ก่อนหน้านี้อาจจะเซอร์ไพรส์เมื่อชื่อ "คารม พลพรกลาง" มาเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในโควต้าของพรรคสีน้ำเงิน เพราะอดีตเคยเป็น ส.ส.พรรคก้าวไกล ก่อนย้ายมาลงสมัคร ส.ส.เขตร้อยเอ็ดพรรคภูมิใจไทย แต่สอบตก
แม้จะมีแผลเป็นจากบางสื่อในอดีต ระบุว่าเป็น "ส.ส.งูเห่า" แต่เมื่อมาทำหน้าที่ใหม่ ก็หวังจะใช้โอกาสนี้ พิสูจน์ผลงานอย่างมีวุฒิภาวะ เพราะผ่านร้อนผ้านหนาวทางการเมืองมานาน
อย่างไรก็ตามหลังจากทำหน้าที่ประมาณ2-3 สัปดาห์ ถือว่าสอบผ่านเพราะยังไม่เสียงสะท้อนถึงความไม่พอใจในเรื่องการทำงาน
เนื่องจากเป็นนักกฎหมาย จึงสามารถจับประเด็นได้แม่น และรู้ว่าสื่อฯต้องการข้อเท็จจริงในเรื่องไหน ควบคู่ถ่ายภารกิจและผลงานของ4 กระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยรับผิดชอบได้อีกด้วย และยังไม่พลาดหากมีโอกาสก็สามารถตอบโต้ประเด็นทางการเมืองได้อีกด้วย
ตรงใจหัวหน้าพรรค "อนุทิน ชาญวีรกูล" รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ที่ต้องการให้ลูกพรรคทำงานแบบทันที ทันใจ และถูกใจ ตามคอบเซ็ป "สั่งวันนี้ได้ ได้เมื่อวาน"
ฉะนั้นจึงฟันธงล่วงหน้าเมื่อเจอสถานการณ์ไหนสามารถเอาตัวรอด และปรับตัวได้หมด แม้จะถูกสื่อฯจู่โจมซักถาม หลังมีกระแสข่าว ผู้บริหาร มีคำสั่งให้รองโฆษกฯหมุนเวียนกันเข้าครม. หรือเฉลี่ยแล้ว 3สัปดาห์เข้าประชุม 1 ครั้งเท่านั้น
เจ้าตัวบอกว่า ไม่ติดใจที่ไม่ได้เข้าห้องประชุมครม. แต่ก็อาจมีผลกระทบอยู่บ้างในการให้ข่าว เพราะในวันที่ไม่ได้เข้าประชุม
แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นคำสั่งใคร พร้อมทั้งปกป้องว่าไม่ใช่คำสั่งของโฆษกรัฐบาลเพราะเป็นผู้รับคำสั่งมาแจ้งให้ทราบเท่านั้น
กระจอกข่าวสอบถามต่อว่า สาเหตุที่ไม่ให้รองโฆษกฯจากพรรคร่วมรัฐบาลเข้าห้องประชุมครม.เพราะแกนนำอย่างเพื่อไทยไม่ไว้ใจรองโฆษกฯจากโควต้าพรรคภูมิใจไทยใช่หรือไม่ รองฯคารม รีบเคลียร์ว่า
"ไม่น่าจะมีประเด็นนี้ และ ผมได้เรียนกับโฆษกรัฐบาลแล้วว่าเคยอยู่พรรคไทยรักไทยมา พรรคเพื่อไทย และยังเป็นทนายความให้กลุ่มนปช.มาก่อน ฉะนั้นจึงรู้จักรัฐมนตรีในครม.เกือบทุกคน แต่...ไม่คุ้นเคยท่านนายกฯเท่านั้น" 555
นอกจากท่านคารม หลายรมต.ในครม. และคนการเมืองก็ไม่คุ้นเคยกับท่านนายกฯเช่นกันจ้า (อิอิ)
ช่างสงสัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อำลา‘ก.ท่องเที่ยวฯ’
เป็นช่วงเวลาของการอำลาตำแหน่งและการย้ายกระทรวงของบรรดารัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่บางคนต้องออกไปถาวร หรือบางคนแค่ย้ายกระทรวง ทำให้ช่วงนี้เห็นบรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นของบรรดาข้าราชการกระทรวงต่างๆ ที่จัดงานอำลาให้กับเจ้ากระทรวงของตัวเอง
ไม่ได้หมายถึงเรื่องใด
ช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นั้นเป็นที่วิพาษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อ อ. ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ ศาสตราภิชานประจำคณะนิติศาสตร์
สายล่อฟ้า
ปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐา1/1 เกิดเหตุตามหลังมากกมาย ที่กล่าวขานกันมากก็กรณี “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ลาออกจากการเป็นรมว.ต่างประเทศ เรียกว่าทุกสายตาคอการเมืองพุ่งเป้าไปที่นั่น
“วันสบายๆ”
การเมืองช่วงนี้ร้อนแรงไม่แพ้กับอากาศจริงๆ เพราะนอกจากจะร้อนแล้วยังระอุไปทั่ว ทั้งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงรายชื่อรัฐมนตรี ทั้งพ้นความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยมีชื่อที่คุ้นหน้าคุ้นตากันหลายชื่อ
บันทึกหน้า 4
ควันหลงการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 เกิดดรามามากมาย โดยเฉพาะจากคนที่ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่พ้นกระทรวงสาธารณสุข กลับไปทำงาน สส. รวมถึงกรณี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่หลุดจากตำแหน่งรองนายกฯ
นิ่งแบบนี้มีลุ้น
ช่วงตั้ง ครม.เศรษฐา 1 ใหม่ๆ หลายคนคาดการณ์ สมศักดิ์ เทพสุทิน คงนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่ทำเนียบรัฐบาลไม่นาน เพราะถนัดงานกระทรวงมากกว่า