"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด ซอยประชาชื่น 46" หลังเจอเสียงต้านจากแบงก์ชาติ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์กว่าร้อยคน ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน และวุฒิสภาสายขาประจำ ฯลฯ ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย ทำลูกหลานเป็นหนี้หัวโต ซ้ำร้ายอาจซ้ำรอยโครงการรับจำนำข้าวในอดีตที่ทำให้ประเทศเกิดความเสียหาย แถมยังมีคนต้องติดคุกและหนีคดีอยู่คนเดียวในต่างประเทศ
เล่นเอา "เสี่ยนิด" เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลัง และคนในพรรคเพื่อไทย ออกมาปลุกคนเห็นชอบดันเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ให้ออกมาส่งเสียงและแสดงออก เพื่อเป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็ก ให้รัฐบาลผลักดันเรื่องนี้
แม้จะมีเสียงเชียร์โครงการนี้อยู่บ้างก็ตาม แต่สิ่งที่สังคมอยากได้ยินมากกว่าที่นายกฯออกปลุกระดมและอ้างคนจน อาทิ จะนำเงินมาจากไหน กู้เท่าไหร่ และต้องเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะหรือไม่, ยังไม่แน่ชัดว่าจะแจกเงินถ้วนหน้า ที่ได้ทั้งเจ้าสัว คนร่ำรวย หรือเจาะจงเฉพาะกลุ่มเปราะบาง, ยังไม่แน่ว่ารัศมีการใช้จะเป็นอย่างไร และร้านค้าปลีกรายใหญ่จะได้ประโยชน์จากโครงการนี้
"จตุพร พรหมพันธุ์" วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวถึงการแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทว่า แม้นายกฯ ประกาศยังเดินหน้าทำต่อไปโดยไม่ฟังเสียงค้านก็ตาม แต่ ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน และศาล รธน. จะสามารถหยุดนโยบายนี้ได้ ดังนั้น การปลุกคนเป็นล้านให้ส่งเสียงสนับสนุนรัฐบาลย่อมไม่มีความหมายใดๆ
“คุณเศรษฐาปลุกประชาชนให้ตายที่จะส่งเสียงสนับสนุนการแจกเงินดิจิทัล แต่องค์กรเหล่านี้ตั้งคณะกรรมการมาศึกษาย่อมใช้คนไม่กี่คน หรือมีแค่ 9 คน ก็จะจัดการกับคุณได้ คุณยังไม่เข็ดหลาบเหรอกับเรื่องเสียง สส. ดังนั้น การขอให้ประชาชนออกมาส่งเสียงคำรามใส่อีกฝ่ายหนึ่ง จึงไม่มีผลใดๆ เลย"
อย่างไรก็ตาม คงต้องดูว่า "เศรษฐา" และ พรรคเพื่อไทย จะฝ่ากระแส โดยไม่ฟังเสียงต้าน เพื่อผลักดันนโยบายหาเสียง กู้วิกฤตความเชื่อมั่นหลังจับมือข้ามขั้ว หรือประนีประนอม ฟังเสียงเตือนจากผู้เกี่ยวข้อง จ่ายเฉพาะผู้เปราะบาง หรือมิให้ร้านค้าของนายทุนหรือเจ้าสัวได้ประโยชน์ ก็ยังพอรับได้ และอาจไม่ตกม้าตายอย่างโครงการจำนำข้าว ที่บัดนี้ยังเหลือหนี้กว่า 2 แสนล้านบาท ที่ยังตามล้างตามเช็ดไม่หมด ในทางกลับกัน หากเปลี่ยนเป็นเงินของ นายกฯ รมต.เพื่อไทย หรือนายใหญ่ชั้น 14 ไปแจก คงไม่มีใครคัดค้านแน่นอนใช่มั้ย
ต่อด้วยความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยอีกเช่นกัน ท่ามกลางเสียงไม่มีความจริงจัง ใช้แท็กติกซื้อเวลา เป็นเครื่องมือประคองรัฐบาลให้ทำงานตลอด 4 ปี หลัง "เสี่ยอ้วน" ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ขอเวลา 4 ปี ทำรัฐธรรมนูญเพื่อรองรับการเลือกตั้งครั้งหน้า
โดยวันที่ 16 ต.ค. จะเซ็นคำสั่งนำรายชื่อคณะอนุกรรมการ 2 ชุด คือคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ นายนิกร จำนง อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นประธาน และคณะศึกษาแนวทางทำประชามติให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีนายวุฒิสาร ตันไชย อดีตเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธาน จากนั้นทั้งสองคณะจะแยกย้ายไปทำงาน ก่อนนำข้อสรุปการทำประชามติมาเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ภายในสิ้นปีนี้ ว่าจะทำประชามติกี่ครั้ง มี ส.ส.ร.หรือไม่อย่างไร โดยมีเป้าหมายจะทำประชามติครั้งแรกไตรมาสแรกของปี
แต่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะสำเร็จหรือไม่ยังมีหลายด้าน โดยเฉพาะการตั้งคำถามว่าการทำประชามติครั้งนี้จะผ่านหรือไม่ หากไม่ผ่านอาจถือว่าต้องม้วนเสื่อกลับบ้านไปได้เลย และจะทำให้รัฐธรรมนูญ 60 มีความชอบธรรม
รวมถึงคำถามต้องไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอีกด้วย เนื่องจากจะต้องมีนักร้องไปยื่นอยู่แล้ว อีกทั้งเนื้อหาการแก้ไขจะต้องผ่านด้าน สว. 1 ใน 3 หรือ 84 เสียงอีกด้วย ฉะนั้นการรอให้ สว.ชุดเก่าไปและชุดใหม่มาทำอาจจะง่ายกว่า
แต่สุดท้ายแม้จะผ่านหรือไม่ผ่านตรงช่วงไหนก็ตาม ในส่วนของพรรคเพื่อไทย เอาเข้าจริงก็คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะอย่างน้อยก็ทำตามที่หาเสียงเอาไว้ เพราะเอาจริงๆ เพื่อไทยได้รัฐบาลก็มาจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ หากไม่ได้แก้ไขจริง ผู้ที่คาใจก็คือพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่.
ช่างสงสัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
'ทำอะไรต่อ?'
หลัง "เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร" สส.พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับกรณีจะไม่ลงสมัคร สส.กทม.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย


