มท.1 ซอฟพาวเวอร์

เข้าทางถนัดของ  “มท.หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1)  กับการปั้นหน่วยงานในการดูแล ให้กลายเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ   มารอบนี้ ไม่ทิ้งลายเดิม เดินหน้าแนะนำสินค้า OTOP ของไทย ให้เป็นที่รู้จักระดับประเทศ  ผ่านงาน OTOP MID YEAR 2023 ที่อิมแพ็ก เมืองทองธานี   สนองนโยบายรัฐบาล ปั้น THAILAND SOFT POWER

ขณะที่ มท.1  นอกจากเป็นพรีเซ็นเตอร์งานแล้ว ยังมอบหมาย ให้กรมพัฒนาชุมชน ต้องหาตลาดกระจายสินค้า พร้อมยกระดับผลิตภัณฑ์ มองไกล ถึงการขายในระดับโลก

“ผมกล้าการันตีว่า สินค้า OTOP นี้ดีกว่าสินค้าแบรนด์เนมแน่นอน ดีกว่า ทนกว่า คุ้มค่ากว่า เกิดประโยชน์ เกิดคุณค่ามากกว่า และในด้านการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) เรามีกรมการพัฒนาชุมชน มีทีมไปเสริมทักษะ เสริมเรื่องคุณค่า คุณภาพ มูลค่าเพิ่มให้กับพี่น้องประชาชน เราช่วยยกระดับทำให้สินค้าของไทยที่ทำด้วยคนไทย ได้รับการเสริมสร้างความรู้ให้เขารู้ว่าตลาดในประเทศและต่างประเทศ ณ เวลานี้เป็นอย่างไร ดังสโลแกน ทันโลก ทันสมัย ทันท่วงที ที่สอดคล้องกับทุกสถานการณ์

ด้วยความอินเรื่องงาน OTOP    “มท.1”  จึงนำเรื่องดังกล่าวติดตัวไปตลอด ล่าสุด ไปตรวจเยี่ยมกรุงเทพมหานคร ได้โอกาสส่งมอบนโยบายกับท่านผู้ว่าฯกทม.  “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์”    จึงขอให้ร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย จัดงาน OTOP ในพื้นที่เมืองกรุงเทพฯอีกด้วย

สำหรับ “อนุทิน” ก่อนจะมาทำงานการเมือง เป็นนักธุรกิจมากฝืมือมากก่อน เห็นช่องทางการค้า การขาย ไม่เป็นรองใคร  ที่ผ่านมาภูมิปัญญาไทย แม้จะดีเลิศ แต่ไปได้ไม่ไกล เพราะขาดแรงหนุน จากคนรู้จริง

มายุคนี้ เมื่อมีรองนายกฯ ชื่อ อนุทิน เชื่อเหลือเกินว่าจะเป็นยุคทองของ OTOP ได้กลับมาผงาดอีกหน เพราะอย่าลืมว่ากระทรวงมหาดไทย   มีองคาพยพสามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ ทั่วถิ่นแดนไทย ภายใต้ภารกิจบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ซึ่งชัดเจนว่าทุกข์คนไทย คือเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง สุขคนไทย คือ การให้เงินทองไหลมา เทมา

ฉะนั้น OTOP ไทย คือ ทางแก้ปัญหา หากหาตลาดได้ เงินย่อมไหลเข้าชุมชน แค่นี้ก็นับว่าคลายความทุกข์ เพิ่มความสุขได้แล้ว  

 

ช่างสงสัย

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อำลา‘ก.ท่องเที่ยวฯ’

เป็นช่วงเวลาของการอำลาตำแหน่งและการย้ายกระทรวงของบรรดารัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่บางคนต้องออกไปถาวร หรือบางคนแค่ย้ายกระทรวง ทำให้ช่วงนี้เห็นบรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นของบรรดาข้าราชการกระทรวงต่างๆ ที่จัดงานอำลาให้กับเจ้ากระทรวงของตัวเอง

ไม่ได้หมายถึงเรื่องใด

ช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นั้นเป็นที่วิพาษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อ อ. ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ ศาสตราภิชานประจำคณะนิติศาสตร์

สายล่อฟ้า

ปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐา1/1 เกิดเหตุตามหลังมากกมาย ที่กล่าวขานกันมากก็กรณี “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ลาออกจากการเป็นรมว.ต่างประเทศ เรียกว่าทุกสายตาคอการเมืองพุ่งเป้าไปที่นั่น

“วันสบายๆ”

การเมืองช่วงนี้ร้อนแรงไม่แพ้กับอากาศจริงๆ เพราะนอกจากจะร้อนแล้วยังระอุไปทั่ว ทั้งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงรายชื่อรัฐมนตรี ทั้งพ้นความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยมีชื่อที่คุ้นหน้าคุ้นตากันหลายชื่อ

บันทึกหน้า 4

ควันหลงการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 เกิดดรามามากมาย โดยเฉพาะจากคนที่ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่พ้นกระทรวงสาธารณสุข กลับไปทำงาน สส. รวมถึงกรณี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่หลุดจากตำแหน่งรองนายกฯ

นิ่งแบบนี้มีลุ้น

ช่วงตั้ง ครม.เศรษฐา 1 ใหม่ๆ หลายคนคาดการณ์ สมศักดิ์ เทพสุทิน คงนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่ทำเนียบรัฐบาลไม่นาน เพราะถนัดงานกระทรวงมากกว่า