‘สมุดปกขาว’ จีนยกตนเป็น นักสันติขณะมะกันค้าสงคราม!

สี จิ้นผิง เดินหน้าผลักดันให้จีนอยู่แนวหน้าของสังคมโลกที่ต้องการจะสร้าง “ประชาคมโลกใหม่มีอนาคตร่วมกัน”

เพื่อแทนที่โลกวันนี้ที่มีตะวันตกเป็นผู้กำหนดทิศทางให้ทุกคน

รัฐบาลจีนเผยแพร่สมุดปกขาวเมื่อวันอังคารเพื่อแนะนำฐานทางทฤษฎี การปฏิบัติ และการพัฒนาของประชาคมโลกที่มีอนาคตร่วมกัน

โดยการนำเสนอวิสัยทัศน์ของจีนเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนามนุษย์ เป็นการตอบโต้ความคิดที่มีอำนาจเหนือกว่าของ “บางประเทศที่แสวงหาอำนาจสูงสุด”

สมุดปกขาวฉบับนี้มีหัวข้อว่า "A Global Community of Shared Future: China's Proposals and Actions"

หรือการสร้าง “ประชาคมโลกที่มีอนาคตร่วมกัน: ข้อเสนอและแผนปฏิบัติการของจีน”

ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในระดับที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในศตวรรษนี้

สมุดปกขาวระบุว่า “เกมผลรวมเป็นศูนย์” (Zero-Sum Game) นั้นถึงวาระที่จะล้มเหลว

แต่บางประเทศยังคงยึดติดกับกรอบความคิดนี้

โดยแสวงหาความมั่นคงที่สมบูรณ์และความได้เปรียบแบบผูกขาด ซึ่งจะไม่ช่วยพัฒนาในระยะยาว แต่จะสร้างภัยคุกคามที่สำคัญต่อโลก

ตอนหนึ่งของสมุดปกขาวบอกว่า “เห็นได้ชัดว่าความหลงใหลในความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าผู้อื่นทั้งหมด และความคิดแบบรวมศูนย์นั้นขัดแย้งกับความต้องการในยุคสมัยของเรา โดยชี้ให้เห็นว่ายุคใหม่เรียกร้องให้มีแนวคิดใหม่ ๆ”

เอกสารฉบับนี้บอกว่าการสร้างชุมชนระดับโลกที่มีอนาคตร่วมกันคือการแสวงหาความเปิดกว้าง การไม่แบ่งแยก ผลประโยชน์ร่วมกัน ความเสมอภาค และความยุติธรรม

เป้าหมายไม่ใช่การแทนที่ระบบหรืออารยธรรมหนึ่งด้วยระบบอื่น

แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับประเทศที่มีระบบสังคม อุดมการณ์ ประวัติศาสตร์ สิทธิที่มีร่วมกัน และความรับผิดชอบร่วมกันในกิจการระดับโลกที่แตกต่างกัน

วิสัยทัศน์ของชุมชนระดับโลกที่มีอนาคตร่วมกันยืนคือการเลือกข้างที่ถูกต้องของประวัติศาสตร์และเป็นการสร้างความก้าวหน้าของมนุษย์

แนวคิดเรื่องชุมชนระดับโลกแห่งอนาคตร่วมกันมีรากฐานที่หยั่งรากลึกในมรดกทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้งของจีน และประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้

สมุดปกขาวลอกว่าบางประเทศกำลังพยายามโดดเดี่ยวจีน โดยปิดล้อมตัวเองด้วย "สนามหญ้าเล็กๆ รั้วสูง"

ในท้ายที่สุดก็จะมีแต่ผลย้อนกลับเท่านั้น

จีนบอกว่าบางประเทศพูดถึง "ลดการพึ่งพา" และ "ลดความเสี่ยง" (decoupling กับ de-risking) ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วจีนบอกว่าก็คือการสร้างความเสี่ยงใหม่ ๆ ขึ้นนั่นเอง

จีนบอกว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาปักกิ่งได้มีส่วนร่วมในการสร้างประชาคมโลกที่มีอนาคตร่วมกันด้วยความเชื่อมั่นอันแน่วแน่และการกระทำที่มั่นคง

ตัวอย่างเช่น ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มากกว่าสามในสี่ของประเทศทั่วโลกและองค์กรระหว่างประเทศมากกว่า 30 แห่งได้ลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางกับจีน

BRI มีต้นกำเนิดในประเทศจีน แต่โอกาสและความสำเร็จที่สร้างขึ้นนั้นเป็นของทั้งโลก

ปักกิ่งถือว่านี่คือความคิดริเริ่มสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจเป็นหลัก

ไม่ใช่เป็นการสร้างพันธมิตรทางภูมิรัฐศาสตร์หรือการทหาร

อีกทั้งยังเป็นกระบวนการที่เปิดกว้างและครอบคลุมซึ่งไม่ได้กำหนดเป้าหมายหรือกีดกันฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ในบรรดาโครงการ BRI เหล่านั้น รถไฟจีน-ลาวเริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 โดยมีอุโมงค์ 167 แห่ง และสะพาน 301 แห่งที่สร้างขึ้นในระยะเวลา 11 ปี ตลอดความยาวรวม 1,035 กิโลเมตร

อีกทั้งยังมีการก่อสร้างทางรถไฟสร้างงานในท้องถิ่นมากกว่า 110,000 ตำแหน่ง และช่วยสร้างถนนและคลองยาวประมาณ 2,000 กิโลเมตรให้กับหมู่บ้านต่างๆ ตามแนวทางรถไฟ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อคนในท้องถิ่น

จีนบอกว่านอกจาก BRI แล้วจีนก็ยังประกาศความริเริ่มใหม่ ๆ เช่น Global Development Initiative, Global Security Initiative และ Global Civilization Initiative

ซึ่งได้พัฒนาจนกลายเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการสร้างชุมชนระดับโลกที่มีอนาคตร่วมกัน

โดยนำเสนอวิธีแก้ปัญหาของจีนต่อความท้าทายสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับสันติภาพและการพัฒนาเพื่อมนุษยชาติ

เมื่อเผชิญกับปัญหาการเผชิญหน้าที่เสี่ยงกับการปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่อง จีนพยายามจะมีบทบาทในฐานะประเทศหลักที่มีความรับผิดชอบ

โดยผลักดันให้แก้ไขปัญหาจุดวาบไฟระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค เช่น คาบสมุทรเกาหลี ปาเลสไตน์ ปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่าน ซีเรีย และอัฟกานิสถาน กระดาษสีขาวกล่าวว่า

ในประเด็นยูเครน จีนได้ส่งเสริมการเจรจาสันติภาพอย่างแข็งขัน

โดยระบุสี่ประเด็น สี่เรื่องที่ประชาคมระหว่างประเทศควรทำร่วมกัน

และข้อสังเกตสามประการ

กับพยายามวางจุดยืนของจีนในการยุติข้อตกลงทางการเมืองจากวิกฤตการณ์ยูเครน

โดยส่งผู้แทนพิเศษของรัฐบาลจีนในกิจการเอเชียจะมีส่วนร่วมในการมีปฏิสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับการยุติทางการเมืองของวิกฤตยูเครน

จีนบอกว่าได้ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานให้ ซาอุดีอาระเบีย และอิหร่าน บรรลุการปรองดองครั้งประวัติศาสตร์เมื่อต้นปีนี้

เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคในการแก้ไขข้อพิพาทและความแตกต่าง และบรรลุความสัมพันธ์เพื่อนบ้านที่ดีผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือ และกระตุ้นคลื่นแห่งความสมานฉันท์ในตะวันออกกลาง

ปักกิ่งยืนยันว่าจีนยังได้เสนอโครงการริเริ่มระดับภูมิภาคและระดับทวิภาคีในการสร้างชุมชนแห่งอนาคตร่วมกัน

และการทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อสร้างฉันทามติและขยายความร่วมมือ

โดยมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการส่งเสริมสันติภาพและการพัฒนาในภูมิภาค

นอกจากนี้ยังส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในสาขาต่างๆ รวมถึงการต่อสู้กับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 การจัดการกับความไม่เป็นระเบียบในการกำกับดูแลทางไซเบอร์สเปซ และการรับมือกับความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศโลก

เห็นได้ชัดว่าการออก “สมุดปกขาว” เล่มล่าสุดของจีนครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและมั่นใจของสี จิ้นผิงที่จะวางบทบาทของจีนในฐานะผู้นำโลกที่สร้างสันติภาพและสมานฉันท์

เพื่อสร้างความแตกต่างกับสหรัฐฯที่จีนมองว่ามุ่งเน้นไปทางเผชิญหน้าและค้าสงคราม!

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รัฐบาลเงาเมียนมาลั่น 'กองทัพใกล้จุดล่มสลาย'

ถ้าฟังจากด้านกองกำลังฝ่ายต่อต้านในเมียนมา เราจะได้ยินเสียงที่แสดงความมั่นใจมากขึ้นทุกวัน ว่าฝ่ายรัฐบาลทหารกำลังเข้าสู่โหมด “ล่มสลาย”

มิน อ่องหลายกำลังเผชิญกับ ภัยคุกคามต่ออำนาจอย่างหนัก

เมื่อวาน ผมเขียนถึงความสัมพันธ์ของจีนกับฝ่ายต่าง ๆ ในพม่าที่มีความซับซ้อนพอสมควร พอได้นั่งแลกเปลี่ยนกับผู้เชี่ยวชาญพม่าเพิ่มเติมก็เห็นความละเอียดอ่อนของปัญหานี้อีกหลายด้าน

ปักกิ่งสำทับพม่าให้สงบศึกเพราะ การสู้รบเริ่มกระทบผลประโยชน์จีน

การสู้รบระหว่างกลุ่มต่อต้านชาติพันธุ์กับกองทัพพม่าทางเหนือที่ติดกับจีนกำลังทำให้ปักกิ่งมีความกังวลมากขึ้นทุกที