายตาอดีตปลัดบัญชีทหารอากาศอย่าง พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ มองว่า “ทอ.เสียโอกาส” ถ้ามีเวลาอย่างน้อย 2 ปี ผู้บัญชาการทหารอากาศ สามารถทำงานต่างๆ ได้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยในวันจันทร์นี้มีกระแสข่าวว่า “นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน" มีกำหนดการพบกับ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด  และ ผบ.เหล่าทัพ ประชุมเพื่อหารือเรื่องงบประมาณ และโครงการของเหล่าทัพในภาพรวมด้วย ๐

“บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เปิดใจกลางงานสานสัมพันธ์สื่อก่อนเกษียณอายุราชการ มองโลกยุคโซเชียลที่เปลี่ยนไปและคนในสังคม รวมถึงกองทัพก็ต้องปรับตัว หรือพัฒนา “ผมเป็นคนรุ่นปลายยุคเบบี้บูม ผ่านกองทัพในยุคนั้นมา เมื่อเติบโตมาในชีวิตรับราชการก็ต้องมาปฏิบัติงานกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นคนเจนเนอเรชัน Y  หรือ Z เราก็ต้องปรับตัว แต่ถึงอย่างไร สิ่งที่คิดว่ายังดำรงอยู่ในตัวคือเรื่องของจิตสำนึก จิตวิญญาณ ที่ต่อให้ภายนอกเปลี่ยนอย่างไร แต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังติดในตัวเรา”  กล่าวจบก็ฝากให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่ดูแลกองทัพต่อไป ส่วนเจ้าตัวยังไม่แย้มว่าจะไปทำอะไรต่อ บอกแค่ว่ากลับบ้านไปพักผ่อน แต่คนรอบข้างไม่เชื่อว่า “บิ๊กแก้ว” จะปิดจ๊อบชีวิตตัวเองเป็นทหารแก่เลี้ยงหลาน.   

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กต่าย' ชี้ตำรวจไซเบอร์ยังต้องทำงานหนัก แม้ภาพรวมจับเว็บพนันได้เยอะขึ้น

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังไม่พอใจผลการปฏิบัติงานของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

ก.ตร. ไฟเขียวแต่งตั้ง 43 นายพลสีกากี 'สุรพงษ์ ชัยจันทร์' ผงาดที่ปรึกษาพิเศษตร.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เป็นประธานเพื่อประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 3/2567 โดยมีวาระการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ

ไฟไหม้ห้องทำงาน รองผอ.รร.เมืองตลุงพิทยาสรรพ์  คาดอากาศร้อนทำเบรกเกอร์ช็อต

เกิดเหตุไฟไหม้ห้องรอง ผอ.โรงเรียนมัธยม อ.ประโคนชัย  จ.บุรีรัมย์ ลามไหม้ห้องวิชาการ  เสียหายทั้ง 2 ห้อง  ตรวจสอบพบเบรกเกอร์เครื่องปรับอากาศในห้องรอง ผอ. มีรอยไหม้ คาดไฟฟ้าลัดวงจร บวกกับอากาศที่ร้อนจัด

สายหื่นระวัง 4 ภัยมิจฉาชีพหลอกให้ตกเป็นเหยื่อ

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ได้มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาจได้รับความเสียหายจากอาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบัน